ตอนที่ 317 ปลายทางวิถียุทธ์อยู่แห่งใด

เซียนหมากข้ามมิติ

ตอนที่ 317 ปลายทางวิถียุทธ์อยู่แห่งใด

เวลานี้จี้หยวนกลับมาพร้อมหนิวป้าเทียนพอดี ด้วยทักษะการฟังของเขา ตอนนี้ภายในโรงเตี๊ยมเงียบสงัดเช่นนี้ แน่นอนว่าย่อมได้ยินเสียงพึมพำไม่พอใจของเยี่ยนเฟยอย่างชัดเจนยิ่ง

มือกระบี่บินซึ่งวิชากระบี่ดุดันคนนี้ ช่วงนี้สับสนและกดดันอยู่ตลอดจริงๆ เรื่องนี้จี้หยวนรับรู้

ตรงทางเดินของโรงเตี๊ยม จี้หยวนแยกจากหนิวป้าเทียน ต่างฝ่ายต่างกลับห้องของตน เมื่อเห็นหนิวป้าเทียนแตะถุงเงินตรงหน้าอกเป็นพักๆ เขากล่าวหยอกล้อประโยคหนึ่งอย่างอดไม่ได้

“คืนนี้อย่าออกไปอีกเลย พรุ่งนี้เช้ายังต้องไปจวนตระกูลเว่ย บริวารอย่างพวกเราไม่เจอท่านหนิวคงกลัดกลุ้ม”

คำพูดนี้ทำให้หนิวป้าเทียนซึ่งเดินห่างไปสิบกว่าก้าวตัวแข็งทื่อเล็กน้อย หันกลับมาแย้มยิ้มให้จี้หยวนอย่างอักอ่วน ก่อนจะกลับห้องของตัวเอง

ห้องของหนิวป้าเทียนค่อนข้างอยู่ใกล้กับห้องของเยี่ยนเฟย เสียงปิดประตูถูกเยี่ยนเฟยซึ่งอยู่ภายในห้องได้ยินเช่นกัน แต่สำหรับฝ่ายหลังเจ้าวัวกลับมาเวลานี้ถือว่าปกติ ความจริงเขายังคิดว่าคืนนี้เจ้าวัวคงไม่กลับมาแล้ว

เยี่ยนเฟยส่ายหัวเล็กน้อย เก็บกระบี่ยาวของตนเข้าฝัก วางตรงหัวเตียงแล้วนอนลง มองเพดานห้องอย่างเหม่อลอย

จี้หยวนไม่ได้รีบกลับห้อง แต่ยืนนิ่งตรงโถงทางเดินครู่ใหญ่ แม้ว่าดวงตาสีเทาไม่มีคลื่นความรู้สึก แต่ส่วนลึกของจิตใจกลับมีระลอกคลื่น

ผ่านไปเนิ่นนานจี้หยวนหยิบแผนภาพหนึ่งออกมาจากแขนเสื้อ คลี่ออกอย่างเนิบช้า อ่านตัวอักษรบนนั้น

เขาหลับตาลงอีกครั้ง ยื่นมือสัมผัสทุกตัวอักษรบนนั้น เมื่อกายจิตประสาน เขาหยั่งรู้โดยละเอียด

เชื่อมโยงจิตใจเยี่ยนเฟยกับการหยั่งรู้ตอนนี้ ท่ามกลางความรางเลือนจี้หยวนเหมือนทะลุตัวกั้นมิติ จ้องมองชายชราคนหนึ่งตรงขอบฟ้า

กระท่อมหลังหนึ่ง โต๊ะทรงเหลี่ยมหน้าลานบ้าน มือหนึ่งถือกระบี่ มือหนึ่งจับพู่กัน ชายชราเขียนอักษรพลางกล่าวด้วยเสียงแหบพร่าเนิบช้า

‘วัยแปดสิบเส้นทางชีวิตยาวนานไร้สิ้นสุด ปลายทางวิถียุทธ์อยู่แห่งใด บนสรวงสวรรค์มีเซียนอยู่หรือไม่ กระบี่จรดหน้ากระดาษใจไม่ยินยอม ไม่ยินยอม ไม่ยินยอม…’

