ตอนที่ 6 ทำไมถึงคิดว่าผมจะให้โอกาสคุณ

เดิมพันเสน่หา

หนานกงเยี่ยขมวดคิ้วที่ได้รูปทรงขึ้นพักหนึ่ง ทำให้เห็นอย่างชัดเจนว่าเขาคงคาดคิดไม่ถึงว่าจะได้ยินคำตอบนี้ หลายปีมานี้มีผู้หญิงนับไม่ถ้วน ต้องการทำทุกวิถีทางเพื่อที่จะเกี่ยวข้องและรู้จักเขา อยากจะขึ้นมานอนบนเตียงของเขา ถ้าไม่ใช่เพราะว่าเงิน ก็คงอยากจะเอาตำแหน่งสะใภ้ของตระกูลหนานกงไปครอบครอง ยังไม่เคยมีผู้หญิงหน้าไหนที่อยากจะของานทำจากเขา 

 

 

เซ้นท์ของเขาไม่มีทางผิดแน่นอน ผู้หญิงตรงหน้านี้ต้องเป็นคนพิเศษ 

 

 

ทว่าเขากลับด้วยพูดจาดูถูกและปากร้ายใส่เธออีก “อืม การเป็นเมียน้อยก็ถือเป็นงานอย่างหนึ่งเหมือนกัน” 

 

 

“คุณหนานกงมีฐานะที่สูงส่งเหมือนก้อนเมฆบนท้องฟ้า ส่วนฉันก็แค่ผู้หญิงที่ต่ำต้อยเหมือนขี้โคลนบนพื้นดิน ใครจะกล้าไปทำให้คุณหนานกงแปดเปื้อนสิ่งสกปรกจากฉันล่ะ ความเจียมเนื้อเจียมตัวฉันก็ถือว่ามีอยู่บ้าง” เหลิ่งรั่วปิงยังคงยิ้มอย่างมีเสน่ห์ เหมือนคำพูดดูถูกของเขาจะไม่กระทบให้เธอเปลี่ยนแปลงอะไรเลยสักนิด “ฉันแค่อยากจะของานตำแหน่งสถาปนิกเท่านั้น” 

 

 

หนานกงเยี่ยทำนัยน์ตาที่ดูเลือดเย็นกว่าเดิม และกำลังพยายามระงับอารมณ์ที่อยากจะไปฉีกร่างที่สง่างามของเธอเป็นชิ้นๆ ถึงแม้เขาเกลียดผู้หญิงที่ชอบเป็นฝ่ายมาเข้าใกล้เขาก่อน พอเห็นถึงท่าทางและการแสร้งทำเป็นเลียแข้งเลียขาและเอาใจเขา ทำให้เขาอยากจะอาเจียน แต่พอเห็นผู้หญิงอย่างเหลิ่งรั่วปิงที่ไม่เห็นเขาอยู่ในสายตา กลับทำให้เขารู้สึกโมโหเป็นไฟ 

 

 

ในขณะที่เธอพูดจาถ่อมตนที่สุด แต่กลับมีความรู้สึกที่หยิ่งผยองแผ่ออกมาจากกระดูก ทำให้เขาอยากจะทำลายความหยิ่งผยองของเธอให้สิ้นซาก 

 

 

ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหน ตอนที่ต้องเผชิญหน้ากับเขา แต่ยังสามารถคงความมีเสน่ห์ ความเป็นตัวของตัวเอง ความนิ่งสงบและความเพิกเฉยใส่เขาได้ การที่เธอวางตัวแบบนี้ทำให้รักษาระยะห่างระหว่างพวกเขาไว้ เลยทำให้เขารู้สึกเหมือนกำลังกินแห้ว ไม่มีใครหน้าไหนที่สามารถทำให้เขารู้สึกไม่มั่นใจและจับต้องในสิ่งที่ต้องการไว้ไม่ได้แบบนี้ 

 

 

“เหอะ!” หนานกงเยี่ยพึมพำด้วยเสียงเย็นชา “อยากปีนขึ้นเตียงฉันก็ว่ามาตรงๆ ฉันไม่ชอบอ้อมค้อม” เขายังคงดูหมิ่น และตั้งใจทำให้เธอโมโห แต่ความสง่าของเธอทำให้เขารู้สึกบ้าระห่ำมากๆ 

 

 

“ไม่กล้าหรอกค่ะ ถ้าคุณหนานกงสามารถให้งานนี้กับฉัน ฉันจะรู้สึกพึงพอใจมากกว่าค่ะ” 

 

 

