“คุณชายเยี่ยครับ ในห้องไม่มีอะไรผิดปกติครับ เชิญครับ” ผู้ชายชุดดำพูดรายงานด้วยความเคารพ
พอเสียงของผู้ชายชุดดำพูดจบ ตรงหน้าประตูก็มีชายหนุ่มร่างสูงปรากฏตัว การปรากฏตัวของเขา ทำให้ผู้ชายทุกคนที่อยู่ในห้องดูหม่นหมองขึ้นมาในทันที เขายังคงสวมใส่ชุดสูทสีดำสุดเรียบหรู รังสีแห่งความเลือดเย็นก็ได้เผยออกมาเรือนร่างของเขา เขายังคงดูมีอำนาจและน่าเกรงขามเหมือนเดิม
ถ้าหากว่าเหลิ่งรั่วปิงเป็นคนที่ไม่เคยเจอบุคคลที่มีอำนาจมาก่อน และไม่เคยผ่านสถานการณ์อันตรายมาเยอะ เวลานี้ เธอก็คงจะถูกความแข็งแกร่งและยิ่งใหญ่ของเขาข่มจนจมดิน ลำตัวของเธอคงจะสั่นไม่หยุด
หนานกงเยี่ยค่อยๆ ก้าวเข้ามาในห้อง จากนั้นก็นั่งลงบนโซฟาด้วยความสง่าผ่าเผย หางตาเหลือบมองเหลิ่งรั่วปิง หางตาของเขาได้เผยความชื่นชมออกมาเพียงในพริบตาเดียวโดยที่บางคนอาจไม่ทันสังเกตเห็น ผู้หญิงคนนี้ดูเป็นคนเปราะบาง ทว่าในสถานการณ์แบบนี้ สีหน้าของเธอกลับไม่แปรเปลี่ยนใดๆ เธอดูนิ่งเฉยเหมือนทุกอย่างดูปกติ แลดูทระนงตนด้วยซ้ำไป
แน่นอนว่าเธอยังสวยบาดใจจริงๆ เขาเห็นผู้หญิงสวยมามากมาย แต่กลับไม่เคยเห็นผู้หญิงแบบนี้มาก่อน เธอดูบริสุทธิ์ผุดผ่องทว่ากลับเต็มไปด้วยเสน่ห์และความน่าดึงดูด โดยเฉพาะนัยน์ตาแววใสคู่นั้นดูใสเหมือนดั่งทะเลสาบใส และดูเหมือนดวงตาของเธอจะสามารถดึงดูดผู้ชายทุกคนให้เข้าไปได้
หนานกงเยี่ยเองก็ยังไม่ทันได้สังเกตเห็นว่ามุมปากของตนเองกระตุกขึ้นเป็นทรงโค้ง เหมือนนักล่าที่ไม่ได้ออกล่าสัตว์ป่ามานานแสนนาน จู่ๆ ก็รู้สึกว่าเหยื่อตัวนี้มีความหมาย
หนานกงเยี่ยจึงผายมือขึ้นเล็กน้อย เพื่อสื่อให้ชายชุดดำพวกนั้นออกไปให้หมด แม้กระทั่งชายชุดดำทั้งสองคนที่จับตัวเหลิ่งรั่วปิงไว้ยังต้องออกไป
“นายก็ออกไปเถอะ” สุดท้าย หนานกงเยี่ยก็ได้หันไปไล่ก่วนอวี้ที่อยู่ข้างหลังของเขาออกไป
ก่วนอวี้ลังเลไปชั่วครู่ สุดท้ายก็ปรายตามองเหลิ่งรั่วปิงเพียงแวบเดียว จากนั้นก็ออกจากที่นั่น เขากลัวว่าหนานกงเยี่ยจะเป็นอันตราย แต่มาครุ่นคิดดูแล้ว ฝีมือการต่อสู้ของหนานกงเยี่ยนั้นเหนือกว่าเขาเป็นอย่างมาก จริงๆ ไม่มีเขาก็เหมือนจะไม่แตกต่างอะไรไปมาก
เหลิ่งรั่วปิงค่อยๆ ยืนขึ้นจากพื้น จากนั้นก็นวดไหล่ที่ปวดเมื่อยเพราะถูกคนชุดดำจับ จากนั้นก็ส่งยิ้มให้หนานกงเยี่ยอย่างสง่างาม พร้อมกับคายคำพูดหวานเหมือนดอกกล้วยไม้ออกมา “คุณหนานกง ยินดีที่ได้เจอกันค่ะ”
