ตอนที่ 308 ปราณชั่วร้าย

เซียนหมากข้ามมิติ

ตอนที่ 308 ปราณชั่วร้าย

พวกหนิวป้าเทียน เกาเทียนหมิง เยี่ยนเฟยพูดพึมพำอยู่ด้านหลัง เยี่ยนเฟยยังดีหน่อย อีกสองคนกลับยิ่งคุยยิ่งตื่นเต้น แต่พวกเขารู้ดีว่าท่านจี้ไม่ชอบเปิดตัว คำพูดเช่นนี้เหมาะแก่การคุยกันส่วนตัว

พวกเขาเดินตามขบวนจนผ่านมาเกือบครึ่งเมือง มาถึงเขตกลางเมือง ข้างหน้าก็คือจวนเจ้าเมืองซึ่งกว้างใหญ่ไพศาล

เมื่อมองไกลออกไปประตูหอแค่เล็กกว่าด่านเมืองข้างนอกบางส่วน แผ่นป้ายมหึมาด้านบนเขียนชื่อจวนไว้

จี้หยวนส่งเสียงกล่าวพึมพำ

“จวนผีขุมนรก?”

ตอนนี้เกาเทียนหมิงยืนอยู่ข้างจี้หยวนอีกครั้ง เมื่อได้ยินคำพูดของจี้หยวนเขาจึงกล่าว

“ไม่ผิด ในหมู่ผีบำเพ็ญเหล่าอู๋หยาถือว่าไม่ธรรมดา ภายใต้สถานการณ์ซึ่งไม่มีรากฐานมรรคเทพ เทียบกับพลังปราณของเทพผีมากมายแล้วแกร่งกว่ามาก ทั้งรับผีเร่ร่อนต่อเนื่อง สร้างเมืองไร้ขอบเขตขึ้นมา มอบวิชาผีบำเพ็ญให้ภูตผีบางส่วน ด้วยคิดสร้างแดนศักดิ์สิทธิ์มรรคผี”

จี้หยวนพยักหน้าเล็กน้อย

“ปณิธานไม่ธรรมดา”

เขามองลู่ทางบางอย่างออกเช่นกัน เมืองผีแห่งนี้รับผีเร่ร่อนต่อเนื่อง เมื่อผีส่วนใหญ่หมดอายุขัยภายในปรโลกแล้ว ย่อมเสริมปราณหยินให้เมืองผี เมื่อปราณหยินเข้มข้นย่อมมอบสภาพแวดล้อมที่ดีแก่ภูตผีซึ่งพรสวรรค์ค่อนข้างดีบางส่วน ต่อให้ไม่มีวิชาผีบำเพ็ญยิ่งใหญ่อะไรก็ทะลวงขีดจำกัดได้

ความจริงสิ่งนี้ถือเป็นเรื่องปกติในศาลมืดใต้อาณัติเทพหลักเมืองบางแห่ง บางครั้งปรโลกจะมีผีบางส่วนทลายขีดจำกัดอายุขัยปรโลกแล้วไม่ตาย แต่ภูตผีประเภทนี้มักยึดติดอยู่กับความแค้น ทุกปีศาลมืดจะจด ‘ทะเบียนสำมะโนครัว’ เมื่อพบว่ามีผีอยู่เหนือขีดจำกัดอายุขัยปรโลก หากสังเกตเห็นว่าอีกฝ่ายไม่เข้าที ย่อมถูกยมทูตดำคุมตัวไปเจอแต่ละเจ้ากรม ส่วนใหญ่จะถูกสังหาร

แต่เมืองผีไร้ขอบเขตแห่งนี้ คาดว่าเจ้าเมืองคงยินดีกับการเห็นผียกระดับอย่างมาก นอกจากผีซึ่งเจ้าเมืองยอมรับแล้ว ผีตนอื่นล้วนไม่สามารถออกจากเมืองได้

ด้านหน้าขบวนหยุดลงแล้ว มีภูตเผ่าวารีตะโกนเสียงสูง

“ท่านเกาแห่งทะเลสาบวารีนภามาเยือน…!”

ผีทหารที่เฝ้าอยู่ด้านนอกสังเกตเห็นขบวนรถนานแล้ว ช่วงหลายวันก่อนบุคคลสำคัญที่มาร่วมยินดีกับเจ้าเมืองทยอยมาอย่างต่อเนื่องไม่น้อย เมื่อได้ยินชื่อของอีกฝ่าย เขารีบเดินมาข้างหน้า

“ท่านเกาเดินทางมาลำบากแล้ว โปรดตามข้าไปพักผ่อนที่เรือนรับรอง เมื่องานเลี้ยงเตรียมพร้อมจะมีบ่าวรับใช้ไปแจ้งท่านเกามาเข้าร่วม!”