สายตาของหนานกงเยี่ยเหมือนดั่งเหยี่ยวกำลังออกล่าสัตว์ เหมือนแค่เขาขยับก็สามารถทำให้ผู้หญิงตรงหน้าแหลกเป็นชิ้นๆ ได้ “อยากจะได้งานนั้นก็ไปเข้าไปสมัครตรงๆ สิ ทำไมต้องมาเสี่ยงอันตรายแบบนี้ด้วย” 

 

 

เหลิ่งรั่วปิงรู้สึกได้ ผู้ชายคนนี้กำลังโมโห ดีมาก การเล้าอารมณ์ย่อมแกร่งกว่าการที่ไม่มีลมไม่มีฝนอยู่แล้ว 

 

 

“ฉันรักในงานสถาปนิก อยากจะกลายเป็นนักสถาปนิกที่ดีเด่นคนหนึ่ง ฉันต้องการโอกาส การที่เข้าไปสมัครงานโดยตรงในบริษัทมันเติบโตช้าเกินไป ทำมาสิบปีก็คงไม่มีอนาคตอะไร ทว่าหากได้รู้จักคุณหนานกงเป็นการส่วนตัวก็คงจะไม่เหมือนเดิม” 

 

 

“ทำไมถึงคิดว่าผมจะให้โอกาสนี้กับคุณล่ะ” หนานกงเยี่ยรู้สึกโมโหขึ้นมา จากนั้นก็บีบคอเหลิ่งรั่วปิงไว้ ผู้หญิงคนนี้ยังคงความสง่าและนิ่งสงบเหมือนเดิม ก็ยิ่งทำให้เขาทนไม่ไหวอีกต่อไป 

 

 

หนานกงเยี่ยออกแรงมากขึ้น ถ้าไม่ใช่เพราะไอคิวสุดท้ายที่เขายังคงหลงเหลืออยู่ เขาก็คงจะหักคอเธอไปแล้ว 

 

 

เหลิ่งรั่วปิงถูกบีบคอจนหายใจลำบาก และเธอขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย ปากอันน้อยนิดของเธออ้าออกเล็กน้อย มือที่วางอยู่ทั้งสองข้างก็ปล่อยออก เธอก็กำลังควบคุมสติตัวเองว่าห้ามต่อต้านและห้ามเอาคืน ไม่งั้นทุกอย่างที่ทำมาก็คงจะสูญเปล่า ตอนนี้ เธอกับเขาเหมือนกำลังเล่นพนัน ใครที่มีความอดทนมากกว่า ดูจากสถานการณ์ตอนนี้แล้ว คนๆ นั้นก็จะมีโอกาสชนะได้มากกว่า 

 

 

เธอคาดเดาด้วยความมั่นใจว่าผู้ชายคนนี้ต้องไม่ฆ่าเธอ ถ้าอยากจะฆ่าเธอก็คงไม่ต้องรอถึงตอนนี้ เขาโมโห ก็คงจะอธิบายได้ว่า เขารู้สึกสนใจในตัวเธอ 

 

 

พอมองผู้หญิงคนนี้จากระยะใกล้ๆ หัวใจของหนานกงเยี่ยจึงเต้นรัวไปสักพัก 

 

 

ผู้หญิงคนนี้มีหน้าตาที่สวยแบบธรรมชาติ ทั้งคิ้ว ดวงตา จมูก และปาก ก็ถูกจัดวางอยู่บนใบหน้าอันเรียวเล็กที่ใหญ่เท่าฝ่ามือเดียวอย่างสมบูรณ์แบบ ผิวพรรณที่ขาวผ่องและเรียบเนียน ทำให้แทบจะไม่เห็นรูขุนขนใดๆ ผ้าซาตินชั้นดีที่ทั้งลื่นและนุ่ม ทำให้เขาแทบจะจับคอของเธอไว้ไม่อยู่ 

 

 

เรือนร่างของเธอมีกลิ่นหอมอ่อนๆ ที่เผยออกมา ไม่ได้เป็นกลิ่นหอมจากน้ำหอม แต่เป็นกลิ่นกายที่มีความหอมอ่อนๆ ทำให้ชวนคนมาหลงใหล 

 

 

สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือบุคลิกภาพของเธอ ดูจากรูปลักษณ์ภายนอกแล้ว เธอเหมือนนางฟ้าที่บริสุทธิ์ผุดผ่อง ทว่ากระดูกดำ… 

 

 

เหอะๆ เขาไม่เชื่อว่าเธอเป็นนางฟ้า เธอกล้าเป็นฝ่ายวอนหาเรื่องเขา ต้องเป็นคนที่เรื่องมากแล้วเอาความวุ่นวายมาให้เขาอย่างแน่นอน