ตอนที่ 269 ความแตกต่างของเทพกับปีศาจร้าย

เซียนหมากข้ามมิติ

ตอนที่ 269 ความแตกต่างของเทพกับปีศาจร้าย

เดิมหากอยู่ภายใต้สถานการณ์ปกติยามได้ยินชื่ออิงรั่วหลี เซียวหลิงกับต้วนมู่หวั่นย่อมไม่ตอบสนองอะไรแน่

แต่เมื่อครู่ยามพูดถึงเทพีอิงแห่งแม่น้ำเทียมฟ้ากลับเห็นหญิงสาวคนนี้มีปฏิกิริยาตอบสนองมากนัก ตอนนี้ยังเผยการเปลี่ยนแปลงอัศจรรย์เช่นนี้ กอปรกับแซ่อิงจึงทำให้หัวเซียวหลิงกับต้วนมู่หวั่นอดเกิดความคิดหนึ่งอย่างเป็นธรรมชาติไม่ได้… ‘หรือว่าเป็นเทพีแม่น้ำ’

โดยเฉพาะอย่างยิ่งหญิงสาวตรงหน้ายังมีอานุภาพเหนือธรรมดา ภายนอกใกล้เคียงเทพีแม่น้ำตามจินตนาการเช่นกัน ทั้งเหมือนเทพมากกว่าหน่อย

“ทะ ท่านคือเทพีแม่น้ำหรือ”

เซียวหลิงพูดจายำเกรงกว่าก่อนหน้านี้ไม่ใช่แค่ระดับหนึ่ง ก่อนหน้านี้ต่อให้ลนลานแค่ไหน แต่ยังฝืนทำท่าหยิ่งทะนง แต่เมื่อเผชิญหน้ากับความกดดันแข็งแกร่งของธิดามังกร ภายใต้ความน่าเกรงขามย่อมไม่อาจต้านทาน

ธิดามังกรมองเซียวหลิงอย่างเฉยชา

“นับว่าตามีแววอยู่บ้าง เจ้ารู้ว่ายันต์ร้ายกาจแต่ยังรับมาหล่อเลี้ยง ทั้งที่สงสัยอีกฝ่าย แต่ประกาศว่าเทพแม่น้ำช่วยเจ้า ดูท่าว่าเป็นพวกใจคด รับปราณดั้งเดิมเจ้ามาสิบปีเป็นบทลงโทษเล็กน้อย!”

ธิดามังกรแค่กระหวัดมือ ดวงแสงสีขาวมากมายผุดออกมาจากตัวเซียวหลิง จากนั้นค่อยทยอยรวมตัวอยู่กลางมือนาง

ขณะเดียวกันเซียวหลิงเหมือนสูญเสียพลังทั้งตัว เข่าอ่อนสีหน้าซีดเผือดจนคุกเข่าลง ระหว่างนี้ร่างกายเย็นลงและปวดแสบทั้งตัวไม่หยุด ความเจ็บปวดเช่นนี้เสียดลึกถึงจิตวิญญาณ ไม่อาจทานทนได้โดยสิ้นเชิง แต่กลับไม่มีน้ำตาร้องไม่ออก

“คุณชายเซียว!”

ต้วนมู่หวั่นที่อยู่ด้านข้างคิดประคองเซียวหลิงซึ่งล้มลง แต่จนปัญญาด้วยแรงกำลังน้อยเกินไป คว้าตัวไม่อยู่โดยสิ้นเชิง ได้แต่เสียสมดุลพร้อมกัน

ตึง…

เซียวหลิงคว่ำลงกับพื้น สีหน้าขาวสลับเขียว ตัวเย็นเยียบหนาวสะท้าน

“คุณชายเซียว! คุณชายเซียว! เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง เจ้าอย่าทำให้ข้าตกใจสิ!”

ต้วนมู่หวั่นตื่นตระหนกถึงขีดสุด เขย่าตัวเซียวหลิงแต่กลับไม่มีการตอบรับ ได้แต่กอดเขาช่วยสร้างความอบอุ่น

“เจ้าอย่าทำให้ข้าตกใจ คุณชายเซียวเจ้าพูดสิ!”

