ตอนที่ 326 ใครๆ ล้วนมีเวลาที่รู้สึกกลัว

เซียนหมากข้ามมิติ

ตอนที่ 326 ใครๆ ล้วนมีเวลาที่รู้สึกกลัว

หลังจากเกิดความคาดเดาขึ้นในใจ จี้หยวนไม่อ้อมค้อมอะไรโดยสิ้นเชิง ถามวาฬยักษ์ไปโดยตรง

“ท่านโม่ที่เจ้าว่า นามว่าโม่หรงใช่หรือไม่”

จู่ๆ ได้ยินคำถามนี้ของจี้หยวน วาฬยักษ์ที่เดิมทีพูดไม่หยุดปากอยู่บนผิวน้ำทะเลพลันชะงักค้าง ดวงตาข้างหนึ่งมองจี้หยวนอย่างระมัดระวัง ในใจกระวนกระวายไม่น้อย ไม่รู้ว่าควรตอบคำถามดีหรือไม่ หากท่านโม่ผิดใจกับอีกฝ่ายจะทำอย่างไรดี

ทว่าจี้หยวนไม่ต้องการให้วาฬยักษ์ตัวนี้ตอบอย่างยินดี จากการตอบสนองของวาฬยักษ์น่าจะมองออกแล้วว่าตนเองเดาถูก เขาจึงเอ่ยปากทันที

“หากที่เจ้าพูดถึงคือมังกรเจียวสีน้ำหมึกที่ฝึกปราณออยู่ในรัฐหวั่นของต้าเจิน เจ้าไม่ต้องรอแล้ว โม่หรงไม่มีทางมาอีก”

ในสมองของจี้หยวนปรากฏภาพมังกรเจียวตายแล้วท่องวารีในปีนั้น แม้นึกถึงในตอนนี้ วินาทีที่วิญญาณจากไปยังคงทำให้เขาโศกเศร้าอยู่บ้าง และความโมโหที่เกิดขึ้นกับมังกรเฒ่าครั้งนั้นเขายังคงจำได้เสมอ

เมื่อมองไปทางผิวน้ำทะเลไกลๆ ไม่รู้เหมือนกันว่าวิญญาณนั้น ‘ท่องวารี’ สำเร็จหรือไม่ กลายเป็นวิญญาณแท้ที่ไร้ความคิดหรือไม่ หาโอกาสฝึกปราณใหม่ได้หรือไม่

ผิวน้ำทะเลกระเพื่อมขึ้นลง ลมทะเลยังคงพัดแผ่ว วาฬยักษ์ไม่ถึงกับโง่เกินไปอย่างเห็นได้ชัด ตอบสนองได้ครู่หนึ่งแล้วนึกถึงความเป็นไปได้ที่ไม่ค่อยดีได้รางๆ มันมองกระบี่เครือเขียวในมือจี้หยวน หัวใจพลันสั่นสะท้าน

“ทะ ท่านทำอะไรท่านโม่”

จี้หยวนส่ายหน้า มองไปทางวาฬยักษ์อีกครั้ง

“ไม่ใช่ข้า แปดปีก่อนโม่หรงอยู่ระหว่างกลับจากหาอาหารที่ทะเลตะวันออก พบเจอปีศาจมากมายสถานะไม่แน่ชัดซุ่มสังหาร ระเบิดไข่มุกมังกรด้วยความพยายามทั้งหมดแล้วถึงกลับต้าเจินได้ เพราะบาดเจ็บหนักเกินไป ปราณดั้งเดิมในกายแตกซ่านและตกลงจากท้องฟ้า ไม่นานหลังจากนั้นตายตกที่ทะเลสาบไพศาล…”

พูดถึงตรงนี้แล้ว จี้หยวนหยุดไปครู่หนึ่งค่อยกล่าวต่อ

“ก่อนตายนั้น ข้าคนแซ่จี้และผู้อาวุโสอิงยืนอยู่ข้างร่างมังกรเจียวดำ มองวิญญาณมังกรของมันท่องวารีไป”

