ตอนที่ 3 หาเรื่องเขาเอง

เดิมพันเสน่หา

ตามข่าวที่ลือกัน ตระกูลหนานกงเป็นตระกูลที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจทั่วโลก เป็นตระกูลที่สืบทอดมายาวนานถึงสี่ร้อยปี ความมั่นมีจึงไร้ขอบเขต อำนาจและอิทธิพลนั้นลึกลับและยิ่งใหญ่ ไม่มีใครกล้ามีปัญหาหรือหาเรื่องพวกเขา แม้กระทั่งนักการเมืองในแต่ละประเทศยังต้องยอมอยู่ภายใต้อำนาจของตระกูลนี้ ตอนนี้ผู้ที่สืบทอดตำแหน่งและผู้ที่ถืออำนาจสูงสุดของตระกูลคือหนานกงเยี่ย ห้าปีก่อนเขาได้สืบทอดตำแหน่งของนายท่านหนานกงจวิ้น จึงได้เป็นผู้ดูแลกิจการทั้งหมดของตระกูลหนานกง ตอนนี้หนานกงจวิ้นก็ได้เกษียรณอายุแล้ว และเขาได้ไปพักอยู่ที่ไหนก็เป็นความลับที่ไม่มีใครรู้ 

 

 

ตามข่าวที่ลือกัน หนานกงเยี่ยมีอายุยี่สิบหก แต่เป็นชายหนุ่มที่บ้าเลือดมากๆ วิธีการจัดการปัญหาต่างๆ ของเขานั้นเหี้ยมโหดมาก ถ้าหากมีคนทำผิดต่อเขา ก็จะมีจุดจบเพียงสองกรณี นั่นก็คือตายหรือไม่ก็อยู่อย่างปางตาย การมีตัวตนดั่งมารร้ายของเขา ทำผู้คนบนโลกใบนี้มีทางเลือกได้เพียงสองทาง หนึ่งคือยอมก้มกราบแทบเท้าของเขา และสองก็คือเคารพรักอยู่ห่างๆ 

 

 

แต่เหลิ่งรั่วปิงเป็นคนเดียวที่สร้างทางเลือกแบบที่สามออกมาเอง เธอต้องการหลอกใช้เขา 

 

 

ถ้าการมาครั้งนี้ของเธอ ก็แค่ต้องการมาท่องเที่ยวเท่านั้น งั้นเธอคงจะอ้อมและเดินไปไกลๆ และไม่มีทางไปวอนหาเรื่องผู้ชายที่น่ากลัวแบบนี้แน่นอน ทว่าเธอไม่ใช่ ถ้าเธออยากจะแก้แค้นด้วยความราบรื่น ก็ต้องยืนอยู่บนไหล่ของหนานกงเยี่ย มีสุภาษิตหนึ่งได้กล่าวไว้ว่า หากคนเราสามารถปีนไต่ขึ้นไปยืนอยู่บนไหล่ของคนใหญ่คนโต นั่นก็แสดงว่าความสำเร็จใกล้เข้ามาทุกที คำๆ นี้ช่างมีเหตุผลจริงๆ 

 

 

นี่ก็คือเหตุผลที่เธอยอมเสี่ยงตายเพื่อที่จะถ่ายรูปพวกนั้น 

 

 

ไหนๆ คนที่อยู่ในรถคือหนานกงเยี่ย และผู้หญิงที่เรียกว่าคุณอวี้ก็คงจะเป็นอวี้หลานซี ถ้าไม่ใช่อวี้หลานซี ผู้หญิงหน้าไหนจะได้รอยยิ้มอันอ่อนโยนของผู้ชายที่สูงสง่าที่สุดของเมืองหลงไปได้ล่ะ 

 

 

อย่างที่ข่าวลือได้ลือกัน อวี้หลานซีเป็นผู้หญิงที่เก่งกาจที่สุดที่อยู่ภายใต้การดูแลของผู้เฒ่าหนานกง เมื่อยี่สิบสามปีก่อน เขาถูกศัตรูไล่ฆ่า พ่อแม่ของอวี้หลานซีได้เสียชีวิตไปทั้งคู่ เพราะว่าได้ยื่นมือไปช่วยชีวิตหนานกงจวิ้นและลูกชายของเขาเอาไว้ ตอนนั้นอวี้หลานซีมีอายุแค่สองขวบเท่านั้น หนานกงจวิ้นรู้สึกซาบซึ้งในบุญคุณครั้งนี้ จึงได้รับอวี้หลานซีเป็นลูกบุญธรรม และเลี้ยงดูเธออยู่ข้างกาย 

