บทที่ 6 ย่างไก่ป่า
คล้อยหลังเสียงไฟดังเปรี๊ยะปร๊ะไม่นาน ก็มีกลิ่นไก่ย่างหอมโชยมา
ตอนนี้ไข่ไก่นั้นสุกแล้ว สองพี่น้องแบ่งกันคนละครึ่ง เอาเข้าปากโดยไม่สนแล้วว่าร้อน
จางซิ่วเอ๋อลิ้มรสความหอมหวานของไข่ในปากแล้วรู้สึกอยากจะร้องไห้ ตอนอยู่ยุคปัจจุบันกินไข่จนเบื่อ แล้วใครจะคิดว่าไอ้ของอย่างนี้คือของหายากในยุคนี้กัน
แต่เวลานี้ เจ้าของร่างเดิมไม่ค่อยได้กินไข่ไก่ พอไข่เข้าปาก มันจึงอร่อยเป็นพิเศษจนเธอแทบอยากจะกินนิ้วตัวเองเข้าไปด้วย
จางชุนเถาหยิบไข่ชิ้นนึงเข้าปาก ลิ้มรสอย่างระมัดระวัง ก่อนจะกลืนทั้งที่ตาแดง “พี่ ข้าไม่เคยได้กินไข่ไก่คำโตแบบนี้มาก่อนเลย”
จางซิ่วเอ๋อได้ฟังดังนั้นก็นึกปวดใจ ความจริงตระกูลจางก็ไม่จำเป็นต้องใช้ชีวิตอัตคัดขนาดนั้น แต่ช่วยไม่ได้ที่แม่เฒ่าจางขี้งก จะยอมให้เด็กผู้หญิงกินของพวกนี้ได้ยังไงกัน
รอจนไก่สุก จางชุนเถาหักน่องไก่และดึงเนื้ออกไก่อกมา และยื่นให้จางซิ่วเอ๋อ
จางซิ่วเอ๋อมองจางชุนเถาอย่างนึกสงสัย
จางชุนเถาบอกยิ้ม ๆ “พี่ เนื้อพวกนี้พี่กินเถอะ ข้าตัวเล็กกินไม่เยอะหรอก”
ในชั่วขณะนั้น จางซิ่วเอ๋อก็รู้สึกแสบตา จางชุนเถายังไม่โต แต่รู้จักดูแลพี่สาวแล้ว เด็กอายุสิบสามถ้าอยู่ยุคปัจจุบันก็แค่เด็กคนหนึ่ง เวลานี้ยังอ้อนแม่อยู่เลย
แต่จางชุนเถายอมให้ตัวเองอด และต้องให้เธอได้กิน
จางซิ่วเอ๋อหยิบน่องไก่มาชิ้นนึง แล้วเอาเนื้อไก่ที่เหลือให้จางชุนเถา “ข้ามีแผลที่ตัว กินเนื้อเยอะไปไม่ดี”
“ก็เพราะมีแผลถึงต้องกินเยอะ ๆ ไง” จางชุนเถาหน้าตาแน่วแน่
จางซิ่วเอ๋อยัดให้ไปอีกหลายครั้ง จางชุนเถาจึงยอมแบ่งเนื้อไก่เป็นสองส่วน แน่นอนว่าส่วนของจางซิ่วเอ๋อใหญ่กว่า
พอสองพี่น้องกินอิ่มก็นอนเอนกายอยู่บนพื้นหญ้าสีเขียว มองเมฆที่ล่องลอยอยู่บนท้องฟ้า
“พี่ วันนี้เป็นวันฝังคุณชายตระกูลเนี่ย พี่คงไม่คิดสั้นใช่ไหม?” จู่ ๆ จางชุนเถาก็เอียงหัว และเอ่ยถามอย่างระมัดระวัง
จางซิ่วเอ๋อมองจางชุนเถาอย่างนึกขำ “เจ้าวางใจเถอะ ข้าไม่ทำแบบนั้นหรอก แต่เสียดายแทนเจ้าที่พี่สาวกลายเป็นแม่ม่ายที่ดวงกินผัว ต้องกระทบกับเรื่องแต่งงานของเจ้าแน่ ๆ”
“ข้าไม่กลัวจะโดนกระทบหรอก ข้าจางชุนเถาเก่งขนาดนี้ ทำไมจะไม่ได้แต่งงาน ไม่ใช่แค่ข้านะที่จะได้แต่ง ข้าจะหาบ้านสามีดี ๆ ให้พี่ด้วย” เสียงของจางชุนเถาแน่วแน่มาก
