บทที่ 5 ขึ้นเขา

แม่เฒ่าจางหัวเราะเสียงเย็น “ในเมื่อยังไม่ตาย ก็ไปทำงานกับน้องเจ้าซะ ส่วนเรื่องของคุณชายเนี่ย ข้าว่าเจ้าเลิกคิดจะดีกว่า เพราะวันนี้เป็นวันฝังคุณชายเนี่ย”

จางซิ่วเอ๋อไม่ได้เถียงอะไร เธอต้องมีฐานที่มั่นคงกว่านี้ก่อน ตอนนี้เธอยังมืดแปดด้านอยู่เลย

ครั้งนี้ที่คิดจะออกไปกับจางชุนเถา ก็เพราะอยากเห็นสภาพแวดล้อมรอบ ๆ

หากจะสู้ ก็ต้องรู้ทุกอย่างให้แน่ชัดเสียก่อน

จางชุนเถามองจางซิ่วเอ๋อด้วยความเป็นห่วง สุดท้ายก็ไปหยิบม้วนเชือกป่านสำหรับมัดหญ้าอาหารหมูมาขดหนึ่งและพาจางซิ่วเอ๋อออกจากเรือน

ความทรงจำเดิมของจางซิ่วเอ๋อนั้นขาดหายไปมาก จำได้เพียงคนสำคัญบางคนเท่านั้น พูดให้ถูกก็คือคนที่สร้างบาดแผลในจิตใจให้นางอย่างมากโดยหลัก ๆ แล้วก็มีแม่เฒ่าจาง ส่วนคนอื่น ๆ เธอนึกไม่ออกจริง ๆ

การตามจางชุนเถาออกมาในครั้งนี้ จางซิ่วเอ๋อเดินตามโดยที่ไม่รู้ทางสักนิด

ยังดีที่จางชุนเถาเดินช้า ๆ อยู่ด้านหน้าเพื่อคอยดูแลเธอ

เมื่อออกจากบ้านตระกูลจางและมองกลับไปในหมู่บ้าน เนินเขาเขียวขึ้นสลับกันเป็นทิวแถวก็ปรากฏในครรลองสายตา ยามมองจากระยะไกลก็จะพบพืชพรรณเขียวชอุ่มขึ้นอยู่ทั่วทั้งภูเขา

รอบ ๆ หมู่บ้านมีที่นาอยู่ไม่น้อย ตอนนี้มีคนจำนวนนึงกำลังทำงานอยู่

ที่ที่ทั้งสองจะไปคือเขาชิงสือหลังหมู่บ้าน

ดวงตะวันเพิ่งขึ้นได้ไม่นาน น้ำค้างบนต้นไม้ใบหญ้ายังไม่ทันแห้งดี เวลายามนี้ไม่ค่อยมีคนขึ้นเขานัก แต่แม่เฒ่าจางไม่สนใจเรื่องพวกนี้หรอก อย่างไรเสียคนที่มาทำงานที่นี่ก็เป็นพวกสตรีไร้ต้นทุนชีวิตอยู่แล้ว

“พี่ ระวังล้มด้วยนะ แผลฉีกแล้วจะแย่เอา” จางชุนเถาเดินไปพลางหันกลับมาบอกด้วยความเป็นห่วง

ขณะนี้จางซิ่วเอ๋ออารมณ์ดีอย่างสุดแสน เมื่อออกจากตระกูลจางน่าหดหู่นั่นได้ เธอก็รู้สึกถึงความกว้างใหญ่ไพศาลของฟ้าดิน ถึงเธอจะไม่เต็มใจกับการทะลุมาต่างมิตินี้ แต่เทียบกับสิ่งแวดล้อมดี ๆ อย่างเขาเขียวน้ำใสแล้ว ก็นับว่าไม่ขาดทุนเท่าไหร่

เธอเด็ดดอกไม้ขึ้นมาดม กลิ่นหอมจาง ๆ อวลอยู่ใต้จมูก

ความอัดอั้นตันใจเมื่อหลายวันมานี้เหมือนจะกระจายออกไปในคราเดียว

พอเดินมาถึงตรงครึ่งเขาที่ต้นไม้ค่อนข้างน้อย จางชุนเถาก็เริ่มหาหญ้า

ไม่ใช่ว่าหมูจะกินวัชพืชทุกชนิดได้ ส่วนใหญ่ที่พวกมันกินจะเป็นฮุยฉ่าย(1) ผักขม และผักป่าอื่น ๆ

