รถคันหรูคันนั้นเหมือนมีพลังเวทมนตร์อันแข็งแกร่งที่กำลังดึงดูดเหลิ่งรั่วปิงทำให้สมองอันชาญฉลาดที่สามารถสงบสติอารมณ์มาโดยตลอด กลับกลายเป็นสมองที่เต็มไปด้วยความว่างเปล่า และทำให้เธอค่อยๆ สาวเท้าช้าลง
ภายในรถ มีดวงตาเลือดเย็นดุจดั่งน้ำแข็งที่กึ่งแข็งกึ่งเหลวในช่วงฤดูที่ใกล้เข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิ เขากำลังมองทะลุผ่านกระจกแล้วมองเธออยู่
ดวงตาคู่นั้นดูเย็นชาเป็นพิเศษ เหมือนสามารถทำให้กระจกรถก่อเป็นน้ำแข็งขึ้นมาอีกหนึ่งชั้น
เหลิ่งหรัวปิงที่เป็นคนไวต่อความรู้สึก เธอสามารถสัมผัสได้ถึงความเย็นชาที่เหมือนดั่งน้ำแข็ง ทันใดนั้นจึงรู้สึกได้ถึงความเย็นวาบนั้นกำลังแผ่ออกมา ความเย็นชาที่หนาวเย็นกว่าลมในต้นฤดูหนาว ทว่าตอนนี้เธอกลับรู้สึกหนาวสะท้านในกระเพาะ ต่อให้มีกระจกกั้นอยู่ เธอก็รู้สึกถึงคนที่อยู่ในรถกำลังแผ่รังสีความเป็นศัตรูออกมา ทันใดนั้น เธอจึงดึงสายตากลับมาอย่างกระวนกระวาย และได้โทษตัวเองในใจว่าทำไมตัวเองถึงได้สติหลุดไปวอนหาเรื่องกับคนที่ไม่ควรมีเรื่องด้วย
ตอนนี้เธอแค่อยากจะแก้แค้น ไม่ได้อยากจะสร้างเรื่องสร้างปัญหาและหาศัตรูเพิ่ม
และตอนที่เธอกำลังสาวเท้าเดินออกมา จู่ๆ รถหรูคันนั้นก็เปิดประตู จากนั้นก็มีชายหนุ่มที่สวมใส่ชุดสูทลงมาจากเบาะที่นั่งคนขับ และเดินมาทางเธอ
ผู้ชายคนนี้ดูเป็นคนสุภาพเรียบร้อย ท่าทางสง่าผ่าเผย ทว่าขณะที่เขากำลังก้าวเดิน เหลิ่งรั่วปิงสังเกตมองอย่างละเอียด จึงเพิ่งสังเกตเห็นว่าชายหนุ่มคนนี้ต้องเคยฝึกศิลปะการต่อสู้มาก่อน ถ้าหากจะลงไม้ลงมือทำร้ายใครก็คงจะทำร้ายได้ไม่เว้นแม้แต่ผู้หญิง
เหลิ่งรั่วปิงจึงแอบกำมือแน่น เพราะถ้าหากเมื่อกี้ที่เธอสติหลุดไป แล้วไปทำความผิดบางอย่างต่อบุคคลลึกลับที่อยู่ในรถคันนี้ เธอก็ไม่กลัวที่จะสู้กับเขา
คนที่ไม่ควรวอนหาเรื่องด้วยเธอกลับไปมีเรื่องด้วย แต่ถ้าถึงเวลาที่วอนหาเรื่องกับเขาไปแล้ว เธอก็ไม่ได้รู้สึกหวาดกลัวเลยสักนิด เธอก็คือคนแบบนี้
“เลขาก่วน!” เสียงของผู้หญิงที่มีเสน่ห์คนหนึ่งดังขึ้นจากข้างหลังเหลิ่งรั่วปิง ชายหนุ่มที่เดินมาจึงได้คลี่ยิ้มที่เหมือนดอกไม้แล้วรีบสาวเท้าไปต้อนรับ จากนั้นก็ช่วยผู้หญิงคนนั้นถือกระเป๋าเดินทางที่อยู่ในมือ “คุณอวี้ครับ เดินทางกลับมาแบบนี้คงจะลำบากน่าดู”
เหลิ่งรั่วปิงจึงถอนหายใจ จากนั้นก็ค่อยๆ คลายหมัด
