บทที่ 11 แอบฟัง
จางซานหยากินจนน้ำมันเลอะเต็มหน้า
พอกินทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย ที่ด้านนอกประตูก็มีเสียงฝีเท้าดังใกล้เข้ามา
จางซิ่วเอ๋อสะดุ้งตกใจ และรีบเอากระดาษห่อมาขยำเป็นก้อนและซ่อนในแขนเสื้อตัวเองทันที
ส่วนจางชุนเถาก็ได้เอากลอนประตูออกอย่างเงียบ ๆ
จางต้าหูผลักประตูเข้ามา ที่จริงนอกจากเรื่องกตัญญูจนโง่เขลาแล้ว อย่างอื่นในตัวเขาก็ใช้ได้อยู่
เป็นคนทำงานเก่งอันดับต้น ๆ ของหมู่บ้าน ไม่เคยดุด่าใช้กำลังกับภรรยาและลูก แต่น่าเสียดาย…ที่มีแม่แบบนั้น
จางต้าหูพึมพำ “ทำไมในห้องนี้มีกลิ่นเนื้อนะ?”
จางชุนเถาหัวเราะ “พ่อ พ่อคงหิวเนื้อล่ะสิ”
พอพูดเสร็จ นางก็ลากจางซานหยาที่หน้าเลอะน้ำมันออกไปทันที
ดีที่ที่บ้านไม่จุดไฟเพราะกลัวเปลือง ขณะนี้ในห้องจึงมืดมาก มองอะไรไม่ค่อยชัด
เมื่อสามพี่น้องเดินมาถึงริมลำธารก็จัดการล้างหน้าจนสะอาดแล้วค่อยกลับ
ในตอนนี้คนตระกูลจางกำลังเตรียมตัวนอนในห้องตัวเองอยู่
ตอนที่สามพี่น้องเดินผ่านห้องแม่เฒ่าจาง ก็บังเอิญได้ยินเสียงแม่เฒ่าจางคุยกับจางอวี่หมิน
“อวี่หมิน เจ้าอย่าห่วงไปเลย ข้าไม่ยอมให้ไอ้ตัวขาดทุนนั่นทำเสียเรื่องแต่งงานของเจ้าหรอก” เสียงแม่เฒ่าจางแน่วแน่เหมือนจะให้คำสัญญา
สามพี่น้องได้ยินประโยคนี้ก็อดชะงักฝีเท้าไม่ได้ และหยุดอยู่ตรงนั้น
ขณะนั้นเอง จางอวี่หมินก็พูดขึ้นมาอย่างไม่พอใจ “แต่นางทำให้คุณชายเนี่ยต้องตาย ต้องทำข้าเสียเรื่องแน่….”
“แม่ติดต่อน้าสาวของลูกแล้ว ว่าจะขายจางซิ่วเอ๋อกับจางชุนเถาให้พวกค้ามนุษย์ อย่างน้อย ๆ ก็ได้ 10 ตำลึงเงิน ถึงตอนนั้นข้าจะจัดสินสอดทองหมั้นให้เจ้า เพียงมีสินสอดนี้แล้ว ก็เจ้ารอแต่งงานอย่างสมศักดิ์ศรีเถอะ” แม่เฒ่าจางเอ่ยด้วยน้ำเสียงกลั้นยิ้ม
จางอวี่หมินเอ่ยอย่างตกใจ “แม่จะทำแบบนั้นจริง ๆ เหรอ?”
“แน่นอน”
น้ำเสียงของจางอวี่หมินตื่นเต้นดีใจมาก “แม่ แม่นี่ดีกับข้าจริง ๆ !”
“เจ้าเป็นลูกสาวสุดที่รักของข้า ไม่เหมือนกับพวกตัวขาดทุนพวกนั้น แม่ไม่ดีกับลูกแล้วจะให้ไปดีกับใคร?” น้ำเสียงแม่เฒ่าจางเต็มไปด้วยความรักใคร่เมตตา
สองแม่ลูกในห้องนี้คุยกันอย่างมีความสุข แต่พี่น้องสามคนนอกห้องที่ได้ยินโดยบังเอิญกลับมีสีหน้าซีดเผือด
ในที่สุดจางซิ่วเอ๋อก็รู้แล้วว่าทำไมวันนี้ที่นางบอกจะไปข้างนอกแม่เฒ่าจางถึงให้ไปง่าย ๆ ที่แท้ก็ตั้งใจจะขายนางนี่เอง ถึงไม่ได้หาเรื่องอะไรนางเลย!