แผนภาพนี้คือเทียบเจตกระบี่ที่เปิดฉากพายุโลหิตบนยุทธภพต้าเจิน ทำให้จอมยุทธ์นับไม่ถ้วนแก่งแย่งกันเมื่อปีนั้น

นิสัยเยี่ยนเฟย ลู่เฉิงเฟิง ตู้เหิงแตกต่างกัน ทัศนคติที่มีต่อวิถียุทธ์ของทั้งสามคนก็ต่างกันออกไป เทียบกับสองฝ่ายหลัง หากพูดว่าเยี่ยนเฟยเป็นจอมยุทธ์ตามความมุ่งหวัง มิสู้บอกว่าเขาเหมือนจอมยุทธ์ไร้เดียงสายังดีกว่า

จี้หยวนทอดถอนใจเหมือนพึมพำ

“ทำไมคล้ายจั่วหลีถึงเพียงนี้…”

แตกต่างจากผู้ฝึกปราณส่วนใหญ่ จี้หยวนไม่เคยดูถูกจอมยุทธ์มาก่อน ทั้งเทียบเจตกระบี่ยังมีอิทธิพลกับเขาอย่างยิ่ง แม้แต่ตอนนี้ก็เช่นกัน การหยั่งรู้ทักษะใกล้เคียงมรรคเช่นนี้ล้ำค่ามาก เซียนธรรมดาไม่อาจแบ่งสูงต่ำ

“วิถียุทธ์ไร้พลังเช่นนี้จริงหรือ”

ประโยคนี้จี้หยวนกล่าวพึมพำอีกรอบหนึ่ง จากนั้นค่อยส่ายศีรษะเล็กน้อย

หากจั่วหลียังอยู่บนโลก ด้วยพลังยุทธ์ของคนผู้นี้ เมื่อภูตผีปีศาจทั่วไปอยู่ตรงหน้าเขาเกรงว่าคงไม่ต่างกับคู่ต่อสู้บนยุทธภพทั่วไปเท่าไหร่

ยามจั่วขวงถูเขียน ‘ตำรากระบี่จั่วหลี’ บางทีอาจยังเป็นแค่ยอดฝีมือฟ้าประทานคนหนึ่ง แต่ยามเขียน ‘เทียบเจตกระบี่’ จี้หยวนคิดว่าตอนนั้นจั่วหลีคงเป็นเซียนกระบี่จั่วซึ่งไร้คู่ต่อสู้ทั่วหล้าแล้ว

จี้หยวนไม่เคยแน่ใจเช่นนี้มาก่อน!

เจตกระบี่นี้! มรรคเร้นนี้! เหลือเพียงก้าวเดียวก็จะก้าวสู่อีกระดับ หากทำสำเร็จ อนาคตจะยอดเยี่ยมเพียงใด

แต่สุดท้ายจั่วหลีกลับสิ้นชีพด้วยความแค้น…

“น่าเสียดาย… น่าเสียดาย…”

เดิมจี้หยวนก็เป็นบุคคลระดับปฐมาจารย์วิถียุทธ์ มีความสนใจและรู้สึกดีต่อวิถียุทธ์อย่างเป็นธรรมชาติ แต่เขาไม่ได้เป็นแค่จอมยุทธ์ เรื่องที่เขากังวลมีมากเกินไป เรื่องต้องใช้สมาธิมีมากเช่นกัน อนุมานวิชาอภินิหารแต่ละแขนง เสาะหาตัวหมากทั่วหล้า กำหนดบทบาทเขาเป็นท่านจี้ผู้ลึกลับเกินคาดเดา

จิตใจเวียนวนความคิดไหวเคลื่อน จี้หยวนลืมตาเอ่ยปากเสียงเบา

“จอมยุทธ์เยี่ยนหลับหรือยัง”

เสียงลอยเข้าห้องเยี่ยนเฟยเหมือนสายลมเย็นโชยอ่อน ก่อนดังเข้าหูของเขา ฝ่ายหลังลุกขึ้นมาอีกครั้งแทบจะทันที

‘ท่านจี้กำลังเรียกข้าหรือ’

“หากยังไม่นอน เชิญมาห้องข้าคนแซ่จี้เพื่อพูดคุย”