ผีทหารบางตนพูดจบแล้วเตรียมนำทางอยู่ด้านข้าง เห็นชัดว่าไม่เตรียมจัดขบวนรถ แต่บอกให้เข้าจวนไปทั้งอย่างนั้น เวลานี้เกาเทียนหมิงมองจี้หยวนแล้วรีบเดินไปข้างหน้า

“ช้าก่อน!”

เดิมตอนเดินอยู่กับจี้หยวน เกาเทียนหมิงเก็บปราณปีศาจเป็นการเฉพาะ ตอนนี้เขาเผยปราณปีศาจทั้งตัวใหม่อีกครั้ง เมื่อเดินเข้าใกล้ประตูหอจึงนำพาความกดดันมาสู่เหล่าผีทหาร

“ท่านเกามีข้อเรียกร้องอะไรเป็นพิเศษอีกหรือไม่ ขอแค่ท่านเกาบอกมา พวกเราย่อมพยายามเติมเต็ม!”

เกาเทียนหมิงหัวเราะเล็กน้อย

“หึๆ ไม่มีอะไรเป็นพิเศษ ตอนนี้ซินอู๋หยาอยู่ไหน ข้าคนแซ่เกาอยากเจอเขาหน่อย มีเรื่องบางอย่างจะคุยกับเขา”

ผีทหารยิ้มอย่างขออภัย

“ท่านเกาโปรดอภัย ตอนนี้ท่านเจ้าเมืองยังมีเรื่องสำคัญ ไม่ว่าใครล้วนเจอเขาไม่ได้ เมื่อถึงงานเลี้ยงตอนกลางคืนแน่นอนว่าย่อมออกมา”

“หืม? เหล่าอู๋หยายุ่งขนาดนี้เชียว ข้าคนแซ่เกาอยากพบยังไม่ได้หรือนี่”

“ใช่ ข้ากับสามีเดินทางมาไกลจากทะเลสาบวารีนภา เมื่อถึงเมืองไร้ขอบเขตแน่นอนว่าต้องพบเจ้าเมืองก่อน ในฐานะเจ้าบ้าน ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องพบแขกก่อน ตามเหตุผลควรเป็นเช่นนี้ถึงจะถูก!”

ซย่าชิวเผยปราณปีศาจทรงพลังก้าวไปข้างหน้าเช่นกัน แม้ว่าไม่ใช่มังกรเจียว แต่เห็นชัดว่าพลังปราณปีศาจไม่ตื้นเขิน วันนี้เจอท่านจี้ถือเป็นวาสนาของพวกเขาสามีภรรยา จำเป็นต้องมอบภาพจำอันดี แต่เปรียบเทียบกับเกาเทียนหมิงแล้ว ซย่าชิวดูอ่อนโยนกว่ามาก

ผีทหารลังเลครู่หนึ่ง มองมาทางเกาเทียนหมิง

“ท่านเกาบอกข้าน้อยได้หรือไม่ ท่านอยากพบท่านเจ้าเมืองด้วยเรื่องใดกันแน่ เมื่อข้าน้อยไปเรียนจะได้พูดง่ายหน่อย!”

ผีทหารตนนี้ดูเหมือนอายุน้อย ความจริงเป็นผีซึ่งอยู่มานานแล้ว เมื่อเห็นเกาเทียนหมิงทำท่ายกพลมากล่าวโทษ แน่นอนว่าต้องมีเหตุผล

เกาเทียนหมิงหันกลับมามองจี้หยวน เมื่อเห็นฝ่ายหลังผงกศีรษะเล็กน้อย เขาจึงหันหน้ามากล่าวกับผีทหาร

“เมื่อคืนข้าคนแซ่เกามีสหายบางคนเข้าเมืองผีมาโดยไม่ระวัง พวกเขาคือคนเป็นทั้งสิ้น หลังจากถูกทูตบริวารตนหนึ่งในเมืองพวกเจ้าจับไปแล้วไร้ร่องรอย บอกว่าจะนำมาเป็นอาหารให้ซินอู๋หยาในงานเลี้ยงคืนนี้ ข้าคนแซ่เกามาทวงคน!”