ตอนแรกจางซิ่วเอ๋อจะช่วยนาง แต่ไม่ว่าจะทำอย่างไรจางชุนเถาก็ไม่ยอมให้เธอทำอะไรเลย บอกเพียงว่าตัวนางทำเร็วกว่า อีกประเดี๋ยวจะช่วยถางส่วนของจางซิ่วเอ๋อด้วย

จางซิ่วเอ๋อมองซ้ายแลขวา พืชผักบนเขาชิงสือมีมากมายเหลือเกิน อยู่หาแค่วัชพืชอาหารหมูไปก็เปล่าประโยชน์ ถ้าเจอของอย่างอื่นที่กินได้หรือใช้ได้ก็คงจะดี

จางซิ่วเอ๋อจึงบอกจางชุนเถาว่าตนเองจะไปเด็ดดอกไม้เล่น

จางชุนเถากลัวว่าพี่สาวของตนจะคิดสั้น แต่เมื่อเห็นจางซิ่วเอ๋อในตอนนี้มีอารมณ์ดีขึ้นนางก็ไม่อาจห้ามได้ จึงทำเพียงบอกกับเธอว่าอย่าไปไหนไกล

จางซิ่วเอ๋อพยักหน้า เหลียวไปแลมาอยู่พักหนึ่งแล้วจึงเดินเข้าไปในป่า

ขณะนั้นมีแมลงจำนวนหนึ่งส่งเสียงร้องไม่หยุด ทำให้จางซิ่วเอ๋อสัมผัสได้ถึงพลังชีวิตของผืนดินแห่งนี้อย่างเต็มเปี่ยม

ความจริงแล้วแมลงบางประเภทก็สามารถกินได้เหมือนกัน แต่จางซิ่วเอ๋อไม่ชอบของพรรค์นี้ จึงไม่คิดจะกิน ตอนนี้เธอกำลังคิดอยู่ว่าจะเจอพวกไข่นกหรืออะไรทำนองนี้หรือไม่

อาจบอกได้ว่าบางทีสวรรค์คงเห็นว่าจางซิ่วเอ๋อดูน่าสงสารเกินไป จึงบันดาลให้เธอได้ค้นพบอะไรใหม่ ๆ

ในพงหญ้ารกกอหนึ่งมีไก่ฟ้า 1 ตัว มันนั่งนิ่งไม่ไหวติง โดยที่ด้านล่านคือรังของมัน ชัดเจนว่าไก่ฟ้าตัวนี้กำลังกกไข่

ปกติแล้วไก่ฟ้าจะไม่ยอมอยู่ห่างจากไข่ตัวเองในช่วงกกไข่ ดังนั้นในตอนที่จางซิ่วเอ๋อเคลื่อนเข้าใกล้ มันก็ยังคงรักษาอาณาเขตตัวเองอย่างเข้มแข็ง

วินาทีที่จางซิ่วเอ๋อเห็นไก่ฟ้าตัวนี้ ดวงตาของเธอก็เป็นประกายขึ้นมา

ไม่ต้องพูดถึงอย่างอื่น เธอหิวนี่นา หลายวันมานี้เธอมีแค่น้ำล้างหม้อให้กินบ้างในแต่ละวัน แล้วก็เศษซาลาเปาที่แม่เฒ่าจางให้มา ถ้าไม่ได้เสบียงที่จางชุนเถาเก็บไว้จากส่วนของตนเองให้ แล้วไหนจะแผลของเธออีก เธอคงฝืนต่อไปไม่ไหวแน่

ตอนแรกยังแอบหยิบไข่ไก่จากเล้าไก่ได้ แต่หลังจากนั้นแม่เฒ่าจางก็มาลูบก้นไก่ทุกคืน

นางคอยดูอยู่ตลอดว่าวันรุ่งขึ้นมันจะออกไข่หรือไม่ ลูบทีแม่นที ถ้าเธอยังกล้าไปยุ่งกับไข่อีก รับรองได้ว่าวันรุ่งขึ้นได้จบชีวิตแน่

