ตอนที่ 13 ความยุติธรรม
ต้องขอบคุณที่หวังเย่าเยือกเย็นพอแม้ว่าจะตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้
30 นาทีต่อมาทุกคนก็ได้แยกย้ายกันออกไป หวังเย่าและคนอื่น ๆ ได้ถูกพาตัวกลับไปที่สถานีตำรวจเพื่อทำการสอบสวน
“ผมโดนนักเลงพวกนี้มาหาเรื่องก่อน ผมแค่ป้องกันตัวเท่านั้น แต่ต้องถูกจับมาแบบนี้ด้วย น่าอายจริง ๆ ” หวังเย่าถอนหายใจออกมา เขารู้สึกว่าเขาต่างหากที่เป็นฝ่ายที่น่าสงสาร
แต่เขาไม่ได้รู้สึกผิดเลยแม้แต่น้อย เขายังเยือกเย็นและทำทุกอย่างตามกฎหมายอยู่
ชีวิตในยุคนี้ต่างจากยุคที่แล้ว พวกเขาต้องเลือดร้อนถึงจะถือว่าเป็นลูกผู้ชายตัวจริงรึไง ?
ตอนนั้นการ์ฟีลด์ก็ได้เดินเข้ามาและมานั่งอยู่ที่ขาของเขา
“ตอนนี้ฉันหิวจนไส้แทบขาดแล้ว” หวังเย่าหิวมาก เขาโดนขังมากว่า 5 ชั่วโมงแล้ว แต่กลับไม่มีใครมาสนใจเขาเลย มันดูผิดปกติเกินไป
นี่คือกฎของพวกตำรวจรึไง ?
โทรศัพท์ก็ถูกยึด สัญญาณในสายรัดข้อมือก็ถูกปิดเอาไว้ ตอนนี้หวังเย่าทำได้แค่นอนเท่านั้น
ปัง !
เสียงเคาะประตูดังขึ้นก่อนที่ประตูจะเปิดออกเผยให้เห็นสีหน้าเย็นชาของตำรวจวัย 20 ปี เขาพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “เด็กน้อย แกคิดว่าฉันจับตัวแกมานอนรึไง ? ”
“ผมจะทำอะไรได้อีกถ้าไม่นอน ? คุณไม่ได้บอกขั้นตอนอะไรผมเลย แถมคุณไม่ให้อาหารผมด้วยซ้ำ คุณจะให้ผมทำอะไรได้อีก ? ” หวังเย่าเถียงกลับ
“เรื่องนี้มีคนเกี่ยวข้องอยู่เยอะ เรื่องมันซับซ้อน มันยังไม่ถึงเวลาสอบสวนแก ตอนนี้แค่ 4 โมงเย็น มันยังไม่ถึงเวลากิน แกฆ่าสัตว์อสูรไปตั้งเยอะ ยังอยากจะกินอาหารอยู่อีกรึไง” ตำรวจพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา
หวังเย่าไม่ชอบน้ำเสียงของอีกฝ่ายและอดไม่ได้ที่จะพูดขึ้น “คุณตำรวจ ไม่คิดว่าผมจะเป็นแพะรับบาปรึไง คุณเอาตาที่ไหนมาดูแล้วบอกว่าผมเป็นคนรังแก 5 คนนั้นกัน ? ”
“ถึงแกไม่ได้รังแก 5 คนนั้นแต่อีกไม่นานก็จะเป็นแบบนั้น ยังไงซะพวกนั้นก็เจ็บตัวมา สัตว์อสูรของพวกเขาก็ตายหมด ความเสียหายครั้งนี้ถือว่าสูง ถ้าแกผิดจริง ๆ งั้นฉันกลัวว่าแกคงติดคุกไปหลายปี” น้ำเสียงของตำรวจคนนั้นดูถากถาง
“ผมไม่รู้หรอกนะว่าคุณรับเงินจากตระกูลจ้าวมาเท่าไหร่ คุณถึงได้เปลี่ยนขาวเป็นดำแบบนี้ได้ ผมน่ะยังเป็นเยาวชนอยู่ นอกจากนี้แล้ว จ้าวซวนก็หาเรื่องผมก่อน เขาหาคนมาจัดการผม ที่ผมทำก็แค่ป้องกันตัว เรื่องนี้มีพยานรู้เห็น คุณมาใช้คำขู่แบบนี้กับผมไม่ได้หรอก”
