ตอนที่ 11 ซื้อยา

“แม่ลุกขึ้นมาก่อนค่ะ ถ้าหล่อนกล้ามีผู้ชายคนอื่นจริงหล่อนก็ต้องถูกลงโทษ แต่แม่ก็ต้องสืบความให้เรื่องมันกระจ่างก่อน” ซูตานหงรีบบอก

คุณแม่ซูหยิกสะใภ้รองซูอย่างแรงอีกครั้งทำให้หล่อนมีสีหน้าซีดเผือดขึ้นด้วยความเจ็บปวด แต่หล่อนกัดฟันแน่นไม่กล้าส่งเสียงร้องออกมา

“แม่ดูสิคะว่าหนูเอาของอะไรดี ๆ มาให้แม่บ้าง?” ซูตานหงรีบพูด

คุณแม่ซูสังเกตเห็นเนื้อหมูกับซี่โครงที่เธอถืออยู่ในมือเลยพูดขึ้น “นับว่าแกมีใจกตัญญูอยู่!”

ซูตานหงยัดของใส่มือของนางพร้อมกับช่วยพยุงพี่สะใภ้ของตนให้นั่งลงและเอ่ยปากถามมารดา “เกิดอะไรขึ้นเหรอคะ หนูได้ยินเสียงแม่เอะอะมะเทิ่งออกไปถึงข้างนอก แม่ไม่กลัวคนอื่นผ่านมาได้ยินแล้วจะคิดว่าเป็นเรื่องตลกเหรอคะ?”

“น้องสามี เธอต้องเชื่อพี่สะใภ้รองนะ พี่ไม่ได้ทำเรื่องอย่างนั้น ฟ้าดินเป็นพยานได้!” สะใภ้รองบ้านซูกล่าวด้วยท่าทางร้อนรน

“ทำไมแกไม่ออกไปซักผ้าซักที?” คุณแม่ซูจ้องหน้าและส่งเสียงตวาด

สะใภ้รองซูอยากจะพูดอะไรบางอย่างออกมา แต่เมื่อเห็นสายตาของคุณแม่ซูที่อยากจะฉีกหล่อนเป็นชิ้น ๆ แล้ว หล่อนจึงหยิบผ้าที่ตกอยู่ขึ้นและนำออกไปซักในสวนด้วยท่าทางสิ้นหวัง

“แม่เป็นอะไรไป ทำดีกับพี่สะใภ้รองหน่อยไม่ได้เหรอคะ?” ซูตานหงเอ่ยขึ้น

“ดีกับหล่อน? แม่ไก่แก่ที่ไม่รู้วิธีวางไข่ ให้อะไรไปก็เสียของเปล่า นี่มันจะ 4 ปีอยู่แล้วตั้งแต่หล่อนเข้าประตูบ้านมา ทำไมยังไม่ออกไข่อีก!” คุณแม่ซูกัดฟันกรอด

ซูตานหงได้ยินจึงพูดขึ้น “แม่กำลังว่าพี่สะใภ้หรือว่าหนูอยู่หรือคะ?”

เธอแต่งเข้าไปเกือบ 3 ปีแล้วและก็เป็นแบบที่คุณแม่ซูพูด ในเรื่องที่เธอยังไม่มีลูกสักคน

คุณแม่ซูรีบเอ่ยขึ้น “ทำไม คนบ้านจี้สร้างปัญหาให้แกอย่างนั้นเหรอ? อย่าไปกลัวหล่อน เรื่องของแกไม่เหมือนกันกับเรื่องนี้ จี้เจี้ยนอวิ๋นกลับมาแค่กี่ครั้งเองในแต่ละปี? แกไม่สามารถตั้งท้องได้แล้วเรื่องนี้ต้องโทษใครล่ะ?”