หนานกงเยี่ยไม่เอ่ยคำพูดใดๆ ทว่ากลับกำลังกวาดสายตามองเหลิ่งรั่วปิงอย่างพิจารณาอีกครั้ง สุดท้ายสายตาของเขาก็หยุดนิ่งอยู่ที่ใบหน้าของเธอ ดวงตาที่คมเฉียดเหมือนกำลังจ้องมองเธอจนทะลุเป็นรูสองรู
ถึงยังไงเหลิ่งรั่วปิงก็เคยเจอบุคคลที่น่าหวาดผวามาหลายแบบ แต่ทว่านัยน์ตาที่ทำให้คนรู้สึกหนาวสั่นแบบนี้ เธอพึ่งเคยเจอครั้งแรกอยู่เหมือนกัน ในใจก็แอบให้กำลังใจตัวเองไม่หยุด กว่าจะสามารถทำให้ความคิดที่อยากจะถอยหลังถูกกดทับลงไป
“คุณช่างใจกล้าจริงๆ!” ผ่านไปสักพัก หนานกงเยี่ยจึงเอ่ยพูดด้วยเสียงเย็นชา
ตอนที่หนานกงเยี่ยเอ่ยพูด เหลิ่งรั่วปิงกลับรู้สึกมั่นใจมากขึ้น เขาเอ่ยพูดขึ้นแบบนี้แสดงว่าเธอมีโอกาสได้เจรจากับเขา ถ้าคนๆ หนึ่งสามารถเอ่ยพูดอะไรออกมา ต่อให้เขาจะโมโหแค่ไหน ก็ยังดีกว่านิ่งเงียบไม่พูดไม่จา
“ฉันยอมรับว่าฉันเก่งและใจกล้าไปหน่อย แต่ใครสั่งให้คุณหนานกงมีเสน่ห์เกินไปล่ะ ต่อให้ฉันต้องเลือกเดินในทางที่เสี่ยงแบบนี้ ก็อยากจะรู้จักคุณ” เหลิ่งรั่วปิงยังคงความสง่างามและอ่อนโยน อีกทั้งเธอยังกล่าวชมเขาด้วยท่าทางที่จริงใจ วิธีนี้ทำให้ผู้ชายที่น่ากลัวคนนี้ละทิ้งเจตนาฆ่าไปได้อย่างสิ้นเชิง
หนานกงเยี่ยกระตุกมุมปากขึ้น แล้วแสยะยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ เขายอมรับว่าเขาถูกประจบประแจงด้วยวิธีมากมาย แต่วิธีที่เธอประจบเขานั้น ถูกจัดอยู่ในหมวดที่เขาไม่ได้รู้สักรังเกียจ ความสง่างาม ความเป็นธรรมชาติ และความไม่มากไม่น้อยจนเกินไป ทำให้เขารู้สึกสนใจ
“บอกมา คุณต้องการอะไร” หนานกงเยี่ยไม่ได้ขึ้นเสียง ทว่าเสียงนั้นกลับสามารถทะลุผ่านแก้วหูได้ “ต้องการเงิน หรือว่า… อยากจะขึ้นมานอนบนเตียงของผม”
ส่วนมากผู้หญิงที่ต้องการมาประจบเขาก็คือผู้หญิงประเภทที่มีไร้ยางอาย คนที่ต้องการเปลือยกายถวายตัวให้กับเขา และก็ยังมีผู้หญิงบางประเภทที่น้ำนิ่งไหลลึก ท่าทางที่แสดงออกมามักจะแสร้งทำเป็นตัวเองสะอาดบริสุทธิ์ แต่ในความจริงแล้ว ผู้หญิงพวกนั้นเพียงแค่ต้องการคงเปลือกนอกให้สวยงามก็เท่านั้น
แต่เหลิ่งรั่วปิงกลับยังคงความสง่างาม และคลายยิ้มไม่เปลี่ยน “ฉันต้องการทำงานอย่างหนึ่ง”