จางซิ่วเอ๋อต้องยอมรับเลยว่า ตัวเองนั้นนับถือความเข้มแข็งและการมองโลกในแง่ดีของจางชุนเถามาก
แต่คิดไปแล้วมันก็ใช่ ใช้ชีวิตในครอบครัวแบบนี้ ถ้าไม่เข้มแข็งและมองโลกในแง่ดี ไม่งั้นจะต้องเป็นเหมือนกับเจ้าของร่างเหรอ? เจออุปสรรคนิดหน่อยก็ฆ่าตัวตาย
สองคนนี้ก็ไม่กล้าพักนาน หลังจากนั้นก็ตัดหญ้าตัดผักให้หมูอย่างรวดเร็ว คราวนี้จางชุนเถาไม่ห้ามจางซิ่วเอ๋อช่วยแล้ว
ทำงานสองคนย่อมเร็วกว่าหนึ่งคน พอเสร็จแล้ว ทั้งคู่ก็พากันกลับบ้าน
ถึงจะเป็นเช่นนั้น ตอนกลับก็ยังสายไปหน่อย
เพิ่งจะถึงหน้าประตูตระกูลจาง ก็เห็นแม่เฒ่าจางยืนเท้าเอว สบถก่นด่าอยู่ในลานบ้าน
จางซิ่วเอ๋อใจกระตุกพลางนึกในใจว่าแย่แล้ว ยัยแก่นี่ไม่รู้จะอาละวาดขนาดไหนอีก
นี่เพิ่งจะเข้าประตูมาก็โดนด่าใส่หน้า “นังพวกตัวขาดทุน แค่หารำต้องใช้เวลานานขนาดนี้เลยรึไง?”
“พี่ ไปให้อาการไก่ไป” จางชุนเถาส่งสายตาให้จางซิ่วเอ๋อ
จางซิ่วเอ๋อรู้ว่าจางชุนเถาหาทางให้เธอไปก่อน เพื่อไม่ให้เธอโดนยัยแก่ด่า แต่จางซิ่วเอ๋อจะปล่อยให้จางชุนเถาแบกรับเรื่องแบบนี้ไว้คนเดียวได้อย่างไรกัน จึงเอ่ยขึ้น “ชุนเถา เจ้าไปเถอะ”
แม่เฒ่าจางเห็นว่าตัวเองโดนเมิน ก็ง้างด้ามไม้หวดใส่ทั้งสอง
ในตอนที่จางซิ่วเอ๋อคิดว่าตัวเองคงหนีไม่พ้นแล้ว จู่ ๆ ก็มีผู้หญิงผอมแห้งคนหนึ่งพุ่งเข้ามาจากนอกบ้าน กอดสองพี่น้องไว้ในอ้อมอก “แม่ เด็กสองคนนี้ทำอะไรผิด ถึงต้องตีกันขนาดนี้?”
จางซิ่วเอ๋อชะงัก ก่อนจะเข้าใจทันควันว่าผู้หญิงที่กอดตัวเองอยู่ ก็คือแม่โจวของตัวเอง
ขณะนั้นนอกลานบ้าน ยังมีผู้ชายผิวคล้ำท่าทางซื่อ ๆ คนหนึ่งยืนอยู่ น่าจะเป็นพ่อของเธอ จางต้าหู
“ต๊าย ตัวขาดทุนใหญ่กลับมาปกป้องตัวขาดทุนเล็กเหรอ?” พอแม่เฒ่าจางเห็นแม่โจวก็รู้สึกฟึดฟัดขึ้นมา
นางหวดด้ามไม้อีกครั้ง คราวนี้กระแทกใส่ตัวแม่โจว
แม่โจวก็เพิ่งจะรู้ว่าลูกสาวตัวเองต้องเจออะไรที่บ้านบ้าง แล้วได้ยินว่าจางซิ่วเอ๋อฆ่าตัวตายอีก จึงได้รีบกลับมา ตอนนี้จะยอมให้แม่เฒ่าจางตีจางซิ่วเอ๋อได้ยังไง?
ต่อให้ต้องโดนรังแกเพราะยัยหนูนี่หลายครั้ง แต่อย่างไรเสียก็เป็นเลือดเนื้อของตัวเอง
นางทนเห็นจางซิ่วเอ๋อตายไปไม่ได้หรอกนะ!
