ในชั้นสูงสุดตรงตึกของบริษัทหนานกง ณ ออฟฟิศของท่านประธาน
“สืบเจอหรือยัง” บนเก้าอี้ออฟฟิศสุดหรู มีผู้ชายเย็นชา บ้าอำนาจแต่สง่าผ่าเผยนั่งอยู่ ทุกคำพูดที่ออกจากปากของเขา เหมือนน้ำแข็งที่กึ่งแข็งกึ่งเหลวของต้นฤดูใบหน้าผลิ เขากำลังกระแทกวัตถุในห้องจนทำให้เกิดเสียงดังลั่นขึ้น
“สืบเจอแล้วครับ คุณชายเยี่ย” เลขาของท่านประธานก่วนอวี้ กำลังเอาเอกสารในมือยื่นให้กับหนานกงเยี่ยด้วยความเคารพนับถือ
หนานกงก่วนไม่แสดงสีหน้าใดๆ ออกมา นิ้วมืออันเรียวยาวเผยให้เห็นข้อต่อกระดูกได้อย่างชัดเจน เขากำลังพลิกดูเอกสารตั้งแต่หน้าแรกจนถึงหน้าสุดท้ายด้วยความสง่าผ่าเผ่ย
เหลิ่งรั่วปิงเป็นคนประเทศซีหลิง อายุยี่สิบสามปี จบสถาปนิกจากมหาวิทยาลัยอิมพีเรียลซีหลิง พ่อแม่ตายไปนานแล้ว ตอนนี้เธอได้ใช้ชีวิตอยู่ตัวคนเดียว
พอนึกถึงเมื่อวานที่เห็นหญิงสาวคนนั้นที่มีรูปร่างเพรียวสูง มีรูปลักษณ์ภายนอกที่สะสวยจนน่าตกตลึง และยังดูบริสุทธ์ผุดผ่อง หนานกงเยี่ยหรี่ตาลงเล็กน้อย “เหอะ ถือว่าเธอกล้าหาญจริงๆ! ”
“คุณชายเยี่ยครับ จะให้ส่งคนไปจับเธอมาไหมครับ” ก่วนอวี้ถามด้วยความระมัดระวังตัว เวลานี้ เขารู้สึกว่าดวงตาทั้งสองข้างของหนานก่วนเยี่ยเหมือนคมดาบสองด้ามที่ดูเลือดเย็น และอาจจะปาดคอเขาได้ตลอดเวลา
เมื่อวานเขาติดตามอยู่ข้างกายนายของตนตลอดเวลา แต่กลับไม่ได้สังเกตเห็นว่าจะมีผู้หญิงคนไหนแอบถ่ายรูป เขาบกพร่องต่อหน้าที่แบบนี้ ถ้าหากว่าคุณชายเยี่ยต้องการจัดการเขา เขาก็คงไม่มีอะไรจะพูด
เขาคือเด็กกำพร้า และถูกตระกูลหนานกงรับมาเลี้ยงตั้งแต่เด็ก จึงได้เติบโตมากับหนานกงเยี่ย จากนั้นก็ถูกฝึกฝนให้เป็นเลขาของหนานกงเยี่ยโดยเฉพาะ เขาเกิดเป็นคนของตระกูลหนานกง ตายไปเขาก็จะเป็นผีที่เฝ้าตระกูลหนานกง
ทว่าสิ่งที่เหนือความคาดหมายของเขาคือหนานกงเยี่ยกลับไม่ได้โมโหใดๆ แต่กลับเอ่ยพูดโดยมีความหมายโดยนัยแอบแฝง “ไม่ ฉันจะไปหาเธอด้วยตัวเอง”
อ๋า? ก่วนอวี้ตกใจกับการตัดสินใจของหนานกงเยี่ย คุณชายเยี่ยของเขาที่สูงศักดิ์ขนาดนี้ ใครหน้าไหนก็สามารถเจอเขาได้หรอ ยิ่งไปกว่านั้นคือคนๆ นั้นเป็นผู้หญิง หลายปีมานี้ ไม่รู้ว่ามีผู้หญิงมากมายขนาดไหนที่พยายามทำทุกวิถีทางเพื่อที่จะเข้าใกล้หนานกงเยี่ย และอยากจะขึ้นไปบนอนบนเตียงของเขา แต่จะมีใครบ้างที่ไม่ถูกเขาถีบตกเตียงอย่างไร้เยื่อใย