เสียงของจี้หยวนดังมาอีกครั้ง ในที่สุดเยี่ยนเฟยก็แน่ใจว่าเมื่อครู่ตนไม่ได้ฝันหรือหูฝาด เขาเลิกผ้าห่มสวมชุดนอกทันที

ผ่านไปไม่นานจี้หยวนซึ่งนั่งอยู่ภายในห้องได้ยินเสียงฝีเท้าเยี่ยนเฟยเข้ามาใกล้ เมื่อเยี่ยนเฟยกำลังจะยื่นมือเคาะประตู มีเสียงดังออกมาจากด้านใน

“ผลักประตูเข้ามาก็พอ”

เยี่ยนเฟยเองไม่ลังเล เขาเปิดประตูเบาๆ จี้หยวนกำลังนั่งอยู่หน้าโต๊ะ บนโต๊ะนอกจากตะเกียงน้ำมันคลุมตัวครอบแล้ว ยังมีเทียบอักษรซึ่งคลายออกอยู่แผ่นหนึ่ง จี้หยวนก้มหน้าอ่านเทียบอักษร ไม่ได้แบ่งสมาธิเงยหน้าขึ้นมาทันที

เยี่ยนเฟยไม่กล้าละเลย กุมกระบี่ประสานมือกล่าว

“ท่านจี้ เยี่ยนเฟยรบกวนแล้ว!”

จี้หยวนเงยหน้ายิ้มเล็กน้อย ผายมือไปทางเก้าอี้ข้างกายตน

“ข้าคนแซ่จี้รบกวนการพักผ่อนของจอมยุทธ์เยี่ยนต่างหาก เชิญนั่ง”

เยี่ยนเฟยปิดประตูด้านหลัง รีบเดินมาใกล้โต๊ะ นั่งลงข้างกายจี้หยวน แน่นอนว่าสายตาถูกเทียบอักษรบนโต๊ะดึงดูด เขายังไม่เอ่ยปากซักถาม จี้หยวนกลับกล่าวอธิบายแล้ว

“เทียบอักษรนี้อานุภาพลุ่มลึก รอยพู่กันราวงูมังกร อักษรดี กระบี่ดี ลายพู่กันอัศจรรย์ทั่วหล้ามีน้อยนัก ถ้าพูดออกมาจอมยุทธ์เยี่ยนย่อมเคยได้ยินชื่อของมัน ‘เทียบเจตกระบี่’ ซึ่งจั่วหลีเหลือไว้เมื่อปีนั้น”

‘เทียบเจตกระบี่!? จั่วหลี? ที่แท้จั่วขวงถูชื่อจั่วหลี!’

เยี่ยนเฟยพลันตกตะลึง ชื่อเสียงของเทียบเจตกระบี่มากเกินไปจริงๆ ลือกระฉ่อนทั่วยุทธภพต้าเจินมาหลายสิบปี เดิมชื่อเสียงเลือนรางอยู่บ้าง แต่เพราะเรื่องสิบสามโจรแดนเยี่ยนเมื่อปีนั้น ทำให้ทุกคนทั่วยุทธภพรับรู้

อย่างน้อยคนรุ่นเยี่ยนเฟยต่างรู้สีสันตำนานของเทียบอักษรนี้ดี

‘คิดไม่ถึงว่าเทียบเจตกระบี่จะอยู่ในมือท่านจี้ มิน่าว่าหลายปีนี้บนยุทธภพถึงไม่มีใครเจอร่องรอยของเทียบอักษรอีก…’

ความคิดในใจดุจอสนีบาต แต่เยี่ยนเฟยไม่มีความคิดอยากรู้วิชายุทธ์ซึ่งอาจซ่อนอยู่ในเทียบเจตกระบี่นี้ หนึ่งด้วยเป็นของจี้หยวน สองคือช่วงนี้เขารู้สึกหมดศรัทธากับวิถียุทธ์เล็กน้อย

คล้ายอ่านความคิดของเยี่ยนเฟยออก จี้หยวนมองเขาแล้วยิ้มพลางเอ่ยถาม

“จอมยุทธ์เยี่ยนคิดว่าต่อให้วิชายุทธ์ของเทียบเจตกระบี่นี้เลิศล้ำแค่ไหนก็เป็นแค่วิชายุทธ์ของคนธรรมดาใช่หรือไม่”