เธอน้ำลายไหลไป พลางถอดเสื้อคลุมบนตัวออกมา แล้วพุ่งออกไปข้างหน้าสุดแรง

กระต๊าก ๆ…

ไก่ฟ้าดิ้นพัลวัน ขณะนั้นจางซิ่วเอ๋อได้อุ้มไก่ฟ้าตัวนี้และลุกขึ้นแล้ว

พอห่อเสื้อผ้าเสร็จ ไก่ฟ้าตัวนี้ก็หนีไม่พ้น

เธอก้มมอง ในนั้นมีไข่ 10 ฟอง แต่น่าเสียดาย มีครึ่งนึงแตกไปตอนที่เธอพุ่งตัวไปจับ

เธอกลอกตาไปมาพลางรู้สึกเสียดายอยู่เล็กน้อย ก่อนจะหาใบไม้ใบใหญ่จากด้านข้าง แล้วหยิบไข่ไก่เหล่านั้นออกมาอย่างระมัดระวัง โยนเปลือกไข่แตกทิ้งไป และเลือกเก็บแต่ไข่ฟองที่ดีไว้

ถ้าอยู่ในเรือนตระกูลจาง เธอคงกินพวกมันแบบดิบ ๆ

แต่ตอนนี้เธอยังไม่อยากกินดิบ เธอรู้สึกเอียนกับรสคาวแบบนั้นแล้ว

เธอยัดไข่ที่เหลือใส่กระเป๋าตัวเองอย่างระวัง แบกไก่ฟ้าที่ตัวเองใช้เสื้อมัด ลากใบไม้ใบใหญ่ที่เจิ่งนองไปด้วยไข่ดิบกลับไปหาจางชุนเถา

“ชุนเถา ชุนเถา” หน้าตาจางซิ่วเอ๋อฉายแววตื่นเต้นแทบจะทนรอไม่ไหวแล้ว

จางชุนเถานึกว่าเกิดเรื่องขึ้นกับพี่สาวของตนก็ตกใจจนสะดุ้ง รีบวิ่งเข้ามาดู

พอจางชุนเถาเห็นของในมือจางซิ่วเอ๋อ นางก็ถามอย่างดีใจ “พี่ได้มาจากไหนหรือ”

จางซิ่วเอ๋อจึงเล่าให้ฟัง และนำไก่ฟ้าที่ได้มาให้จางชุนเถาดู

ตอนแรกจางชุนเถาจะเอาไก่ฟ้าตัวนี้ไปขาย แต่เมื่อเห็นใบหน้าซีดเซียวของพี่สาวก็ลังเลขึ้นมา จึงเอ่ยเสียงแผ่ว “พี่ พวกเราหาที่ที่ไม่มีคนแล้วย่างกินกัน ครั้งนี้พี่ต้องเงียบไว้นะ ห้ามบอกท่านย่าเราเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นนางได้ตีพวกเราตายแน่”

จางซิ่วเอ๋อคนเก่าซื่อเกินไป เมื่อก่อนจางชุนเถาก็เคยพาจางซิ่วเอ๋อแอบหาอะไรกินกันสองคนตามลำพัง แต่ใครจะรู้ว่าครู่เดียวก็โดนแม่เฒ่าจางหลอกถามไปจนหมด จากนั้นทั้งสองคนก็ถูกนางทุบตี

ครั้งนี้จางชุนเถาถือว่าสู้ตายเพื่อร่างกายของพี่สาวมาก

จางซิ่วเอ๋อมองจางชุนเถายิ้ม ๆ คิดไม่ถึงว่าเด็กอายุแค่ 13 ปีคนนี้จะแผนสูงขนาดนี้

แต่แบบนี้ก็ดี ดีกว่าพ่อตัวเองที่กตัญญูจนถึงขั้นโง่เขลา

ทั้งสองเดินไปใกล้บ่อน้ำแห่งหนึ่ง จางชุนเถาใช้มีดตัดหญ้าของตัวเองเชือดไก่ฟ้าอย่างช่ำชอง ส่วนจางซิ่วเอ๋อไปหาฟืนรอบ ๆ

ระหว่างหาฟืน เธอก็นำเปลือกอบเชย และต้นกระเทียมป่ากลับมาด้วย

ย่างแค่เนื้อคงคาวอยู่ไม่ใช่น้อย แต่ถ้ามีเปลือกอบเชยและต้นกระเทียมป่าอยู่ด้วยคงพอจะลดความคาวได้บ้าง

การย่างเนื้อโดยใส่ของพวกนี้ไปด้วยอาจจะไม่อร่อยนัก แต่รสชาติคงไม่แย่มากเช่นกัน

เวลานี้จางชุนเถาถอนขนของไก่ฟ้าออกมาเรียบร้อย แม้แต่ไส้ไก่ยังล้างด้วยน้ำจนสะอาด ของสิ่งนี้ถึงจะไม่อร่อย แต่ก็นับว่าเป็นเนื้อถึง 2 ชั่ง ดังนั้นจะทิ้งไม่ได้

…………………………………