“แม่ หนูไม่อยากจะพูดถึงเรื่องนี้ เกิดอะไรขึ้นกับพี่สะใภ้รองหรือคะ?” ซูตานหงเปลี่ยนเรื่อง

พูดตามจริงแล้วคุณแม่จี้เป็นคนใจดีมีเมตตากว่าแม่ของเธอมากนัก เมื่อตอนที่เธอเพิ่งย้ายมาเข้าอยู่ร่างนี้หลังจากเจ้าของร่างเดิมกินยาฆ่าแมลงเข้าไปจนทำให้คุณแม่จี้โกรธนั้น นางถึงได้เอ่ยออกมาว่าตนไม่เคยเข้ามายุ่งเกี่ยวอะไรด้วยเลยตลอดสามปีและไม่เคยต่อว่าเธอสักคำ

แต่เธอจำได้จากความทรงจำเดิม ว่าแม่ของเธอเริ่มพูดถึงเรื่องแม่ไก่ที่ไม่สามารถวางไข่ได้หลังจากที่พี่สะใภ้รองแต่งเข้ามาได้เพียงหนึ่งปีเท่านั้น

“ไม่ใช่ว่าหล่อนไปอ่อยเจ้าโง่ที่อยู่บ้านติดกันหรอกหรือ ถ้าไม่ใช่เป็นเพราะว่าฉันจับได้ซะก่อน ป่านนี้ก็คงยังไม่รู้ว่าหล่อนสวมหมวกเขียวให้กับพี่รองของแกไปหรือยัง พี่ชายแกออกไปทำงานข้างนอกทุกวัน แล้วฉันก็คอยจับตาดูหล่อนอยู่ตลอด”

“แม่ของแกคนนี้บอกได้เลยว่าหล่อนไม่ได้มีความสุขกับพี่รองของแกหรอกแต่กล้าทำเรื่องพรรค์นี้ลับหลังพี่ชายของแกได้ แล้วแกยังจะบอกให้ฉันไม่เอาเรื่องหล่อนงั้นหรือ?” คุณแม่ซูกล่าวด้วยน้ำเสียงเหี้ยมเกรียม

“เป็นไปได้หรือคะ? พี่สะใภ้รองไม่ใช่คนแบบนั้นเสียหน่อย” ซูตานหงหลุดปากออกมาหลังจากที่ได้ฟัง

พี่สะใภ้รองของเธอเป็นคนที่เก่งกาจมากทีเดียว หล่อนไม่เคยยอมก้มหัวให้เมื่อต้องเจอกับพี่สะใภ้ใหญ่ซูผู้มีลูกชายถึงสามคนติดกัน แต่กับแม่สามีแล้วหล่อนกลับอดทนอดกลั้นอย่างมาก เนื่องจากว่าหล่อนแต่งเข้ามา 4 ปีแล้วแต่ก็ยังไม่เกิดอะไรขึ้นมาเลย

แถมเมื่อปีก่อนนี้เองแม่ของเธอก็ต้องการให้พี่ชายรองแยกทางกับพี่สะใภ้

อ้อ…ในยุคสมัยนี้มันมีชื่อใหม่ที่เรียกว่า การหย่าร้าง

อย่างไรก็ดี พี่รองและพี่สะใภ้ของเธอปฏิเสธที่จะหย่ากัน คุณแม่ซูจึงไม่มีทางเลือกนอกจากยกเลิกความคิดนี้ไปชั่วคราว แต่หลังจากนั้นพี่สะใภ้รองของเธอก็ไม่กล้าทะนงตัวอีกต่อไป หล่อนคอยช่วยทำงานมากมาย เนื่องเพราะไม่ต้องการจะหย่าขาดกับพี่รอง

ไม่ว่าจะเป็นในชาติก่อนหรือชาตินี้ของเธอ การหย่าร้างไม่ได้สร้างความเสียหายให้กับฝ่ายชายมากเท่าใดนัก แต่มันกลับทำร้ายฝ่ายหญิงอย่างรุนแรง แม้แต่ที่นี่ก็เช่นกัน ทุกคนต่างคิดว่าตายเสียยังจะดีกว่า

ยิ่งไปกว่านั้นพี่รองของเธอก็ปฏิบัติต่อพี่สะใภ้เป็นอย่างดี

คนที่ดีแบบพี่สะใภ้รองของเธอจะหาเรื่องให้แม่ไล่เธอออกไปได้อย่างไรกัน? ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่จะไปมีอะไรกับผู้ชายข้างบ้านเลย