เยี่ยนเฟยอึ้งงันเล็กน้อย คิดไม่ถึงว่าความคิดของตนกลับถูกท่านจี้มองออก แต่เขาเองไม่ได้โต้แย้ง

“ในกลุ่มผู้ฝึกเซียนมีคำกล่าวหนึ่ง วิชายุทธ์เป็นวิชาของปุถุชน ไม่ควรค่าแก่การเอ่ยถึง จอมยุทธ์เยี่ยนคิดว่าอย่างไร”

เผชิญหน้ากับคำถามของจี้หยวน ในใจเยี่ยนเฟยพลันบีบรัด แม้ว่าไม่พอใจแต่กลับต้องยอมรับ เพียงแต่เขาไม่ใช่คนโง่ ในเมื่อท่านจี้ถามเช่นนี้ ประโยคหลังต้องขัดแย้งกันแน่ แต่ยากฝืนใจปฏิเสธจริงๆ ทั้งหากถูกซักถามก็อธิบายเหตุผลไม่ได้

“ข้าคนแซ่เยี่ยนคิดว่าจากมุมมองสูงส่งของเทพเซียน คำพูดนี้ไม่ผิด”

“รู้อยู่แล้วว่าเจ้าต้องกล่าวเช่นนี้”

จี้หยวนยิ้มเล็กน้อย จากนั้นค่อยชี้เทียบเจตกระบี่

“แต่วิชายุทธ์หรือวิถียุทธ์ ไม่ได้ธรรมดาอย่างที่เจ้าคิด ทั้งไม่เรียบง่ายเหมือนอย่างที่ผู้ฝึกเซียนตื้นเขินบางคนคาดเดา เทียบเจตกระบี่ของจั่วหลี จากมุมมองของข้าคนแซ่จี้ถือว่าทักษะใกล้เคียงมรรคแล้ว เรียกได้ว่าเป็นวิถียุทธ์”

จี้หยวนเก็บรอยยิ้ม ในเสียงเคร่งขรึมเจือความทอดถอนใจ

“จั่วหลีลุ่มหลงการฝึกยุทธ์ทั้งชีวิต พอแก่ตัวกลับเริ่มตามหาเซียน โดยไม่รู้ว่าระดับวิถียุทธ์ของเขา หากเดินไปข้างหน้าอีกก้าวเต็มกำลัง อนาคตจะเป็นภาพประวัติการณ์”

ตึก… ตึก… ตึก… ตึก…

มือจี้หยวนเคาะเทียบเจตกระบี่เป็นจังหวะอยู่บ้าง มองเทียบอักษรพลางกล่าวอย่างจริงจัง

“กำลังคนมีจำกัด แต่วิชายุทธ์ไม่ใช่วิชาเล็กน้อย!”

พลังหลายสายแทรกสู่เทียบเจตกระบี่ตามนิ้วจี้หยวน เจตเทพบนเทียบอักษรถูกกระตุ้นแล้ว

“หากมีคนผู้นั้นจริง ศึกษาวิถียุทธ์จนบรรลุจุดสูงสุดของยุคสมัย จากนั้นจึงทลายอุปสรรคแผ้วทางเบื้องหน้า วิถียุทธ์ย่อมมีสีสันกว่าเดิม ข้าคนแซ่จี้มีลางสังหรณ์ แม้ว่าเส้นทางนี้ยากลำบาก อนาคตผลสำเร็จอาจไม่ด้อยกว่ามรรคเซียนมาร”

จี้หยวนมองเยี่ยนเฟยใหม่อีกครั้ง ดันเทียบเจตกระบี่มาตรงหน้าเขา

“แม้ว่าข้าคนแซ่จี้เคยอ่านตำรากระบี่จั่วหลี แต่กลับไม่มีความทรงจำ ทั้งสิ่งนั้นยังเป็นของตระกูลจั่ว ไม่อาจแพร่งพรายสู่ภายนอกตามใจ แต่แก่นแท้แห่งวิถียุทธ์บนเทียบเจตกระบี่นี้กลับหายากยิ่งกว่าตำราลับวิชายุทธ์เล่มนั้น ไม่แน่ว่าอาจเรียกได้ว่าเป็นประวัติการณ์…”

