บทที่ 4 แก้ชงอีกรอบ

เธอคิดอยู่วูบหนึ่ง ก่อนกัดฟันเอ่ยขึ้น “ข้าไม่ไป”

“เฮอะ ไม่ไปรึ เจ้าตัดสินใจไม่ได้หรอกนะ” สีหน้าแม่เฒ่าจางเย็นเยียบ เมินเฉยต่อความเห็นของจางซิ่วเอ๋อ

เสียดายที่ตอนนี้จางซิ่วเอ๋อยังอ่อนแออยู่จึงไม่สามารถต่อต้านได้ เธอจึงถูกยัดเข้าไปในเกี้ยวเจ้าสาวอีกครั้ง ยังดีที่คนเหล่านี้พอมีจิตสำนึกที่จะไม่ให้เธอตายอยู่บ้าง ก่อนเข้าพิธีพวกนางจึงให้เธอได้กินยาและทำแผลให้ใหม่

แต่ในยานั้นผสมยาที่ทำให้ง่วงเข้าไปด้วย

จางซิ่วเอ๋อจำได้แค่ตัวเองเข้าพิธีกับไก่ตัวผู้ จากนั้นก็หลับไป

ครั้นพอตื่นขึ้นมา…

จางซิ่วเอ๋อก็ได้ยินเสียงก่นด่าของแม่เฒ่าจาง “เจ้าบ้าเอ๊ย นังหน้าด้านชั้นต่ำ นึกว่าเจ้าจะช่วยให้คุณชายเนี่ยกลับมามีชีวิต ใครจะรู้ว่าพอพากลับไปเข้าพิธี คุณชายเนี่ยก็สิ้นลมไปอย่างสิ้นเชิง”

จางซิ่วเอ๋อลูบศีรษะตัวเองและรู้สึกมึนงง ตนไปอยู่ในตระกูลเนี่ยแล้วไม่ใช่หรือ ทำไมกลับมาอีกแล้วล่ะ

ครั้งนี้เธอโดนโยนกลับมาอยู่ในห้องเล็กอีกครั้ง

แม่เฒ่าจางก่นด่าอยู่ในลานบ้าน โดยที่จางชุนเถานั่งอยู่เป็นเพื่อนจางซิ่วเอ๋อ

จางชุนเถาเล่าเสียงแผ่วถึงเรื่องที่เกิดขึ้นให้จางซิ่วเอ๋อฟัง ประมาณว่าหลังจากที่คุณชายเนี่ยโดนดวงกินคู่ของเธอเล่นงานจนตายกลับฟื้นมาได้ คนตระกูลเนี่ยก็รู้มาว่าเธอฆ่าตัวตายจนเกือบได้ตายจริง จึงรู้สึกว่าเป็นเธอที่ฟาดเคราะห์แทนคุณชายเนี่ย เลยจะมาเชิญตัวเธอกลับไป……

เอ่อ คำว่าเชิญก็เป็นแค่การพูดตามมารยาท สำหรับจางซิ่วเอ๋อแล้วเธอรู้สึกเหมือนตัวเองถูกมัดตัวกลับไปมากกว่า

ครั้งนี้เธอซวยกว่าเดิม เพิ่งจะเข้าพิธี คุณชายเนี่ยก็หมดลมจริง ๆ ซ้ำคนที่หมดลมไปด้วยยังรวมถึงคุณนายเฒ่าตระกูลเนี่ย

ได้ข่าวว่าคราวนี้ตายสนิททั้งคู่

เถ้าแก่เนี่ยและคุณนายเนี่ยต้องมาเสียบุตรตอนแก่ จึงระบายความโกรธแค้นลงกับจางซิ่วเอ๋อทั้งหมด เธอจึงซวยถูกโยนกลับมาอีกครั้ง

พอกลายเป็นแบบนี้ ต่อให้จางซิ่วเอ๋อไม่ใช่เจ้าของร่างก็ไม่อาจทำใจให้เฉยแล้วปล่อยเรื่องนี้ผ่านไปได้อีก นี่มันเรื่องระทมอะไรกันเนี่ย คนพวกนี้วุ่นวายกันมากมาย สุดท้ายกลับโยนทุกอย่างให้เป็นความผิดเธอ

“พี่ ครั้งนี้พี่เข้าพิธีแล้ว ต้องกลายเป็นแม่หม้ายจริง ๆ แล้ว….เรื่องนี้แก้ไขไม่ได้ พี่ต้องอดทนไว้นะ” จางชุนเถาเช็ดน้ำตา สรุปผลลัพธ์จากสิ่งที่เกิดขึ้น