วาฬยักษ์ไม่พูดโดยตลอด เหมือนกับดึงสติออกจากข้อมูลนี้ไม่ได้ พูดพึมพำกับตนเองด้วยความรู้สึกเหลือเชื่อ

“เป็นไปไม่ได้ เป็นไปไม่ได้! มรรควิถีของท่านโม่ลึกล้ำปานนั้น สามารถบีบคั้นให้ข้าตายได้ง่ายๆ จะเป็นไปได้อย่างไร จะตายได้อย่างไร!”

‘ท่านโม่ตายแล้วจริงหรือ หรือเขากำลังหลอกข้าอยู่ แต่ตอนนั้นท่านโม่บอกว่าอาจจะออกทะเล…หรือว่าเกิดเรื่องกับท่านโม่จริง เช่นนั้นข้าจะทำอย่างไร ข้าไปยังแม่น้ำไม่ได้ อีกทั้งไม่รู้จักใคร…’

แม้จะเป็นวาฬตัวหนึ่ง แต่จี้หยวนกลับรู้สึกได้ถึงความว้าวุ่นของอีกฝ่าย ร่างกายขยับไหวทำให้โดยรอบเกิดคลื่นน้ำปั่นป่วนยิ่งขึ้น เมื่ออีกฝ่ายใจเย็นลงได้บ้างในที่สุด จี้หยวนถึงเอ่ยปากอีกครั้ง

“เจ้าอยากพบมังกรเจียวดำตัวนั้นด้วยเหตุใด หรือที่จริงแล้วอยากพบผู้อาวุโสอิงมากกว่า เจ้าอยากพบเองหรือเจ้าแม่ที่เจ้าพูดถึงเป็นคนอยากพบกันแน่”

จี้หยวนนึกอะไรได้มากมายในทันที และเดาว่าเจ้าแม่ที่วาฬยักษ์ตัวนี้กล่าวถึงก่อนหน้านี้ใช่ฮูหยินของมังกรเฒ่าหรือไม่ มารดาผู้ให้กำเนิดบุตรและธิดามังกร

ตอนนี้วาฬยักษ์กังวลใจอย่างชัดเจน ถึงขนาดสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัวอยู่บ้าง เมื่อได้ยินคำพูดของจี้หยวน สีหน้าเป็นกังวลของมันยิ่งฉายชัด ปากพึมพำพูดอีกแล้ว

“ข้าอยากพบท่านโม่ อยากพบเพียงท่านโม่…”

ราวกับในที่สุดก็ตระหนักถึงอะไรบางอย่างได้ มันมองจี้หยวนทันที

“ท่านเซียน! ท่านรู้จักประมุขมังกรหรือ”

เมื่อครู่จี้หยวนบอกว่ามองวิญญาณมังกรของมังกรเจียวดำท่องวารีด้วยกันกับมังกรเฒ่า เช่นนั้นเขาต้องเป็นสหายของประมุขมังกรอย่างแน่นอน ไม่เช่นนั้นไม่มีสิทธิ์ยืนอยู่ในสถานที่นั้นในเวลานั้นแน่ ต้องรู้ไว้ว่าวินาทีนั้นสำคัญมากสำหรับเผ่ามังกร

“รู้จัก”

วาฬยักษ์ทำให้น้ำทะเลกระเพื่อมเล็กน้อย ว่ายน้ำเข้าไปใกล้ขึ้นตามสัญชาตญาณ จากนั้นถามเสียงเบา

“สนิทมากหรือ”

จี้หยวนมองมันแล้วพยักหน้า

“สนิทมาก”

“เช่นนั้นท่านเรียกประมุขมังกรมาได้หรือไม่”