“แกนี่ปากดีจริง ๆ ก็ดี แกปากดีเข้าไป สักวันแกจะเข้าใจความจริงและผลลัพธ์ของคนที่ไม่ควรไปหาเรื่องเอง”
“เดี๋ยวก่อน… ” ตอนที่ตำรวจกำลังจะเดินออกไปนั้น หวังเย่าก็พูดขึ้นและเดินไปเกาะที่ลูกกรง
“แกคิดจะร้องขอความเมตตาแล้วสินะ แต่ขอโทษที มันสายเกินไปแล้ว” ตำรวจทำเสียงฮึดฮัดออกมา
“ฉันแค่อยากดูชื่อแกชัด ๆ ” หวังเย่าพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา “จ้าวหลิน แซ่จ้าว แกเป็นสุนัขรับใช้ของตระกูลจ้าวนี่เอง”
จ้าวหลินโกรธจัดและตะคอกออกมา “ปากเก่งนักนะแก สักวันฉันจะฉีกปากของแกให้ได้เลยคอยดูเถอะ”
จากนั้นจ้าวหลินก็หันกลับไปแล้วเดินออกไปโดยไม่สนใจหวังเย่าอีก
…
ตอน 18.30 น. ตำรวจส่วนมากออกกะไปแล้ว มีแค่ไม่กี่คนที่ยังทำหน้าที่ต่อ
“ออกมา ถึงตานายถูกสอบสวนแล้ว” ตำรวจคนหนึ่งเดินเข้ามาพร้อมกับเช็ดปากที่มันเยิ้มของเขา
“แต่ผมยังไม่ทันได้กินอะไรเลยนะ” หวังเย่าพูดขึ้น
“กินหรือ ? นายมีแรงอัดคนจนแทบตายแต่ยังคิดจะกินอีกงั้นหรือ ? ” ตำรวจคนนั้นทำเสียงฮึดฮัดออกมา
“เราได้สอบสวนพวกนักเลงและรวบรวมข้อมูลจากพยานมาแล้ว ทุกอย่างยืนยันแล้วว่านายป้องกันตัว”
“แต่นายก็มีปัญหาเหมือนกัน นายหาเรื่องพวกเขาและทำให้สถานที่เสียหาย ฉันหวังว่ามันจะไม่มีอีกเป็นครั้งที่สองนะ”
“งั้นนี่ก็เป็นผลดีต่อฉันสินะ ? ” หวังเย่าทำเสียงฮึดฮัดออกมา “เรื่องนี้มีพยานอยู่หลายคน เดาว่าเรื่องนี้คงเป็นข่าวแล้ว ตระกูลจ้าวคงไม่อาจจะบิดเบือนความจริงได้ พวกนั้นคงทรมานฉันไม่ได้ และพวกนั้นคงกำลังผิดหวังกันน่าดู”
ตำรวจคนนี้ทำงานมาหลายปี เขารู้กฎและช่องโหว่ต่าง ๆ ดี แต่เขาไม่คิดเลยว่าหวังเย่าที่เป็นแค่เด็กนักเรียนเองก็เจ้าเล่ห์แบบนี้ได้
“นายนี่ไม่ธรรมดาเลยจริง ๆ นายถึงกับรู้เรื่องนี้ด้วย” ตำรวจอ้วนที่อยู่ด้วยกันในห้องสอบสวนได้ก้มหน้าและพูดออกมาเบา ๆ “อย่าเกลียดพวกเราไปเลย หัวหน้าของเราน่ะเกี่ยวข้องกับตระกูลจ้าว เขาให้เรามาหาเรื่องนาย ถือซะว่าเป็นโชคร้ายของนายก็แล้วกันนะ”
หวังเย่ากัดฟันแน่น มันจริงที่ว่าในโลกนี้เขายังเป็นคนที่อ่อนแออยู่ คนที่แข็งแกร่งถึงจะได้รับความเคารพในโลกนี้
หลังจากที่สอบสวนเสร็จแล้ว เขาก็ไม่มีธุระอะไรที่นี่ต่อ เขาได้แต่ประทับรอยนิ้วมือเพื่อรับรองการสอบสวน
ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังไม่รู้ผลลัพธ์ของเรื่องทั้งหมด
“คุณจะทำอะไรกับผมและนักเลงพวกนั้นรวมไปถึงจ้าวซวนอย่างงั้นหรือ ? ”