เป็นเพราะได้กินยา ร่างกายของจางซิ่วเอ๋อจึงแข็งแรงขึ้นมาก ด้วยความที่ไม่ได้รู้สึกเศร้าโศกเท่ากับเจ้าของร่างเดิม ดังนั้นสภาพจิตใจจึงเป็นปกติอยู่ เธอทำเพียงแค่นเสียงเย็นชาและเอ่ยขึ้น “เป็นแม่หม้ายก็ดี ดีกว่าไปเป็นภรรยาให้กับคุณชายเนี่ย”

มองแค่วิธีการของตระกูลเนี่ยแล้ว จะให้เธอเป็นภรรยาของคุณชายเนี่ยงั้นเหรอ ถ้าอย่างนั้นชีวิตของเธอหลังจากนี้ก็จะมีแต่ความโศกเศร้าไม่รู้จบ

ถึงแม้ว่าการอยู่ตระกูลจางไปก็ไม่ใช่เรื่องดีเท่าใด แต่เธอกลายเป็นแม่หม้ายไปแล้ว นี่ก็หมายความว่าเธอสามารถย้ายออกไปอยู่ด้วยตนเองได้ใช่ไหม?

พอคิดมาถึงตรงนี้ จางซิ่วเอ๋อกลับสบายใจมากขึ้น

รอให้ร่างกายแข็งแรงขึ้นกว่านี้แล้วเธอจะหาทางย้ายออกไป ส่วนตอนนี้…เธอต้องอยู่ในบ้านตระกูลจางไปก่อน อย่างน้อยก็มีที่ให้หลบแดดหลบฝน อย่างไรเสียก็ต้องผ่านช่วงเวลาที่ลำบากนี่ไปก่อน

แม่เฒ่าจางด่าจนพอใจแล้ว ก็ไปใส่อารมณ์กับจางซิ่วเอ๋อในห้องต่อ

ใบหน้าชราของนางนั้นเต็มไปด้วยรอยย่น ผิวแห้งและเหลือง ตอนนี้ที่นางกำลังโกรธก็เผยให้เห็นฟันเหลืองทั้งปาก ดูดุร้ายยิ่งกว่าเดิม

“นังตัวซวยเวรตะไล ยังมีหน้ามีชีวิตอยู่อีก ข้าว่านะเจ้าควรไปตายได้แล้ว” แม่เฒ่าจางสบถอย่างโมโห อดไม่ได้ที่จะยื่นขามาเตะจางซิ่วเอ๋อ

ร่างกายของจางซิ่วเอ๋อยังอ่อนแออยู่จึงหลบไม่ได้ แต่จางชุนเถาที่หูตาไวได้โถมตัวบังจางซิ่วเอ๋อไว้ จึงเป็นฝ่ายถูกลูกเตะของท่านย่านางแทน

“ท่านย่า ไม่แน่คุณชายเนี่ยอาจจะฟื้นขึ้นมาอีกก็ได้นี่เจ้าคะ ถึงอย่างไรตอนนี้ก็ยังไม่ฝัง ถ้าท่านย่าเตะข้าตายจริง ๆ ต่อให้หลังจากนี้ข้าจะมีชีวิตที่ดีขึ้น ข้าก็จะไม่ขอทำดีกับท่าน” จางซิ่วเอ๋อเอ่ยเกรี้ยวกราด

แม่เฒ่าจางผงะ ช่วง 7 วันที่เก็บศพไว้มันมีคนจำพวกที่ยังไม่ถึงฆาตฟื้นกลับมาจริง ๆ

ครั้งที่แล้วคุณชายเนี่ยสิ้นลมแต่ก็ฟื้นกลับมาไม่ใช่หรือ ถ้าครั้งนี้คุณชายเนี่ยฟื้นขึ้นมาได้จริง ๆ แล้วล่ะก็…ไม่ได้การ ตอนนี้ยังทำอะไรจางซิ่วเอ๋อมากไม่ได้ อย่างไรเสียก็แค่รอ 7 วัน

ถ้าคุณชายเนี่ยถูกฝัง นางจะจัดการนังเวรนี่ให้น่าดูชมเลยเชียว

แต่แม้จะมีความหวังริบหรี่ แม่เฒ่าจางก็ไม่ได้ทำดีกับจางซิ่วเอ๋อสักเท่าใด นางสบถอย่างไม่พอใจและหันหลังเดินออกไป

ในครั้งนี้จางซิ่วเอ๋อจึงมองจางชุนเถาอย่างเป็นห่วง “ชุนเถา เจ้าเจ็บไหม?”