วาฬยักษ์ถามอย่างตื่นเต้นและคาดหวัง

จี้หยวนตัดสินใจอาศัยมิตรภาพของตนเองและมังกรเฒ่า ด้วยอยู่ในสถานการณ์ที่สมเหตุสมผล เรียกให้เขาออกจากต้าเจินเพื่อพบวาฬยักษ์ตัวนี้ที่นี่เห็นทีไม่น่ายาก จึงตอบรับไปตามตรง

“อยากเรียกก็ทำได้”

“เช่นนั้น…”

วาฬยักษ์ลังเลเล็กน้อย หนึ่งคำลากเสียงยาวอยู่ครู่หนึ่งถึงจะกล่าวต่อ

“หากไม่เป็นการรบกวนท่านเซียน ช่วยข้าบอกเทพีรั่วอิงสักคำได้หรือไม่ หรือจะบอกองค์ชายเฟิงก็ย่อมได้!”

ชัดเจนว่าวาฬยักษ์ตัวนี้กลัวมังกรเฒ่าเป็นอย่างยิ่ง พูดยืดเยื้อตั้งนานสุดท้ายเพียงกล้าเรียกธิดามังกรและบุตรมังกร

จี้หยวนไม่เย้ามัน พยักหน้าเงียบๆ

“ตกลง ข้าจะช่วยเจ้า จริงสิก่อนหน้านี้เจ้าล้วนไปพบโม่หรงกระมัง ครั้งก่อนไปเมื่อใด”

“ก่อนหน้านี้ไม่ได้ไปพบท่านโม่เลย ครั้งก่อนที่พบเขาก็น่าจะประมาณสี่หรือห้าสิบปีแล้วกระมัง ที่จริงนานเท่าไหร่ข้าจำไม่ได้แล้ว”

จี้หยวนเข้าใจแล้ว ตอนนี้เขานึกถึงคำพูดของหลี่เป่าเทียน เทพหลักเมืองจังหวัดลี่ซุนแห่งรัฐหวั่น คำนวณดูแล้วเป็นเวลาที่โม่หลงเพิ่งเข้าครองทะเลสาบไพศาลได้ไม่นาน

“ได้ เจ้ารอก่อน ข้าจะไปแม่น้ำเทียมฟ้าที่ต้าเจินสักครั้ง ระหว่างนี้หากหิวพยายามหาสถานที่ที่เหมาะสมกินปลาเสีย ชาวประมงเหล่านั้นจะได้ไม่ตกใจกลัวเจ้า”

“ขอรับ ข้า…จะทำตามอย่างแน่นอน!”

จากนั้นวาฬยักษ์ถามด้วยความสงสัย

“ท่านเซียนไม่ถามหน่อยหรือว่าเพราะอะไรถึงมาที่นี่”

จี้หยวนยิ้ม

“น่าจะเป็นเพราะธุระในบ้าน หากสะดวกบอกให้ข้ารู้ รอข้าพาคนมาแล้วค่อยบอกข้าแล้วกัน ข้าคนแซ่จี้กลับอยากถามว่าเจ้าเชื่อใจข้าหรือ”

วาฬยักษ์เห็นกระบี่เครือเขียวที่กลับไปอยู่ข้างหลังจี้หยวนแล้ว ตอนนี้กระบี่เซียนไม่ได้เร้นร่าง มันกล่าวในใจว่าไหนเลยจะกล้าพูดว่าไม่เชื่อ

“เชื่อใจ! แค่มองปราดเดียวก็รู้ว่าท่านเซียนเป็นผู้มีมรรคสูงส่ง เป็นผู้ฝึกเซียนอัศจรรย์ เป็นไปไม่ได้ที่จะพูดปด ข้าเชื่อใจท่าน!”