ในเวลานี้สามพี่น้องไม่ได้กลับห้องตะวันตกของพวกตน เพราะห้องตะวันตกนั้นไม่ใหญ่ มีที่คั่นอันนึง ซึ่งสามพี่น้องนอนด้านนึง จางต้าหูและแม่โจวนอนอีกด้านนึง
เก็บเสียงไม่ดี ทำให้สามพี่น้องคุยกันไม่ได้
ทั้งสามคนจึงกลับไปที่ลำธารหลังบ้านอีกครั้ง
จางชุนเถาโยนหินลงแม่น้ำ แสดงให้เห็นถึงความว้าวุ่นใจ
ช่วงที่ผลัดจากฤดูใบไม้ผลิเข้าสู่ฤดูร้อน อากาศในตอนกลางคืนนั้นถือว่าหนาวอยู่ จางซิ่วเอ๋อไม่เสียใจเท่าไหร่กับเรื่องที่แม่เฒ่าจางจะจับนางไปขาย เพราะนางไม่ได้มีความรักความผูกพันอะไรต่อแม่เฒ่าจางอยู่แล้วก็ย่อมไม่เสียใจ
แต่มันก็อดโมโหในอกไม่ได้เช่นกัน
ถ้าไม่ได้เห็นกับตาได้ยินกับหูตนเอง นางคงไม่เชื่อว่าบนโลกนี้จะมีย่าที่อำมหิตขนาดนี้อยู่ด้วย!
ต่อให้แม่เฒ่าจางจะไม่ชอบพวกนาง เห็นแค่ว่าพวกนางเป็นผู้หญิง แต่ก็ไม่ควรจะขายพวกนางทิ้งแบบนี้!
จางชุนเถาดวงตาแดงก่ำ “พี่ พี่ว่าทำไมย่าเราถึงใจไม้ไส้ระกำขนาดนี้นะ”
จางซิ่วเอ๋อไม่รู้ว่าจะตอบอะไรจางชุนเถาดี จึงได้แต่เงียบ
“พี่ใหญ่ พี่รอง ถ้าพวกพี่ไปแล้วข้าจะทำอย่างไร?” นาทีนี้จางซานหยาก็ร้องไห้ตาม
จางซิ่วเอ๋อกัดฟันแน่น “พวกเราจะยอมรับชะตากรรมแบบนี้ไม่ได้”
แม่เฒ่าจางจะขายพวกนางเรอะ? อย่าฝันเลย!
“แต่พวกเราทำอะไรไม่ได้หรอก….” น้ำเสียงจางชุนเถาขมขื่น เด็กสาวเก่งกาจผู้นี้ ก็ยังไม่อาจเอาชนะชะตากรรมได้
จางซิ่วเอ๋อคิดไปคิดมาก็เอ่ยขึ้น “ตอนนี้พี่เป็นแม่ม่าย ไม่ใช่ลูกสาวตระกูลจางแล้ว นางไม่มีสิทธิ์ขายข้า พรุ่งนี้ข้าจะไปหาผู้ใหญ่บ้านเพื่อแยกออกมาอยู่ ส่วนชุนเถา…ถ้าเจ้าอยากไปกับพี่ ไม่กลัวว่าจะเสียชื่อเสียงเพราะพี่ ก็ตามพี่มา”
จางซิ่วเอ๋อคิดไว้นานแล้วว่า นางคงอยู่ใช้ชีวิตที่ตระกูลจางตลอดไปไม่ได้
จางชุนเถารีบเอ่ยทันที “พี่ ถ้าไปกับพี่ได้ ข้าไม่อยู่หรอก”
จางซานหยาเอ่ยขึ้นเช่นกัน “พี่ใหญ่ พี่รอง ข้าจะไปกับพวกพี่ด้วย”
ถึงแม้ตอนนี้ท่านย่าจะยังไม่ได้บอกว่าจะขายนาง แต่ถ้าพี่สาวสองคนไม่อยู่บ้านแล้ว ชีวิตของนางจะอยู่ดีหรือ?
ถึงจางซานหยาจะอายุยังน้อย แต่ก็รู้เรื่องนี้ดี
จางซิ่วเอ๋อก็เข้าใจสิ่งที่จางซานหยาคิด จึงเอ่ยขึ้น “พี่อยากพาพวกเจ้าไปให้หมด ถ้ามีวิธี ไม่มีทางทิ้งพวกเจ้าไว้ที่บ้านหรอก”
พี่น้องสามคนเงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นจางชุนเถาก็เอ่ยขึ้น “แต่ย่าไม่ยอมปล่อยไปง่าย ๆ หรอก….”
จางซิ่วเอ๋อกุมขมับ เรื่องมันเป็นแบบนี้จริง ๆ ยัยปีศาจเฒ่านั่นจะยอมปล่อยไปง่าย ๆ ได้อย่างไร?