“ไม่ได้เป็นคนแบบนั้นอะไรกัน? หล่อนไปได้ยินพวกผู้หญิงปากยื่นปากยาวในหมู่บ้านพูดกันว่าไอ้นั่นของเจ้าโง่นั่นทั้งใหญ่และยาวเข้าน่ะสิ เลยเกิดคันอยากจะขอยืมเมล็ดพันธุ์ของเขาสักหน่อย คิดว่าฉันไม่รู้งั้นเหรอ?” คุณแม่ซูด่าต่อ

ซูตานหงไม่อยากจะได้ยิน จึงเอ่ยขึ้นว่า “แม่ ไม่พูดจาหยาบโลนอย่างนั้นได้ไหมคะ?”

นี่มันน่าสะอิดสะเอียนมากเกินไป!

เธอไม่อยากจะนั่งอยู่ต่อแล้วและอยากจะกลับ!

คุณแม่ซูกลอกตาและเอ่ยขึ้น “เอาโรคเสแสร้งมากมายขนาดนั้นมาจากที่ไหนกัน? นี่ฉันยังไม่ได้คุยกับแกเลย เกิดอะไรขึ้นกับแกครั้งก่อน? ฉันได้ยินมาว่าแกกินยาฆ่าแมลงงั้นหรือ? กินยาฆ่าแมลงชนิดไหนเข้าไปล่ะ? มันคุ้มไหมกับไข่ทอดแผ่นเดียวน่ะเฮอะ? ฉันไม่มีหน้าไปบ้านจี้เพื่อจัดการเรื่องนี้ให้หรอกนะ!”

เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ ซูตานหงก็บอกว่า “ไม่ใช่ว่าหนูรู้ตัวแล้วหรือคะว่าหนูผิด? แม่ไม่ต้องห่วงนะคะ หนูมีบทเรียนแล้ว ต่อไปวันหน้าหนูจะไม่ทำให้แม่ต้องอับอายอีก”

“มันก็แทบจะไม่ต่างกัน!” คุณแม่ซูพูด จากนั้นก็กล่าวต่อ “แต่แกต้องอดทนเอาไว้ แล้วแกก็ไม่ต้องไปแสดงความกตัญญูอะไรกับพ่อแม่บ้านจี้มากเกินไปนักหรอก พวกเขายังมีสะใภ้คนอื่นอยู่อีกตั้งสามคน!”

คุณพ่อกับคุณแม่จี้มีทายาททั้งหมด 5 คน เฝิงฟางฟางเป็นสะใภ้ใหญ่ จี้มู่ตานเป็นสะใภ้รอง ส่วนจี้เจี้ยนอวิ๋นสามีของเธอเป็นลูกชายคนที่สาม

ถัดจากนั้นมีน้องชายสามีคนที่สี่ เขาเป็นครูสอนหนังสืออยู่ที่เมืองเจียงสุ่ยและได้แต่งงานกับครูสาวในเมือง พวกเขาให้กำเนิดลูกสาวเมื่อปีก่อน และครอบครัวนี้ได้จ้างพี่เลี้ยงเด็กมาช่วยดูแล นับว่าเขาเป็นคนที่อยู่สุขสบายที่สุดในบรรดาพี่น้องผู้ชายเลยทีเดียว

คนสุดท้ายคือน้องสาวสามีของซูตานหง หล่อนไปเรียนชั้นมัธยมปลายอยู่ในเมืองและจะสอบเข้ามหาวิทยาลัยในปีหน้า หล่อนอาศัยอยู่ที่บ้านของน้องชายสี่และไม่ได้กลับมาบ่อยนัก ตอนที่หล่อนกลับมา ซูตานหงมักรู้สึกว่าน้องสามีคนนี้จะเชิดหน้าสูงและมองพี่สะใภ้สามอย่างเธอด้วยสายตาดูถูก ดังนั้นเจ้าของร่างเดิมจึงไม่มีความประทับใจที่ดีกับน้องสามีคนนี้นัก