“ดี ในเมื่อเป็นเช่นนั้นข้าก็ขอตัวก่อนล่ะ”

จี้หยวนไม่รู้ความคิดในใจวาฬยักษ์ เพียงเหยียบเมฆลอยขึ้นฟ้า บินไปทางตะวันตกเฉียงใต้อย่างรวดเร็ว

เมื่อจี้หยวนไปได้ประมาณหนึ่งเค่อกว่า วาฬยักษ์ที่ระแวดระวังมองท้องฟ้ายามวิกาลไกลๆ อยู่บนผิวน้ำทะเลอยู่ตลอดก็รีบแหวกสายน้ำจมลงไป

‘รีบหนีก่อนค่อยว่ากัน!’

หลังจากนั้นประมาณหนึ่งวันครึ่ง ภายในอาณาเขตต้าเจิน จวนบาดาลของเทพแม่น้ำเทียมฟ้า

ตอนนี้ท้องฟ้าสว่างจ้า ทว่าอยู่ในช่วงฤดูหนาวก่อนวันปีใหม่ เหนือแม่น้ำเทียมฟ้าจึงมีเรืออยู่ไม่มาก

จี้หยวนบังคับเมฆลงจากท้องฟ้า เหาะเข้าสู่ผิวน้ำในทันที หลังแหวกสายน้ำแล้วก็หายไปจากผิวน้ำ

ความจริงเขาเคยมาจวนบาดาลแม่น้ำเทียมฟ้าไม่กี่ครั้ง ทว่าจดจำเส้นทางได้แม่นยำ ว่ายน้ำไปถึงตำแหน่งที่ถูกต้องอย่างคล่องแคล่ว อ้อมเขตอาคมใต้น้ำไปถึงพื้นที่หน้าจวนบาดาลโดยตรง

มียักษ์ลาดตระเวนสองสามตนมองเห็นมีคนย่ำคลื่นมาถึง จึงพากันรวมกลุ่มไปยังที่ตรงนั้น รอเข้ามาใกล้สักหน่อยเห็นชัดว่าเป็นจี้หยวน ทั้งหมดประสานมือโค้งกายในทันที

“ยักษ์ลาดตระเวนคารวะท่านจี้!”

จี้หยวนหยุดเมื่อเข้าใกล้ยักษ์ มองประตูจวนบาดาลที่เดี๋ยวปรากฏเดี๋ยวเลือนหายข้างหลังพวกมัน ประสานมือกลับตามมารยาทก่อนกล่าว

“ไม่ต้องมากพิธี ข้ามีธุระต้องเข้าจวนบาดาล อยากพบประมุขมังกรของพวกเจ้าสักหน่อย รวมถึงเทพีแม่น้ำและองค์ชายอิง ทั้งหมดอยู่ในจวนใช่หรือไม่ รบกวนยักษ์บอกกล่าวที!”

ยักษ์หลายตนมองจี้หยวน ไม่มีพลังลมปราณ หากมีสิ่งขุ่นมัวในแม่น้ำเข้าใกล้ก็จะจากไปเอง กอปรกับพฤติกรรมและนิสัยการพูดของเขา เป็นท่านเซียนแน่แท้ไม่ต้องสงสัย และในต้าเจินแห่งนี้มีใครรู้จักท่านจี้แล้วกล้าปลอมแปลงเป็นเขาบ้าง

“ท่านจี้พูดอะไรกัน ท่านมาถึงจวนบาดาลแม่น้ำเทียมฟ้าของพวกเราย่อมไม่ต้องขออนุญาต เชิญท่านจี้เข้าจวนบาดาลตามสะดวก!”

“เช่นนั้นก็ดี ขอพวกเจ้านำทางด้วย”

ถึงยักษ์พูดเช่นนั้น แต่จี้หยวนไม่มีมารยาทไม่ได้

ยักษ์สองตนเลิกคารวะแล้วนำทางจี้หยวนว่ายน้ำไปทางจวนบาดาล ส่วนยักษ์อีกสองตนเร่งนำหน้าไปก่อนหน้าหนึ่งก้าว เรียกกระแสน้ำและฟองอากาศเลือนรางเข้าไปรายงานในจวนบาดาล