คนเป็น? ทั้งเป็นสหายมังกรเจียวแห่งทะเลสาบวารีนภา?

ผีทหารโดยรอบได้ยินแล้วตกตะลึงเล็กน้อย

“เช่นนั้นท่านเกากับฮูหยินเกาโปรดรอสักครู่ ข้าจะไปเรียนท่านเจ้าเมืองเดี๋ยวนี้!”

ภัยคุกคามของปราณปีศาจสองตนมากเกินไป ผีทหารแบกรับแรงกดดันไม่ไหวอยู่บ้าง ได้แต่มุ่งหน้าไปรายงานทันที

จวนผีขุมนรกครอบครองพื้นที่กว้างใหญ่ ผีทหารรีบเร่งเข้าไปรายงาน เดินผ่านประตูและระเบียงหลายชั้นเข้าไปข้างใน สุดท้ายค่อยมาถึงนอกสิ่งปลูกสร้างมหึมาดำสนิทแห่งหนึ่ง

สิ่งปลูกสร้างนี้มีสีดำขลับ ประตูทางเข้าลงกลอนแน่นหนา แผ่ปราณดำเสมือนจริงเป็นระลอก ปราณหยินเย็นทำให้ภูตผียากจะรับอยู่บ้าง

“ท่านเจ้าเมือง ท่านเกาแห่งทะเลสาบวารีนภาพาฮูหยินเกามาแล้ว พวกเขาบอกว่าต้องพบท่านให้ได้”

ผีทหารรออยู่นาน แต่ด้านในกลับไม่ตอบรับแม้แต่น้อย เขาได้แต่รายงานเรื่องเกาเทียนหมิงเสียงดังอยู่ตรงนี้

“ท่านเกาแห่งทะเลสาบวารีนภาบอกว่าเขามีเหล่าสหายเป็นคนธรรมดา เมื่อคืนหลงเข้ามาในเมืองถูกทูตบริวารจับไป เตรียมนำมามอบให้เจ้าเมืองในงานเลี้ยงคืนนี้ ท่านเกาหวังว่าเจ้าเมืองจะปล่อยคนทันที”

โดยรอบเริ่มมีปราณผีน่าสะพรึงลอยเป็นระลอก มายาผีชวนประหวั่นมากมายปรากฏ แม้แต่ผีทหารยังประหม่าขึ้นมา

“สหายของเกาเทียนหมิง? คนธรรมดา?”

มีเสียงดังออกมาจากเรือนสีดำ ทำให้ผีทหารเป่าปากโล่งอก

“ขอรับ ท่านเกากับฮูหยินเกาเหมือนโกรธเพราะเรื่องนี้อยู่บ้าง”

“หึ ที่นี่ไม่ใช่ทะเลสาบวารีนภา ไปบอกเขาว่าเมื่อถึงงานเลี้ยงคืนนี้ หากทูตบริวารนำคนเป็นมามอบจริง ข้าย่อมส่งคนให้เขาแน่นอน ตอนนี้ไม่ว่างไปเจอเขา”

“ข้าน้อยรับคำสั่ง!”

ผีทหารรีบคารวะ พูดจบแล้วขอตัวจากไปทันที

นอกจวน เกาเทียนหมิงคิดไม่ถึงว่าตนรอมานานแต่กลับได้คำตอบเช่นนี้ เขาแสดงความโกรธทันที

“เจ้าผีอู๋หยาทำตัวอันธพาลนัก ไม่อาจตามหาทูตบริวารอะไรนั่นเพื่อทวงคนตอนนี้หรือ”

“ท่านเกา ท่านอย่าสร้างความลำบากให้พวกเราเลย ท่านเจ้าเมืองบอกว่าตอนนี้กำลังมีเรื่องเร่งด่วน ไม่สะดวกพบ กลางคืนเมื่อทูตบริวารพาคนมาย่อมปล่อยคนแน่นอน!”

“หึ!”