นางตะโกนเช่นนี้สองสามประโยค ต้วนมู่หวั่นเหมือนตระหนักถึงอะไรบางอย่างทันที หันมาคุกเข่าต่อหน้าธิดามังกรก่อนก้มกราบไม่หยุด

“เทพีแม่น้ำ! ข้ารู้ว่าพวกเราทำผิด ทั้งรู้ว่าพวกเราหลงเชื่อปีศาจร้าย ใช้สิ่งไม่สมควร เรื่องนี้เกิดขึ้นเพราะข้า ถึงทำผิดก็ผิดด้วยกัน ข้าไม่ขอให้ท่านปล่อยคุณชายเซียว แค่หวังว่าจะรับผิดชอบร่วมกัน แบ่งความเจ็บปวดของเขามาครึ่งหนึ่ง!”

หญิงสาวโขกศีรษะกับพื้นไม้ชั้นสองจนเกิดเสียงดังปึงๆ หน้าผากกระแทกจนบวมเป่ง แม้ว่าเซียวหลิงที่อยู่ด้านข้างเจ็บปวดจนขยับตัวไม่ได้ แต่ยังกัดฟันคิดยื่นมือไปคว้าตัวต้วนมู่หวั่นสุดกำลัง

ธิดามังกรเห็นท่าทางของทั้งสองคน นางขมวดคิ้วเล็กน้อยไม่พูดจา แต่หันมองจี้หยวนกับบุตรมังกรที่อยู่ด้านหลัง

จี้หยวนเห็นท่าทางของเซียวหลิงกับต้วนมู่หวั่น ทั้งมองการตอบสนองของธิดามังกร ในใจกระจ่างถ่องแท้

“เอาล่ะ เทพีแม่น้ำโปรดระงับโทสะ ใช่ว่าแม่นางต้วนกล่าวโดยไร้หลักการ พิจารณาตามเหตุการณ์เถอะ”

คล้ายว่ารอประโยคนี้ ธิดามังกรหันมาค้อมตัวให้จี้หยวนเล็กน้อย จากนั้นจึงหันมองเซียวหลิงกับต้วนมู่หวั่นใหม่อีกครั้ง แค่ขับเคลื่อนความคิดศีรษะต้วนมู่หวั่นไม่กระแทกลงมาอีก

“เจ้าเซียวหลิงนับว่าโชคดี มีท่านอาจี้พูดแทนพวกเจ้า ส่วนพวกเจ้าสองคนยังถือว่ามีความรักแท้จริงอยู่บ้าง…”

อิงรั่วหลีมองต้วนมู่หวั่นโดยละเอียด

“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ข้าจะทำให้เจ้าสมปรารถนา!”

เซียวหลิงทั้งหนาวเหน็บทั้งตัวสั่น ได้แต่หอบหายใจคิดคว้าตัวต้วนมู่หวั่นไม่หยุด

ธิดามังกรเหลือบมองเขา แบมือขวาออกมาอีกครั้ง ดวงแสงสีขาวมากมายลอยกลับเข้าร่างเซียวหลิงที่ทรุดกองกับพื้น ขณะเดียวกันดวงแสงสีขาวส่วนหนึ่งผุดออกมาจากตัวต้วนมู่หวั่น ลอยเข้าสู่มือธิดามังกร

ผ่านไปประมาณสองลมหายใจ แสงเรืองรองทั้งหมดหายไป ธิดามังกรกุมมือเก็บเข้าแขนเสื้อหรูหรา

เซียวหลิงรู้สึกว่าเรี่ยวแรงของตนฟื้นคืนกลับมาแล้ว แม้ว่าร่างกายยังอ่อนแออยู่บ้าง แต่ใช่ว่าไร้เรี่ยวแรงจนยืนไม่อยู่ เมื่อเห็นต้วนมู่หวั่นที่อยู่ข้างกายซวนเซเล็กน้อย เขาลุกขึ้นมาประคองนางทันที