ไม่นานเท่าไหร่นักยักษ์ตนหนึ่งในนั้นถึงบึงมังกรใต้ดินซึ่งอยู่ลึกในจวนบาดาล หลังจากบอกกับองครักษ์แล้วว่ายน้ำเข้าไปอย่างระมัดระวัง ครั้นถึงตรงหน้าสัตว์ขนาดยักษ์สีดำทะมึนท่ามกลางความมืดจึงโค้งกายกล่าวด้วยความนอบน้อม

“ทูลประมุขมังกร ท่านจี้มาหาท่าน อีกทั้งอยากพบเทพีแม่น้ำและองค์ชายอิงด้วยขอรับ”

ท่ามกลางความมืดนั้นเหมือนกับมีม่านขนาดใหญ่สองผืนเปิดขึ้น เผยให้เห็นสีอำพันทอประกายจากข้างหลัง

“จี้หยวน!”

หลังจากพึมพำแล้ว แสงหมอกรวมกลุ่มกันทันที กลายเป็นชายชราในชุดคลุมผ้าไหม เป็นร่างคนของอิงหงที่กล่าวกับยักษ์ว่า

“ไปเถอะ”

“ขอรับ!”

ปกติมีเรื่องอะไรรายงานประมุขมังกรแล้ว ส่วนใหญ่จะได้รับคำตอบว่า ‘ไสหัวไป’ อย่างไม่ใยดี ยักษ์จึงอดสงสัยไม่ได้ว่าท่านจี้มีเกียรติมากเพียงใดกัน

โถงหลังของจวนบาดาล อิงรั่วหลีมาถึงนานแล้ว ทว่าอิงเฟิงกลับไม่อยู่ที่นี่

มังกรเฒ่าก้าวมาถึงด้วยอารมณ์ไม่มั่นคง แทนที่จะบอกว่าเดินมาถึง กลับเหมือนไถลมาอย่างไร้เสียงมากกว่า แต่ยังไม่ทันได้เดินถึงตรงหน้าโถงก็ได้ยินบุตรีตนเองส่งเสียงร้องตกเสียงเสียกิริยาอย่างหาได้ยาก

“ท่านอาจี้! ท่านบอกว่าเจ้าแม่ข้าอาจส่งคนมาตามหาหรือ”

เสียงร้องนี้ทำให้ย่างก้าวของมังกรเฒ่าชะงักกึก ความรู้สึกบนใบหน้าซับซ้อนเป็นอย่างยิ่ง ยื่นมือจับยักษ์ที่เดินอยู่ตรงหน้าเอาไว้

ฝ่ายหลังตื่นตะลึงคิดขออภัย ทว่ามังกรเฒ่ารีบปิดปากมันไว้

มังกรเฒ่าใช้นิ้วกดหน้าผากยักษ์เบาๆ เสียงดังขึ้นในใจมัน

‘เจ้าออกไป อย่าส่งเสียง!’

ยักษ์เบิกตามองไปยังประมุขมังกรของตนด้วยสีหน้าไม่เข้าใจอย่างยิ่งยวด จากนั้นได้ยินเสียงดังขึ้นในใจอีกครั้ง

‘ทำตามที่ข้าบอก อีกอย่าง จี้หยวนหูดีมาก อย่าเผยร่องรอย ไม่ต้องตอบข้าว่ารับบัญชา แค่ออกไปก็พอ’

ยักษ์ดึงสติกลับมา พยักหน้าน้อยๆ แล้วหมุนกายมองไปทางโถงหน้า ตอนมองประมุขมังกรอีกครั้งพบว่าเขาไม่อยู่แล้ว

ตั้งแต่ยักษ์ปฏิบัติหน้าที่ในจวนบาดาลล้วนไม่เคยเห็นสภาพการณ์นี้ของประมุขมังกร แต่ไม่กล้าคิดมากโดยสิ้นเชิง เพียงรู้ว่าคำสั่งของประมุขมังกรต้องมาก่อนอันดับแรก