จางชุนเถากลับหัวเราะร่าเริง “ไม่เจ็บหรอกเจ้าค่ะท่านพี่…ข้าชินแล้ว”

ประโยคสุดท้ายทำให้จางซิ่วเอ๋อใจกระตุกวูบ…ชินแล้ว…

ชีวิตของคนบ้านนี้เมื่อก่อนหน้านั้นพวกเขาผ่านกันมาได้ยังไงนะ

“ท่านพี่ วันนี้พี่แปลกมากนะเจ้าคะ ถึงกล้าพูดกับท่านย่าด้วยน้ำเสียงเช่นนั้น” จางชุนเถาเอ่ยพลางอมยิ้ม

จางซิ่วเอ๋อตกใจ ‘ไม่ใช่ว่าจางชุนเถาจับผิดได้นะ’ คิดแล้วจึงรีบเอ่ยขึ้น “ตอนนี้แม้แต่ความตายข้าก็ไม่กลัวแล้ว ทำไมต้องกลัวนางด้วย”

จางชุนเถาพยักหน้าอย่างเข้าใจ พี่สาวที่อ่อนแอมาเสมอถึงกับฆ่าตัวตายในครั้งนี้ เห็นได้ชัดว่าถูกบีบคั้นจนทนไม่ไหว หากตอนนี้นางเปลี่ยนไปแบบนี้ก็สมเหตุสมผลแล้ว

หลายวันหลังจากนั้น จางซิ่วเอ๋อก็รักษาบาดแผลอยู่ที่นี่ตลอด

แม่เฒ่าจางนำน้ำล้างหม้อมาให้จางซิ่วเอ๋อกิน ซึ่งจริง ๆ แล้วมันคืออาหารหมู จางซิ่วเอ๋อกลืนไม่ลงเลยสักนิด แต่พอคิดได้ว่าในนี้มีเศษผักอยู่บ้าง บวกกับซาลาเปาที่จางชุนเถาแทบจะแงะออกจากซอกฟันมาให้ สุดท้ายเธอก็รอดมาได้

นอกจากจางชุนเถาแล้ว จางซิ่วเอ๋อไม่เจอญาติคนอื่นเลย

ท่านแม่โจวพาจางซานหยากลับบ้านแม่ตัวเอง ส่วนจางต้าหูออกไปสร้างบ้านให้คนอื่น หลังจากนั้นแค่ไม่กี่วัน แม่เฒ่าจางก็จับจางซิ่วเอ๋อแต่งงาน

หญิงสาวแอบถอนหายใจ พ่อแม่ผู้ต่ำต้อยคู่นี้ไม่มีที่ยืนอะไรในบ้านหลังนี้จริง ๆ

คนที่อยู่กับพวกเขายังมีอาสาวจางอวี่หมิน แต่นางเองก็ถึงวัยที่จะออกเรือนแล้วเช่นกัน คงกลัวว่าจะถูกลูกหลงความซวยไปด้วย ดังนั้นจึงไม่มีทางมาเยี่ยมจางซิ่วเอ๋อหรอก

จะว่าไปแล้ว อาสามจางต้าเหอก็อาศัยอยู่กับพวกเขา ทว่านับตั้งแต่ที่เกิดเรื่องกับจางซิ่วเอ๋อ พวกเขาก็เดินอ้อมห้องเล็กนี่

คงกลัวว่าจะซวยไปด้วย พวกเขาจึงยังไม่ได้มาหาเรื่องจางซิ่วเอ๋อ

เวลา 7 วันนับว่าผ่านไปไม่นาน ตอนนี้จางซิ่วเอ๋อทำอะไรได้อย่างอิสระแล้ว

หญิงสาวเปลี่ยนมาใส่ชุดที่มีรอยปะเต็มไปหมด มันให้ความรู้สึกสบายตัวขึ้นไม่น้อย บาดแผลบนอกยังเจ็บอยู่บ้างและระคายคันอย่างออกจะทรมานอยู่ แต่จางซิ่วเอ๋อก็รู้ว่าตัวเองนั้นไม่มีอันตรายถึงชีวิตแล้ว

นี่จึงเป็นครั้งแรกที่เธอได้พิจารณาบ้านตระกูลจางจริง ๆ ตั้งแต่รั้วบ้านไม้ที่ต้องฝนจนกลายเป็นสีเทาคล้ำและเฉไปเฉมา หากโดนพายุโหมใส่คงพังครืนแน่ ๆ

นอกจากห้องเล็กแล้วก็มีห้องทั้งหมด 3 ห้อง กำแพงบ้านที่สร้างด้วยดิน และหลังคาที่สร้างจากหญ้าแห้งเรียงอัดอยู่ด้านบน

ในลานบ้านเลี้ยงหมูไว้ตัวหนึ่ง ซึ่งขณะนี้มันกำลังร้องอยู่

“จางชุนเถา นังชั้นต่ำ ยังไม่รีบไปเอารำอีก มัวแต่เฝ้าพี่สาวตัวซวยของแกทำไม” พอแม่เฒ่าจางเห็นจางชุนเถายังป้วนเปี้ยนอยู่รอบ ๆ จางซิ่วเอ๋อ นางก็ด่าอย่างไม่พอใจ

จางซิ่วเอ๋อจึงเอ่ยขึ้น “ท่านย่า ข้าก็จะไปเอารำด้วยเจ้าค่ะ”