“หวั่นเอ๋อร์ ทำไมเจ้าถึงโง่เช่นนี้! ทำไมหญิงสาวอ่อนแออย่างเจ้าต้องแบกรับความเจ็บปวดเช่นนี้ด้วย…”

ธิดามังกรมองพวกเขา พยักหน้าให้จี้หยวนกับบุตรมังกรก่อนถอยมาก้าวหนึ่ง ถือเป็นการแสดงออกว่าจบลงเพียงเท่านี้ นางไม่สนใจอะไรอีกแล้ว

จี้หยวนมองอิงรั่วหลีที่ยังทำหน้าเคร่งขรึมด้วยสีหน้าบอกไม่ถูก ครั้งแรกนางไม่ออมมือจริงๆ แต่ครั้งสองใช่ว่าปล่อยให้เซียวหลิงกับต้วนมู่หวั่นแบกรับกันคนละครึ่ง หากแต่คืนกลับไปแปดเก้าส่วน ดูท่าว่ารับมาจากตัวต้วนมู่หวั่นแค่ส่วนเดียว

มิฉะนั้นด้วยสภาพร่างกายของต้วนมู่หวั่น ตอนนี้คงยืนหยัดไม่อยู่ล้มลงนานแล้ว พลังหยางห้าปีไม่อาจทัดเทียมอายุขัยห้าปีโดยง่าย

บนโลกนี้ไม่มีบันทึกเกิดดับ แม้แต่ศาลมืดยังได้แค่เห็นบันทึกการเปลี่ยนแปลงตอนคนใกล้ตาย ไม่อาจเปลี่ยนอายุขัยคนอื่นตามสะดวก พลังหยางสิบปีหรือห้าปี สิ่งที่รับมาคือปราณดั้งเดิมของบุคคล โดยหลักการจำนวนปีเป็นแค่วิธีคำนวณ หากช่วงฟื้นฟูสภาพเกิดเหตุไม่คาดฝันปราณมารเข้าตัวย่อมป่วยหนักโดยง่าย

จี้หยวนลุกขึ้นจากเก้าอี้ยาวหน้าโต๊ะ อ้อมโต๊ะย่อตัวลงกับพื้นมาอยู่ข้างกายทั้งสองคนซึ่งกอดกันอยู่ ทำให้เซียวหลิงกับต้วนมู่หวั่นเงยหน้ามองเขา

“ในเมื่อคุณชายเซียวมีปัญญาแยกแยะคนได้ ทางที่ดีไม่ควรเลือกมองข้ามบางสิ่งเพื่อผลประโยชน์ บัณฑิตควรมีปณิธานอยู่บ้าง เมื่อเจ็ดแปดปีก่อนเจ้ายังแข็งแกร่งกว่าตัวเจ้าเมื่อสองปีก่อนไม่น้อย”

“เจ็ดแปด… ปีก่อน?”

เซียวหลิงแหงนหน้ามองคุณชายชุดเขียวซึ่งลึกล้ำเกินคาดเดาคนนี้ ความกังขาในใจเผยออกมาทางน้ำเสียง

จี้หยวนพยักหน้ากล่าว

“ตอนนั้นบนแม่น้ำเทียมฟ้าวันแสงแดดอ่อนช่วงหน้าหนาว ตรงท้ายเรือประดับหอตระกูลเซียว คุณชายเซียวทะเลาะกับบิดาเจ้ายกใหญ่ เป้าหมายคือแม่นางหงซิ่ว ในภาพจำของข้าคนแซ่จี้ ตอนนั้นคุณชายเซียวถือว่ามีปณิธาน”

“ท่าน…”

“จำข้าไม่ได้หรือ”

จี้หยวนยิ้มเล็กน้อย

“วันนั้นคุณชายเซียวกับบิดายังวิพากษ์วิจารณ์ข้าคนแซ่จี้คราหนึ่ง แต่ข้าพายเรือของชาวบ้านตัวน้อยซึ่งยังชีพด้วยการทำงานหนักผ่านทางมา คุณชายเซียวจำไม่ได้ถือว่าปกติ”