เกาเทียนหมิงแค่นเสียงเย็นชา ถอยหลังสองก้าวมาอยู่ตรงหน้าจี้หยวน

“ท่านจี้ ท่านว่าพวกเราต้องบุกเข้าจวนผีขุมนรก ลากตัวเหล่าอู๋หยาออกมาหรือไม่”

จี้หยวนมองจวนเปี่ยมปราณผีไร้สิ้นสุดแห่งนี้ ทั้งมองปราณผีปราณหยินล้นฟ้าตรงกลางเมือง ถ้าแตกหักกันตอนนี้ เกรงว่าคงมีภูตผีนับไม่ถ้วนมุ่งมาทันที ทั้งยังข่มขู่บีบบังคับเกินไป เกรงว่าอาจเกิดการต่อต้าน เขาจึงส่ายศีรษะกล่าว

“ช่างเถอะ ถึงอย่างไรก็เป็นงานฉลองของเขา ในเมื่อรับปากว่าจะปล่อยคนก็ไม่ต้องก่อเรื่องใหญ่โต”

“ขอรับ ข้าคนแซ่เกาทราบแล้ว!”

เกาเทียนหมิงตอบอย่างนอบน้อมเสร็จค่อยหันมองผีทหารอีกครั้ง

“เช่นนั้นก็ได้ ข้าคนแซ่เกาจะรอเหล่าอู๋หยาปล่อยคนตอนกลางคืน แต่ฝากพวกเจ้าบอกเหล่าอู๋หยาแทนข้าด้วยแล้วกัน อย่าหาว่าข้าคนแซ่เกาไม่เตือนเขา หากเหล่าสหายของข้าคนแซ่เกาเป็นอะไรไป ผลลัพธ์ย่อมร้ายแรงกว่าที่เขาคาดคิดมาก! พาพวกเราไปเรือนพักเถอะ!”

“ขะ ขอรับ ท่านเกาเชิญทางนี้!”

เมื่อขบวนทะเลสาบวารีนภาจากไป ผีทหารอีกตนเข้าจวนมารายงานเจ้าเมืองเงียบๆ ความนอบน้อมที่มีต่อจี้หยวนของเกาเทียนหมิงถูกพวกเขาเห็นในสายตา ทั้งรู้สึกว่าผิดปกติอยู่บ้าง

เรือนผีตรงส่วนลึกของจวน เมื่อฟังรายงานของผีทหารอีกครั้ง ซินอู๋หยาซึ่งอยู่ด้านในขมวดคิ้วครุ่นคิด

“ไปตามหาเซี่ยงฉง ถ้ามีพวกคนธรรมดาอยู่ด้วยจริงค่อยพาตัวมา”

“ขอรับ! ข้าน้อยรับคำสั่ง!”

ท้องฟ้าเปลี่ยนเป็นมืดลงทีละน้อย โคมไฟภายในเมืองพากันส่องสว่างเอง ตอนนี้เมืองบนโลกมนุษย์เป็นเวลาที่ผู้คนต่างทยอยกลับบ้านแล้ว แต่เมืองผีไร้ขอบเขตกลับเปลี่ยนเป็นคึกคักขึ้นเรื่อยๆ ทั้งเมืองเหมือนฟื้นคืนชีพ

จวนผีส่งผีทหารมาเชิญเกาเทียนหมิงแล้ว พวกเขาเตรียมออกเดินทางไปร่วมงานเลี้ยง

ตอนนี้จี้หยวนเพิ่งสัมผัสถึงรากฐานของเมืองผีแห่งนี้อย่างแท้จริง เมื่อยืนอยู่ตรงลานแล้วมองไปกลางเมือง ปราณผีไร้สิ้นสุดบดบังฟ้าคลุมตะวัน ปากถนนท้ายซอยขวักไขว่คับคั่ง อย่างน้อยผีในเมืองคงมีนับแสน พวกฝึกสำเร็จคงมีนับไม่ถ้วน

เห็นชัดว่าเมื่อวานตอนกลางคืนยามมองจากด้านนอก น่าจะมีวิชาผนึกแบบเดียวกันบดบัง

“คิดไม่ถึงว่าเมืองผีแห่งนี้มีขนาดชวนตะลึงเช่นนี้!”

เกาเทียนหมิงขมวดคิ้วกล่าวอยู่ด้านข้าง

“ใช่ ข้าคนแซ่เกาดูถูกเหล่าอู๋หยาคนนี้แล้ว เมืองผีไร้ขอบเขตตั้งอยู่ตรงเนินทุ่งรกร้างมาร้อยปี จากสุสานร้างทั่วแดน ถึงกับพัฒนาจนเป็นเช่นนี้โดยไร้สุ้มเสียง”

หนิวป้าเทียนมองเยี่ยนเฟยกุมกระบี่ด้วยสีหน้าเคร่งขรึม ทั้งทอดมองออกไปข้างนอก

“ข้าคนแซ่หนิวเพิ่งเคยเจอผีมากขนาดนี้เป็นครั้งแรก ท่านจี้ ท่านว่าหลายปีนี้คนตายของอาณาจักรจู่เยวี่ยมาที่นี่กันหมดหรือไม่”

จี้หยวนถอนหายใจ

“คงไม่ใช่ เกรงว่าคนตายของอาณาจักรจู่เยวี่ยหนึ่งปีคงไม่ใช่แค่สองแสน”

“มากขนาดนั้นเชียว?”