“ฉันก็พอตอบเรื่องนี้ได้ จ้าวซวนไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเรื่องนี้ พวกนักเลงไม่คิดโยนความผิดให้กับเขา พวกเขาบอกว่าพวกเขาไปหาเรื่องนายเอง”
“ในอีกความหมายคือจ้าวซวนไม่ผิดสินะ ? ”
“ใช่ เขาแค่นั่งอยู่ที่นี่ 30 นาทีพร้อมกับกินกาแฟก่อนจะกลับออกไป” ตำรวจคนแรกส่ายหน้าและพูดขึ้นมา “นายอย่าคิดไปยุ่งกับเรื่องนี้เลย ไม่งั้นฉันกลัวว่านายจะเจอทางตัน”
“คุณไม่ต้องกังวลเรื่องนี้ ผมไม่ได้ใจร้อนแบบนั้น” หวังเย่าส่ายหน้าและพูดขึ้น “แล้วพวกที่เหลือล่ะ ? ”
“แน่นอนก็ว่ากันไปตามกฎ ไม่มีทางที่พวกนั้นจะถูกปล่อยตัว ทุกคนได้ก่อเรื่องทะเลาะวิวาทกันและถูกปรับ 5,000 เครดิต พร้อมกับโดนขัง 5 วัน” ตำรวจเงียบไปชั่วครู่และพูดต่อ “สำหรับนายแล้ว นายฆ่าสัตว์อสูรไปกี่ตัวก็โดนขังเท่านั้น นอกจากนี้แล้วเพราะนายยังเป็นนักเรียนอยู่ นายจึงโดนโทษสถานเบาและถูกปรับแค่ 10,000 เครดิต”
หวังเย่าได้ยินแบบนั้นก็อดไม่ได้ที่จะลุกขึ้นยืนพร้อมกับกำหมัดแน่น “นี่เรียกว่าความยุติธรรมรึไง ? คนที่โดนรังแกคือผมต่างหาก”
“นายใจเย็น ๆ ก่อน ผลลัพธ์ของเรื่องนี้ถูกกำหนดเอาไว้แล้ว นายไม่อาจจะคัดค้านได้ อย่าพยายามไปเลย ถ้านายยังฝืนก็มีแต่จะสร้างปัญหาเพิ่ม” ตำรวจอ้วนแนะนำขึ้นมา
“ผมรู้ว่าพวกคุณถูกส่งมาให้เกลี้ยกล่อมผม พวกคุณพูดให้ตระกูลจ้าวและบอกให้ผมอย่าหุนหัน ยังไงซะถ้าเรื่องไม่ใหญ่ไปกว่านี้พวกนั้นคงปกปิดได้” หวังเย่าฮึดฮัดออกมา
“ใช่ นี่คืองานของฉัน นายต้องโดนขัง 13 วัน เราจะดูแลนายเป็นอย่างดี ผลลัพธ์นี้มันเปลี่ยนแปลงไม่ได้ ที่เราบอกนายไปก็เพื่อให้นายเตรียมใจ นายจะได้คิดถึงการกระทำของตัวเองและปรับปรุงตัวเพื่อให้นายเป็นผู้ใหญ่ขึ้น นายจะได้รู้ว่านายไม่ควรไปหาเรื่องใคร” ตำรวจคนแรกพูดขึ้น
“เข้าใจแล้ว” หวังเย่ายักไหล่และพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ผมจะจำคำพูดคุณเอาไว้ ผมยังเด็ก เส้นทางผมยังอีกยาวไกล สักวันผมจะทำให้ตระกูลจ้าวต้องรู้สึกเสียใจ”
“นั่นน่ะเป็นเรื่องในอนาคต พูดตอนนี้ไปก็ไม่ได้มีประโยชน์อะไร” ตำรวจอ้วนโบกมือ “ฉันจะส่งนายไปที่ห้องขังพร้อมกับอาหารเย็นและหมอน”
เมื่อกลับมาที่ห้องขังเขาก็พบว่าที่ห้องนั้นมีหมอนให้กับเขา มันมีกลิ่นอับ ๆ หวังเย่าเห็นแบบนั้นก็กัดฟันแน่นด้วยความแค้น
“ตระกูลจ้าว สักวันพวกแกจะรู้สึกเสียใจกับสิ่งที่ทำเอาไว้”
เขาจะไม่ยอมตกอยู่ในกำมือของใครแบบนี้อีก แต่ตอนนี้เขาไม่อาจจะต่อต้านได้เลย