เซียวหลิงเบิกตากว้างทันที หลุดปากกล่าวออกมา

“ถูกต้อง”

จี้หยวนพยักหน้าเล็กน้อย ยื่นมือประคองเซียวหลิงกับต้วนมู่หวั่นขึ้นมาจากพื้น

สีหน้าเซียวหลิงมึนงงอยู่บ้าง เขาพลันนึกถึงช่วงหิมะโปรยปรายเหนือแม่น้ำตอนนั้น ยามเขาตัดสินใจไปสอบขุนนาง คิดชิงตำแหน่งซึ่งแม้แต่บิดายังต้องเงยหน้ามองก่อน ชั่วพริบตานั้นคนตกปลาซึ่งพายเรือไปเบื้องหน้าเคยหันกลับมามอง พยักหน้ามาทางตนแต่ไกล

ชั่วพริบตานั้นเลือนรางนานแล้ว แต่ตอนนี้กลับถูกหวนนึกขึ้นมาทันที

“เมื่อเห็นเจ้าสองคนรักมั่นต่อกัน เทพีแม่น้ำออมมือแล้ว นี่ก็คือความแตกต่างของเทพกับปีศาจร้าย คนหนึ่งวางมือเป็น คนหนึ่งกลับมอบยันต์ทำร้ายตนทำร้ายคนอื่นกับเจ้า ภายหน้าหากคุณชายเซียวทำสิ่งใดควรซื่อตรงหน่อย”

ได้ยินคำพูดจี้หยวน เซียวหลิงกับต้วนมู่หวั่นมองอิงรั่วหลีตามจิตใต้สำนึก ฝ่ายหลังแค่เหลือบมองพวกเขาก่อนหลับตา ถือเป็นการยืนยันคำพูดของจี้หยวนเงียบๆ

เซียวหลิงสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง ประสานมือไปทางธิดามังกร ทั้งคารวะมาทางจี้หยวน

จี้หยวนพยักหน้ารับมือเซียวหลิง ไม่ปล่อยให้เขาโค้งมากเกินไป

“ผู้หลอกเจ้าเป็นปีศาจจากรัฐอื่น การกระทำลึกลับเกินคาดเดา คิดว่าวางแผนมาไม่น้อย ข้าคนแซ่จี้ยังเคยติดกับนาง เจ้าสองคนเป็นแค่คนธรรมดา บางครั้งต่อให้มองออกก็ไม่มีทางเลือกมากนัก ครั้งนี้ข้าคนแซ่จี้จะถือว่าพวกเจ้ากระทำด้วยจนปัญญาแล้วกัน”

แม้ว่าจี้หยวนกล่าวเช่นนี้ แต่เรื่องนี้ผ่านมือเขากับธิดามังกรแล้ว หลังจากนี้ศาลมืดจังหวัดจิงจีซึ่งเดิมไม่ทราบเรื่องราวย่อมจดบันทึกไว้แน่นอน อนาคตหากไม่สั่งสมบุญภายในภายนอกอะไร หลังสิ้นชีพย่อมถูกสะสางบัญชี แต่เรื่องนี้จี้หยวนไม่กล่าวถึงแล้ว

เซียวหลิงยิ้มขื่นเล็กน้อย ประสานมือให้คุณชายชุดเขียวตรงหน้าอีกครั้ง

“ขอบคุณท่านจี้ที่ชี้แนะ!”