 

 

หนานกงเยี่ยและอวี้หลันซีจึงเป็นคู่รักตั้งแต่วัยเด็ก และเขาก็ได้ปฏิบัติตัวกับเธอไม่เหมือนผู้หญิงคนอื่นๆ ต่อให้ผู้หญิงคนอื่นจะแสดงมารยาทั้งหมดที่มีออกมา ก็ไม่สามารถทำให้เขาเหลียวมองได้ แต่เขากลับสามารถเป็นฝ่ายยิ้มอย่างอ่อนโยนให้อวี้หลานซีก่อน 

 

 

หลังจากถึงโรงแรมที่ได้จองไว้ เธอก็ได้เข้าไปในห้อง เหลิ่งรั่วปิงถอดเสื้อโค้ทตัวยาวออก จากนั้นเปิดคอมพิวเตอร์ แล้วส่งรูปจากกล้องถ่ายรูปขนาดเล็กออกมา เธอนั่งมองทีละใบ แล้วกระตุกมุมปากขึ้นเล็กน้อย เผยรอยยิ้มอันร้ายกาจออกมา 

 

 

เธอก็ยังถือว่าโชคดีมากๆ การมาเยือนเมืองหลงเป็นวันแรก ก็สามารถได้ความลับขนาดนี้มาได้ 

 

 

หลังจากที่จัดการกับรูปพวกนั้นเสร็จ เธอก็ล้มตัวลงนอนบนเตียงกว้างและสบาย วันนี้เธอต้องการทำให้ตัวเองหลับให้เต็มอิ่ม ตัวเองจะได้มีชีวิตชีวา เพราะว่าพรุ่งนี้เธอยังต้องออกรบอันดุเดือด 

 

 

ลมหนาวยังคงพัดตลอด หิมะก็ยังคงประปรายลงมาทั้งคืน 

 

 

ในวันที่สองนั้นเป็นวันที่ท้องฟ้าโปร่งใส แสงอาทิตย์ส่องผ่านช่องว่างของม่านหนา ส่งความอบอุ่นในฤดูหนาวเข้ามา 

 

 

เหลิ่งรั่วปิงตื่นแต่เช้าตรู่ จากนั้นเธอก็ล้างหน้าแปรงฟันให้สะอาดพลางแต่งหน้าให้พอเป็นพิธี แล้วนั่งอยู่บนโซฟาเพื่อรอบุคคลสำคัญมาเยือนที่นี่ 

 

 

วันนี้ เธอสวมใส่เสื้อไหมพรมสีเขียวเข้ม และกางเกงลำลองสีดำ ทำให้เธอดูผอมเพรียวและสง่างาม ผมนุ่มยาวสลวยดุจดั่งสาหร่ายใต้ท้องทะเลลึก คอปกที่ประดับด้วยผ้าลูกไม้สีขาว รูปลักษณ์หน้าตาที่สวยงาม รวมไปถึงผิวพรรณที่ขาวผุดผ่องดั่งไข่มุขชั้นดี ทำให้เธอดูมีเสน่ห์มากกว่าเดิม 

 

 

เธอที่สามารถนำเอาความบริสุทธิ์ผุดผ่องและความมีเสน่ห์มาผสมผสานกันในตัว ต่อให้เดินหาผู้หญิงแบบนี้นับหมื่นกิโลก็ไม่สามารถตามหาจนเจอ เธอเป็นผู้หญิงที่สามารถทำให้ผู้ชายทั้งหมดบนโลกนี้ตกหลุมรักตั้งแต่แรกพบได้ 

 

 

เมื่อกี้เธอได้ส่งรูปที่ถ่ายเมื่อวานไปยังกล่องจดหมายของตระกูลหนานกง และยังเขียนตัวหนังสือที่สำคัญลงไป เธอเชื่อว่าตามความสามารถของหนานกงเยี่ยแล้ว ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็จะสามารถสืบหาที่มาของรูปถ่ายได้ 

 

 

เธอแค่นั่งรอการมาเยือนของเขาอย่างเงียบๆ ก็พอ