“แม่คะ นี่เป็นเรื่องของหนู แม่ไม่ต้องเป็นห่วง” ซูตานหงกล่าว

ไม่เคยได้ยินคำกล่าวที่ว่าลูกทำให้บิดาของเขาต้องหิวตายหรอกหรือ? แนวคิดของแม่เธอแทบจะเป็นแบบนั้นเลย

“หนูจะไปคุยกับพี่สะใภ้รอง แม่หั่นเนื้ออยู่ที่นี่ก่อนนะคะ นับจำนวนไว้ด้วย อย่าให้พี่สะใภ้ใหญ่แอบเอาไปกินอีกล่ะ” ซูตานหงบอก

ซูตานหงนั้นได้ความทรงจำมาจากเจ้าของร่างเดิม เธอจึงไม่ชอบพี่สะใภ้ใหญ่มาก ใครใช้ให้พี่สะใภ้ใหญ่ซูมีหลานชายสามคนให้กับครอบครัวซูและคอยเชิดหน้าดูถูกคนอื่นอยู่ตลอดเวลากันล่ะ? แล้วยังชอบลักเล็กขโมยน้อยอีกด้วย ครั้งหนึ่งเมื่อหลายปีก่อนหล่อนแอบขโมยของกินบางอย่างและโทษซูตานหงว่าเป็นคนเอาไปกิน ทำให้ซูตานหงโมโหมากจนแทบจะข่วนหน้าหล่อนทันทีที่ตรงนั้น

เมื่อออกมาด้านนอก พี่สะใภ้รองซูที่กำลังซักผ้าให้กับครอบครัวอยู่ก็รีบพูดขี้นว่า “น้องสามี เธอช่วยพูดกับแม่ให้หรือยัง? พี่จะนอกใจไปมีอะไรกับคนอื่นได้ยังไง!”

ซูตานหงขมวดคิ้วเมื่อมองไปที่มือที่แช่อยู่ในน้ำเย็นจัดในสภาพอากาศที่หนาวเย็น และได้แต่ถอนใจอยู่ภายในใจ ชัดเจนว่าไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน การเป็นผู้หญิงก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย

“แม่แค่ไม่เข้าใจน่ะค่ะว่าทำไมพี่ต้องไปพูดคุยติดต่อกับผู้ชายข้างบ้านด้วย?” ซูตานหงบอก

เนื่องจากทั้งซูตานหงกับพี่สะใภ้รองต่างไม่ชอบพี่สะใภ้ใหญ่ซูเหมือนกัน ดังนั้นคนทั้งคู่จึงมีความรู้สึกเป็นมิตรให้แก่กันอยู่เล็กน้อย

“คือพี่…” เมื่อพี่สะใภ้รองเอ่ยออกมาได้เท่านี้ก็หยุดคำพูด

“อารมณ์ของแม่เป็นยังไงพี่ก็รู้ดี ถ้าพี่ไม่พูดอะไรออกมาให้ชัดเจน แม่ก็จะแกล้งทำเป็นว่าพี่ไปมีอะไรกับคนอื่น เมื่อถึงตอนที่พี่รองกลับมาถึง เรื่องนี้จะกลายเป็นเรื่องใหญ่ได้นะคะ” ซูตานหงกล่าว

ด้วยนิสัยของแม่เธอแล้ว นี่เป็นเพราะว่าเธอเอาเนื้อกลับมาให้หรอก ไม่อย่างนั้นพี่สะใภ้รองของเธอคงจะต้องถูกทุบตีเป็นแน่

“จะไม่พูดอะไรเลยเหรอคะ? งั้นฉันไปแล้วนะคะถ้าพี่ไม่พูด?” ซูตานหงบอก

พี่สะใภ้รองซูจึงรีบพูดขึ้นมาทันที “น้องสามี เธอต้องเชื่อพี่นะ พี่แค่เห็นเขากำลังจะเข้าไปในเมือง เลยอยากให้เขาไปซื้อยาให้พี่เอากลับมาต้มเท่านั้น!”

_____________