ตัวนางเองยังไม่เท่าไหร่ ในฐานะแม่ม่าย แม่เฒ่าจางก็ทำอะไรนางมากไม่ได้ แต่น้องสาวทั้งสองจะทำอย่างไรกันดีล่ะ?
หลังจากมาถึงนี่แล้ว ถึงแม้นางจะไม่ใช่จางซิ่วเอ๋อคนเดิม แต่ก็มีสายสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับน้องสาวทั้งสอง โดยเฉพาะจางชุนเถา นางไม่มีวันลืมการดูแลที่จางชุนเถามอบให้แน่…
ไม่ นางจะไม่ยอมเห็นน้องสาวทั้งสองของตัวเองตกอยู่ในกองไฟเด็ดขาด!
ในที่สุดจางซิ่วเอ๋อก็บังเกิดแผนขึ้นมา สามพี่น้องหารือกันอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงพากันไปนอน
ในยามเช้าวันรุ่งขึ้น จางซิ่วเอ๋อไม่ได้ไปตัดหญ้าหารำแต่อย่างใด แต่แอบไปที่ตลาด ซื้อเนื้อหมู 10 ชั่งและตัดแบ่งเป็น 2 ส่วน
ซึ่งส่วนหนึ่งนางได้หิ้วไปที่บ้านผู้ใหญ่บ้าน
ทั้งหมดนี้จางซิ่วเอ๋อแอบทำอย่างระมัดระวัง และด้วยทักษะการหลบหลีกนี้เองจึงทำให้ไม่มีใครเจอนางระหว่างทาง
ผู้ใหญ่บ้านแห่งหมู่บ้านชิงสือนั้นใช้แซ่ซ่ง ตอนนี้อายุอานามเองก็ไม่น้อยแล้ว และมีผมหงอกเต็มศีรษะ
เมื่อจางซิ่วเอ๋อมาถึงบ้านผู้ใหญ่บ้าน ภรรยาของผู้ใหญ่บ้านเองก็อยู่ด้วย เรียกกันว่าแม่เฒ่าซ่ง ซึ่งนางมีรูปร่างผอมแห้ง และหน้าตาดูเป็นคนเคี่ยว
ตอนที่แม่เฒ่าซ่งเห็นจางซิ่วเอ๋อ นางขมวดคิ้วเล็กน้อย เนื่องจากในหมู่บ้านนี้มีใครไม่รู้บ้างว่าจางซิ่วเอ๋อเป็นคนดวงกินผัว อัปมงคล
แต่เมื่อนางเห็นเนื้อในมือจางซิ่วเอ๋อแล้ว จึงก็ไม่ได้ไล่นางไป
จางซิ่วเอ๋อยื่นเนื้อให้แม่เฒ่าซ่ง
แม่เฒ่าซ่งรู้สึกดีอกดีใจ แต่ก็ไม่ได้รับเนื้อไว้ กลับเอ่ยขึ้นว่า “เจ้ามาหาลุงสองเพราะมีธุระน่ะสิ เจ้ารอข้าสักครู่นะ ข้าจะไปตามเขากลับมาให้”
คนในหมู่บ้านมีความเกี่ยวข้องกันซะส่วนใหญ่ ซึ่งจริง ๆ แล้วจางซิ่วเอ๋อต้องเรียกผู้ใหญ่บ้านซ่งว่าลุงสอง
แม่เฒ่าซ่งไม่ไว้ใจให้จางซิ่วเอ๋ออยู่ที่บ้านของนางคนเดียว จึงสั่งให้ลูกสะใภ้ตัวเองอยู่เป็นเพื่อนจางซิ่วเอ๋อ
หล่อนเป็นลูกสะใภ้คนเล็กของแม่เฒ่าซ่ง อายุราว ๆ 20 กว่าปี หน้าตาเรียบร้อยดูผู้ดี และได้ข่าวว่าเป็นลูกบัณฑิต
ตัวนางเองก็ไม่พูดอะไรกับจางซิ่วเอ๋อ เอาแต่เย็บอะไรอยู่เงียบ ๆ คนเดียวเท่านั้น
ในเวลาไม่นานนัก ผู้ใหญ่บ้านซ่งก็กลับมา
ปากผู้ใหญ่บ้านซ่งคาบกล้องยาสูบ เขามองจางซิ่วเอ๋อและสายตาก็วนเวียนอยู่ที่เนื้อหมูในตะกร้าครู่หนึ่ง…ชิ้นใหญ่ขนาดนี้ ไม่ราคา 60 เหรียญเลยเหรอ?
“ลุงสอง” จางซิ่วเอ๋อลุกขึ้น ทำความเคารพผู้ใหญ่บ้านซ่งอย่างนอบน้อม