น้ำเสียงจี้หยวนเว้นช่วงไป จากนั้นค่อยกล่าวต่อ

“จอมยุทธ์เยี่ยน จิตใจเจ้าไม่ควรฝึกเซียน มิฉะนั้นจะเป็นมารโดยง่าย แต่บนวิถียุทธ์กลับมีเจตจำนงบางส่วนคล้ายจั่วหลีเมื่อปีนั้น วันนี้ข้าคนแซ่จี้ขอมอบเทียบเจตกระบี่นี้ให้เจ้า ข้าใช้วิชาวัตถุสื่อจิตแล้ว ทำให้เจ้ารับรู้ความสง่างามของจั่วหลี”

จี้หยวนพูดพลางม้วนเทียบเจตกระบี่

“นำกลับไป เปิดในห้องตนเอง ยามอ่านครั้งแรกจะผล็อยหลับฝัน จอมยุทธ์เยี่ยนโปรดอ่านข้างเตียง”

สีหน้าเยี่ยนเฟยทั้งตกตะลึงและมึนงง มองเทียบเจตกระบี่ด้วยสีหน้าสับสน เขายังยากจินตนาการว่าจอมยุทธ์เผชิญหน้ากับเซียนปีศาจอย่างไรอยู่บ้าง

แต่เซียนเหนือธรรมดาอย่างท่านจี้ย่อมไม่หลอกเขาแน่ ในเมื่อท่านจี้กล่าวเน้นหนักเรื่องนัยของเทียบอักษรขนาดนี้ คาดว่าคงมีเหตุผล

เยี่ยนเฟยหยิบเทียบอักษรซึ่งค่อนข้างหนักเล่มนี้ ลุกขึ้นมากล่าวบอกลาท่านจี้

“ขอบคุณท่านจี้สำหรับการพูดคุยคืนนี้ เยี่ยนเฟยย่อมรักษาอย่างดี เชิญท่านพักผ่อนเถอะ ข้าคนแซ่เยี่ยนไม่รบกวน!”

จี้หยวนพยักหน้าเล็กน้อย มองส่งเยี่ยนเฟยหันหลังเปิดประตู เมื่อเยี่ยนเฟยปิดประตู เสียงจี้หยวนดังออกมาอีกครั้ง

“จอมยุทธ์เยี่ยนรักษาอย่างดีแต่อย่าสับสน หลังจากอ่านเทียบอักษรแล้ว พักผ่อนให้เต็มที่เถอะ”

เยี่ยนเฟยหยุดพักอยู่นอกประตู ประสานมือให้คนข้างในโดยมีประตูกั้นอีกครั้ง จากนั้นค่อยหันหลังจากไป

หลังจากกลับห้อง เยี่ยนเฟยแค่ถอดรองเท้า วางกระบี่ยาวตรงหัวเตียง จากนั้นค่อยนั่งบนเตียงเปิดเทียบเจตกระบี่ช้าๆ

ยิ่งตัวอักษรเปิดเผยออกมามากเท่าไหร่ ยิ่งเหมือนตัวอักษรบนเทียบเริ่มเลือนรางขึ้นมา เยี่ยนเฟยสะบัดศีรษะเล็กน้อย แต่ยิ่งรู้สึกว่าตัวอักษรเหมือนมีชีวิตจิตวิญญาณ คล้ายออกจากกระดาษมาร่ายรำ

ท่ามกลางความเลือนราง เยี่ยนเฟยซวนเซจับเทียบอักษรนอนลงบนเตียง

ในฝันมีคนถือกระบี่ยืนอยู่บนยอดเขา…

ชิ้ง…

เสียงกระบี่ครวญร่ายรำพร้อมลมฝน สะท้อนแสงอาทิตย์ยามสายัณห์

ภายในห้องของจี้หยวน จี้หยวนซึ่งนอนอยู่บนเตียงหันมองกระบี่เครือเขียวข้างกายเช่นกัน ความคิดเหมือนหวนนึกถึงเมื่อหลายสิบปีก่อน

“ปลายทางวิถียุทธ์อยู่แห่งใด… เยี่ยนเฟย อย่าทำให้ข้าผิดหวังเล่า!”