ถึงตอนนี้เซียวหลิงมั่นใจแล้วว่าผู้มาครั้งนี้เป็นเทพเซียนจริง การกระทำและวิธีการแตกต่างจากเทพีแม่น้ำที่เคยเจอก่อนหน้านี้ราวฟ้ากับดิน แค่ความรู้สึกจากสัญชาตญาณยังคิดว่าผ่าเผยส่องประกาย ถึงขั้นเจือความบริสุทธิ์และอบอุ่น

“ท่านจี้ ไม่ทราบว่ารัฐไหน ปีศาจนั่นทำให้ท่านเสียเปรียบได้… มันจะทำร้ายประชาชนต้าเจินหรือไม่ เมื่อก่อนข้ารับยันต์นี้มาสองปี มีผลกระทบอะไรหรือไม่”

เซียวหลิงกระวนกระวายใจ แต่ยังเอ่ยถามออกมา

“พรืด… ฮ่าๆๆๆๆ…”

บุตรมังกรได้ยินคำพูดของเซียวหลิงแล้วอดหัวเราะไม่ได้ ธิดามังกรเกร็งหน้าไม่อยู่เล็กน้อย แต่ยังฝืนทำท่าเคร่งขรึม

อิงเฟิงชี้มาทางเซียวหลิง

“คนอย่างเจ้านี่ ฮ่าๆๆ… ทำให้ท่านอาจี้เสียเปรียบ? ฟ้าดินกว้างใหญ่เช่นนี้ ผู้มีความสามารถคงมีอยู่ แต่ไม่รวมจิ้งจอกขาวนั่นแน่นอน นางแค่โชคดีเท่านั้น หนีรอดจากมือท่านอาจี้ แค่เพราะท่านอาจี้นิสัยดี ไม่ว่าเรื่องใดล้วนจัดการโดยไม่เร่งรีบ หากเปลี่ยนเป็นท่านพ่อข้า…”

“อะแฮ่ม!”

ธิดามังกรกระแอมสองครั้งอย่างอดไม่ได้ ทำให้บุตรมังกรรีบปิดปาก

ที่นี่อยู่ไม่ห่างจากแม่น้ำเทียมฟ้า บิดาตนกำลังนอนหลับ ดีไม่ดีเมื่อเขาพูดออกมา อีกฝ่ายคงฝันเห็นเหตุการณ์ช่วงหนึ่ง ถ้าเป็นเช่นนั้นคงท่าไม่ดีแล้ว

จี้หยวนหันกลับมามองบุตรมังกร เจ้าหมอนี่ปล่อยตัวกับตนมากกว่าตอนอยู่กับมังกรเฒ่ามาก เขาคิดว่าเรื่องในวันนี้ วันหน้ายามมีโอกาสคุยกับมังกรเฒ่า ควรแกล้งพลั้งปากโดยไม่ระวังหรือไม่

จี้หยวนมองเซียวหลิงกับต้วนมู่หวั่นอีกครั้ง เป็นจริงดังคาด แววตาที่มองเขาเผยความยำเกรงยิ่งกว่าเดิมเล็กน้อย

“คุณชายเซียวไม่ต้องกังวล พวกเจ้าไม่เป็นไรแล้ว”

“ท่านจี้ ในเมื่อท่านมากอภินิหารเช่นนี้ ต่อให้อีกฝ่ายอยู่รัฐอื่นก็น่าจะกำราบได้ ชาวบ้านต้าเจินบริสุทธิ์เพียงใด…”

ตอนนี้เมื่อเห็นเซียวหลิงกล่าวเช่นนี้ แม้ว่าพูดมาด้วยอยู่ต่างสถานการณ์ แต่ถึงอย่างไรก็กล้าพูด จี้หยวนประเมินเขาสูงขึ้นส่วนหนึ่ง

แม้ว่าออกเสียงเหมือนกัน แต่จี้หยวนกลับรู้ว่า ‘รัฐ’ ที่เซียวหลิงกล่าวถึงไม่ใช่ ‘เกาะ’ เขาส่ายหัวยิ้มพลางกล่าวอธิบายประโยคหนึ่ง

“คุณชายเซียว เกาะนี้ไม่ใช่หนึ่งในสิบสามรัฐของต้าเจิน ทั้งไม่ใช่เมืองเอกของต้าเจิน ใต้หล้านี้กว้างใหญ่กว่าที่เจ้ารู้นัก!”

————————————————————————————