จางซิ่วเอ๋อสัมผัสได้ถึงการปกป้องจากแม่โจว แล้วรู้สึกตกอยู่ในภวังค์ ในความทรงจำเก่า ๆ แม่คนนี้อ่อนแอมาก ไม่เคยกล้าเถียงแม่เฒ่าจาง เวลาพวกเธอสามพี่น้องถูกด่า นางไม่เคยห้ามแม่เฒ่าจางเลย
เวลานี้จางซิ่วเอ๋อสัมผัสได้ถึงความรักจากแม่ได้อย่างล้นหลาม
บางทีไม่ใช่นางไม่อยากปกป้องลูกสาวตัวเอง แต่สาวชาวนาอย่างแม่โจว ต้องมีความรู้สึกให้ค่ากับผู้ชายมากกว่าผู้หญิง นางรู้สึกว่าตัวเองไม่มีลูกชายจึงต้อยต่ำกว่าคนอื่น ถึงได้ยอมโดนรังแกต่าง ๆ นานา
“ห้ามย่ามาตีแม่ข้านะ!” เด็กสาวอายุ 5-6 ขวบพุ่งไปหาแม่เฒ่าจางอย่างว่องไว
นี่ก็คือน้องสามของจางซิ่วเอ๋อ จางซานหยา แม่เฒ่าจางบอกว่าเธอเป็นตัวขาดทุน ไม่ต้องมีชื่อ ทุกคนจึงเรียกเธอว่าซานหยา ซึ่งหมายถึงลูกสาวคนที่สาม
แม่เฒ่าจางคิดไม่ถึงว่าแม่ลูกสามสี่คนนี้จะกล้าต่อต้านตัวเองกันหมด นางหวดด้ามไม้ครั้งแล้วครั้งเล่า ไม่สนอะไรใด ๆ ทั้งสิ้น
จางซิ่วเอ๋อมองจางต้าหูที่ยืนอยู่หน้าประตูด้วยสายตาเย็นเยียบ ผู้ชายคนนี้…ไม่เป็นลูกผู้ชาย…จริง ๆ
เขามองลูกเมียตัวเองโดนตีอยู่แบบนั้น และไม่ทำอะไรเลย!
และในขณะนั้นเอง แม่โจวก็พลันส่งเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดออกมา ก่อนจะล้มลงหมดสติไป
แม่เฒ่าจางเห็นภาพนี้ก็โกรธจนสบถออกมา “ยังจะมาแกล้งตายอีก!”
“เลือด….” จางชุนเถาตัวสั่น ชี้ไปที่กระโปรงแม่โจวพลางเอ่ย
ขณะนั้น จางต้าหูนึกอะไรได้บางอย่าง รีบพุ่งเข้ามาหยุดแม่เฒ่าจางไว้ “แม่ เหมือนเหมยจื่อจะท้อง ตีไม่ได้นะ”
แม่เฒ่าจางผงะ มองจางต้าหูด้วยสายตาประหลาด ก่อนจะหัวเราะเย็น ๆ “ต่อให้คลอดออกมาก็เป็นแค่ตัวขาดทุนนั่นแหละ”
จางต้าหูเอ่ยเสียงเข้ม “แล้วถ้าเป็นลูกชายล่ะ”
“พยุงนางเข้าบ้านเถอะ แล้วไปเรียกหมอมาดู เฮอะ ตัวขาดทุนทั้งบ้าน ท้องยังไม่รู้จักระวัง” แม่เฒ่าจางใจเย็นลงแต่ยังด่าอยู่
นางกลัวว่าถ้าตีแม่โจวจนแท้งจะมีความผิด จึงไม่สร้างเรื่องสร้างราวต่อ
จางซานหยาได้พุ่งตัวเร็วจี๋ไปหาหมอ ส่วนจางซิ่วเอ๋อไปต้มน้ำที่ห้องครัว แม่โจวตื่นแล้วต้องมีน้ำร้อน ๆ กินเสียหน่อย
ตอนนี้ในใจของจางซิ่วเอ๋อเห็นแม่โจวเป็นแม่แท้ ๆ ของตัวเองแล้วจริง ๆ
นางอาจจะอ่อนแอ อาจจะไร้ความสามารถ แต่ก็รักลูกตัวเองจริง ๆ
ส่วนพ่อคนนี้…คงจะรักแต่ลูกชายล่ะสิ พอคิดมาถึงตรงนี้ จางซิ่วเอ๋อก็หัวเราะเย็น ๆ อย่างอดไม่ได้