ผู้หญิงที่ถูกเรียกว่าคุณอวี้ ดูๆ แล้วอายุน่าจะมากกว่าเหลิ่งรั่วปิงแต่หน้าตากลับดูอ่อนหวาน เธอตัวผอมบาง รูปลักษณ์ภายนอกดูสวยมากๆ ชุดเดรสตัวหรูนั้นทำให้เธอดูเป็นผู้ดีและสง่าผ่าเผย ดูๆ แล้วเธอเหมือนคุณหนูลูกผู้ลากมากดี ทำให้คนเห็นว่าเธอเหมาะสมกับการเป็นศรีภรรยาและแม่ที่ดีได้
“คุณอวี้ครับ รีบขึ้นรถเถอะครับ คุณผู้ชายกำลังรอคุณในรถครับ” เลขาก่วนจึงได้พาคุณอวี้เดินไปตรงรถหรูคันนั้น
หลังจากที่เดินไปถึงประตูท้ายรถ เลขาก่วนจึงรีบเปิดประตู แล้วเชิญคุณอวี้ขึ้นรถไป
จังหวะที่เปิดประตูรถ เซ้นท์ของเหลิ่งรั่วปิงสัมผัสได้ว่าความเย็นชาเมื่อกี้ค่อยๆ แผ่ออกมาอีกครั้ง จากนั้นเธอจึงเงยหน้ามอง ก็เห็นชายหนุ่มคนหนึ่งที่สวมใส่ชุดสูทสีดำกำลังนั่งอยู่ในรถ ดวงตาที่เหมือนเหยี่ยวคล้ายว่าสามารถมองทะลุทะลวงผ่านตัวเธอไปได้
ถึงแม้จะอยู่ห่างไกลกัน และมีเพียงช่องว่างแคบๆ ที่ประตูเปิดออก ทำให้เหลิ่งรั่วปิงสามารถมองเห็นได้ว่า ผู้ชายที่อยู่ในรถมีหน้าตาที่หล่อเหลามากๆ ลักษณะของใบหน้าดูคมและได้ทรง รูปร่างสูงยาว ราวกับมนุษย์ที่เป็นผลงานชิ้นเอกจากพระเจ้า
โดยเฉพาะบุคลิกที่ดูดี ความเย็นชา ความสูงศักดิ์ และความสง่าผ่าเผย อีกทั้งยังให้ความรู้สึกที่น่ายำเกรงในตอนที่เขายังไม่ทันได้แสดงท่าทีที่เกรี้ยวโกรธออกมา ดวงตาเปล่งประกายเหมือนดวงดาว ทุกมุมของเขา ทำให้คนอื่นไม่กล้าเล่นไม่ซื่อต่อหน้าเขา
เขาแค่กวาดสายตามองเธออย่างผิวเผิน ก็ทำให้เธอรู้สึกหนาวสะท้านขึ้นมาทันที
จนกว่าคุณอวี้จะเข้าไปในรถ ชายหล่อเหลาจึงกระตุกริมฝีปากขึ้นแล้วเผยยิ้มอันอ่อนโยนออกมา ทันใดนั้นจึงทำให้บรรยากาศในรถอบอุ่นเหมือนดั่งดอกไม้ที่ผลิบานในฤดูใบไม้ผลิ ผู้ชายคนนี้มีรอยยิ้มที่มีเสน่ห์จริงๆ
นึกไม่ถึงว่าผู้ชายที่เย็นชาแบบนี้ จะมีรอยยิ้มที่มีเสน่ห์จนทำให้ทุกคนลุ่มหลงได้ คิดว่าคุณอวี้ต้องเป็นคนสำคัญมากๆ ของเขาแน่นอน
จากนั้นประตูรถจึงปิดลง ร่างของชายคนนั้นจึงถูกขังอยู่ภายในรถ
เหลิ่งรั่วปิงไม่กล้ามองไปอีก เธอจึงก้มหน้าลงต่ำ
ถึงแม้เรื่องจะเกิดขึ้นในชั่วพริบตา แต่เธอก็สามารถมองเขาออก เขาคือคุณชายคนที่สามารถกำหนดทุกอย่างได้ และเป็นคนที่ทรงอำนาจและร่ำรวยที่สุดในเมืองหลง เขาคนนั้นก็คือ หนานกงเยี่ย
ตัวจริงเขาดูหล่อและเย็นชากว่าในจอสักอีก
เพราะว่าเธอมองออกว่าเป็นเขา ดังนั้นเหลิ่งรั่วปิงจึงกล้าเสี่ยงที่จะหมุนแหวนที่สวมอยู่ตรงนิ้วกลางของเธอ แล้วแอบถ่ายรูปไปไม่กี่รูป
แหวนวงนั้นของเธอคือกล้องถ่ายรูปขนาดเล็ก