และวันนี้ผู้หญิงที่ชื่อว่าเหลิ่งรั่วปิงที่เป็นคนต่างประเทศ กลับใช้วิธีที่รนหาที่ตายแบบนี้มาเข้าใกล้คุณชายเยี่ย แต่เขากลับไม่โมโห แล้วยังจะไปเจอคนๆ นั้นด้วยตัวเอง นี่ไม่ใช่ว่าเป็นปรากฎการณ์ที่พระอาทิตย์ออกทางทิศตะวันตกหรอ ต้องรู้ว่าอวี้หลานซีเป็นคนที่คุณชายเยี่ยให้ความสำคัญที่สุด ถ้าเกิดไปแตะต้องเธอก็เท่ากับว่าไปแตะต้องเกล็ดมังกรของคุณชายเยี่ย
และตัวเขาที่เป็นลูกน้องที่ดีเด่นคนหนึ่ง หากว่านายของเขาออกคำสั่งอะไรมา ก็จะดำเนินการโดยไม่มีเงื่อนไขใดๆ ดังนั้น ต่อให้ในใจมีข้อสงสัยมากแค่ไหน ก่วนอวี้ก็ยังคงไปดำเนินการทุกอย่างด้วยความรวดเร็ว
ในโรงแรมสุดหรูแห่งหนึ่ง ณ ห้อง 1308
เหลิ่งรั่วปิงยกข้อมือของตนขึ้นมาดูนาฬิกา และรู้สึกว่าใกล้ถึงเวลาอันสมควร บุคคลสำคัญผู้นั้นน่าจะใกล้จะมาถึงแล้ว ทันใดนั้นเธอจึงสูดลมหายใจลึกๆ ไปหลายครั้ง แล้วพยายามปรับบุคลิกของตัวเอง เพื่อที่จะกลบความรู้สึกหวาดกลัวในใจ จากนั้นก็ลุกขึ้นพลางเดินไปเปิดประตู แล้วไปยืนอยู่ตรงข้างประตูด้วยความถ่อมตน
จริงๆ แล้วเธอกำลังพนัน พนันว่าเขาให้ความสำคัญกับอวี้หลานซีมากๆ คิดว่ารูปพวกนั้นก็คงจะแฉฐานะที่แท้จริงของอวี้หลานซี แต่เขาก็คงไม่โมโหถึงขั้นเอาปืนมายิงเธอให้ตาย
เธอกล้าพนันแบบนี้ เพราะว่ารอยยิ้มอันอ่อนโยนของเขาเมื่อวาน รอยยิ้มนั้นไม่ได้มีความเสแสร้งแอบแฝง เหมือนเป็นรอยยิ้มที่พ่อของเธอส่งยิ้มให้เธอในตอนนั้น เพียงแค่รอยยิ้มนั้น เธอก็สามารถตัดสินว่าเขาต้องให้ความสำคัญกับอวี้หลานซีมากๆ
ทันใดนั้น ก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น ฟังดูแล้วไม่ได้เป็นเสียงที่เป็นมิตรเลยและฟังจากเสียงฝีเท้า ก็ไม่เหมือนว่าเขาจะมาคนเดียว
เหลิ่งรั่วปิงสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ไปหนึ่งที จากนั้นก็เปิดประตูอย่างถ่อมตน แล้วกำลังจะคลายยิ้มอันสง่างามออกมา เพื่อที่จะต้อนรับบุคคลสำคัญคนนี้
ทว่าทุกการกระทำของเธอนั้นไม่มีค่าอะไรเลย พอประตูพึ่งจะเปิดออกก็ถูกชายร่างกำยำที่สวมใส่ชุดดำสองคนดันประตูไว้ หนึ่งในผู้ชายคนนั้นได้จับหัวไหล่ของเธอ พร้อมกับกดเธอไปแนบชิดกับพื้นด้วยความรวดเร็ว ไม่มีแม้แต่ความสงสาร และในขณะเดียวกัน ก็มีคนสวมชุดดำราวๆ ห้าหกคนถือปืนแล้ววิ่งเข้ามาในห้อง จากนั้นก็เข้ามาค้นห้องจนครบทุกที่ ไม่เว้นแม้แต่ใต้เตียง ทุกการกระทำ เหมือนกำลังต่อสู้กับผู้ก่อการร้าย
ความเป็นจริงนั้น เมื่อกี้เหลิ่งรั่วปิงกำลังคิดจะขัดขืน แต่ทันใดนั้นเธอก็สงบสติลงก่อน ตอนนี้เธอต้องแสร้งทำเป็นว่าตัวเองเป็นผู้หญิงเปราะบางไร้ทางสู้คนหนึ่ง เธอห้ามเปิดเผยทักษะการต่อสู้ของตัวเองออกมาโดยเด็ดขาด ไม่อย่างงั้น ภารกิจทุกอย่างที่ทำมาก็คงจะเปล่าประโยชน์ และอาจจะถูกฆ่าได้