เจ้าวัวอึ้งงันอยู่บ้าง

“ข้าคนแซ่จี้ยังว่าน้อยไป!”

จี้หยวนไม่ได้หลอกลวง แม้เขาไม่เคยจดสถิติ แต่คิดจากปัจจัยด้านสภาพสังคมกับการรักษาของบ้านเกิดเมื่อชาติก่อน หนึ่งปีมีคนตายหลายล้านคน แม้ว่าประชากรอาณาจักรจู่เยวี่ยน้อยกว่าบ้านเกิดเมื่อชาติก่อน แต่ปัจจัยด้านสภาพสังคมกับการรักษาล้วนย่ำแย่ หนึ่งปีตายหลักแสนย่อมไม่เกินจริง

“ท่านจี้ พี่หนิว พี่เยี่ยน พวกเราไปกันเถอะ ตอนนี้ไปหาเหล่าอู๋หยาเพื่อทวงคนได้แล้ว”

พวกเขาเดินทางไปพร้อมกัน ไม่นานก็มาถึงจวนผีขุมนรกภายใต้การนำทางของผีทหาร

งานเลี้ยงหรูหราไม่น้อย บนพื้นที่ว่างคล้ายลานกลางจวนตั้งโต๊ะรับแขกมากมาย ผู้มาร่วมงานฉลองนอกจากภูตผีและปีศาจที่รู้จักมักคุ้นกับซินอู๋หยามากมายแล้ว ถึงขั้นว่ามีผู้บำเพ็ญมรรคเทพไม่น้อย มีเทพภูเขา เจ้าที่ เทพวารี ถึงขั้นว่ามีเทพผีอย่างเทพหลักเมืองด้วย

เสียงหัวเราะ เสียงคำราม หรือแม้แต่เสียงร่ำไห้อื้ออึงทั่วลานไม่หยุด

เมื่อพวกเกาเทียนหมิงกับจี้หยวนมาถึง แขกมากมายเข้ามานั่งแล้ว ตลอดทางที่จี้หยวนเดินมาหัวคิ้วเขาไม่เคยคลาย

ภายในอาณาเขตต้าเจิน อย่าว่าแต่เห็นเทพผีนั่งรวมกับพวกปีศาจผีร้ายมากมาย แค่ลองคิดยังคาดไม่ถึง

ไม่สนว่าในนั้นมีพวกแสร้งทำหรือพวกดุร้ายเท่าไหร่ จี้หยวนลืมตาทิพย์สอดส่องทั่วทิศ กลิ่นอายนานัปการประสานกัน หลายตนไม่ถือว่าประพฤติตนดี ตลอดทางทำให้เขารู้สึกว่าโกลาหลวุ่นวาย

‘มรรคมนุษย์ถดถอยสิ่งชั่วร้ายรุ่งโรจน์ ใต้หล้าปั่นป่วน ปีศาจเหิมเกริม ที่แท้เป็นเช่นนี้!’

ความคิดในใจนี้ก็คือความรู้สึกของจี้หยวนที่มีต่ออาณาจักรจู่เยวี่ย

ยามจี้หยวนใคร่ครวญ พวกเขามาถึงที่นั่งของเกาเทียนหมิงแล้ว ถือว่าไม่ห่างจากที่นั่งหลักนัก

“ท่านจี้เชิญนั่ง!”

เกาเทียนหมิงเชิญจี้หยวนนั่ง จากนั้นค่อยนั่งลงด้านข้างพร้อมซย่าชิว หนิวป้าเทียน เยี่ยนเฟย

แขกเหรื่อมานั่งประจำที่มากขึ้นเรื่อยๆ ฉินเส้อผีผาแตรฆ้องกลองโดยรอบทยอยบรรเลง ประสานเสียงเป็นดนตรีประหลาดอย่างหนึ่ง จี้หยวนได้แค่พูดว่าเหมาะกับสถานการณ์อย่างยิ่ง