ตอนที่ 14 ผู้ปกครอง
ในห้องขังนั้น หวังเย่าอยากจะนอน แต่เพราะการ์ฟีลด์ฟื้นฟูร่างกายจนเสร็จแล้ว เขาจึงต้องยกระดับให้กับมัน
เขาถอดเสื้อผ้าออกไปปิดกล้องเอาไว้
“เลื่อนเลเวล ! ” หวังเย่าพึมพำออกมา
ติ๊ง ! การ์ฟีลด์ ใช้ค่าประสบการณ์ 5,000 หน่วยและเลื่อนขึ้นเป็นเลเวล 13
ติ๊ง ! การ์ฟีลด์ ใช้ค่าประสบการณ์ 5,750 หน่วยและเลื่อนขึ้นเป็นเลเวล 14
ตอนนี้ค่าประสบการณ์ก็เหลือเพียง 3,250/10,000 ส่วนการ์ฟีลด์ก็เลื่อนเป็นเลเวล 20 มันต้องใช้ค่าประสบการณ์ 6,750 หน่วย เพื่อเลื่อนเป็นเลเวล 21
“ เมี๊ยววว ! ” ตอนนี้ตัวมันใหญ่ยิ่งกว่าเดิม ในตอนแรกมันตัวยาวแค่ 5 เมตร แต่ตอนนี้ยาวเพิ่มขึ้นมาอีก 2 เมตร มันเหมือนกับเสือชีตาห์ ตัวของมันดูสมดุล และมันยังมีลายพาดที่ตัวอีกด้วย
กรงเล็บของมันคมขึ้น คำว่าราชาที่หน้าผากของมันก็ดูชัดเจนขึ้น นัยน์ตาของมันมีแสงสีทองส่องประกายออกมา
มันสะบัดกรงเล็บพร้อมกับเกิดเสียงตัดสายลมราวกับเสียงลูกธนูที่พุ่งตัดสายลม
ด้วยคำสั่งของหวังเย่า กำแพงปูนก็มีรอยตัดลึกกว่าครึ่งนิ้ว มันถูกเฉือนออกอย่างกับเต้าหู้
ดูเหมือนว่าความสามารถของการ์ฟีลด์นั้นจะขึ้นมาอยู่ระดับสูงแล้ว มันพัฒนาขึ้นมาอย่างมาก
จากนั้นเขาก็ตรวจสอบสถานะของการ์ฟีลด์อีกครั้ง
****
ชื่อ : การ์ฟีลด์
ระดับ : ทองขั้นสูง
เลเวล : 20
ความสามารถ : กระโดดสูงระดับสูง, ฉีกระดับสูง, อำพรางตัวระดับสูง, ลูกตบ, ใบมีดลม
****
มีอีกความสามารถเพิ่มขึ้นมา หวังเย่าได้ทดสอบมันทันที
การ์ฟีลด์สะบัดกรงเล็บ จากนั้นพลังงานลึกลับก็มารวมตัวกัน ก่อนจะอัดแน่นจนกลายเป็นใบมีด มันถูกยิงออกมาและพุ่งใส่กรงขัง พร้อมกับทิ้งรอยข่วนเอาไว้
แม้ว่ามันจะไม่รุนแรงหากเทียบกับสกิลฉีกของมัน แต่ก็ดีกว่าการโจมตีระยะไกลทั่วไป แถมมันยังเร็วกว่าอีกด้วย
เมื่อตรวจสอบข้อมูลของสกิลนี้แล้ว เขาก็พบว่าระยะยิงของใบมีดลมนี้อยู่ที่ 30 เมตร หากไกลกว่าระยะนี้จะทำให้ความรุนแรงลดลงอย่างมาก
“สกิลนี้ไม่ได้แย่อะไร แถมใช้เวลาไม่มากในการโจมตี อย่างมากก็แค่ 0.5 วินาที คนทั่วไปไม่อาจจะหลบทัน นี่ไม่ต้องนับพวกที่ตัวใหญ่เลย มันอาจจะฆ่าคู่ต่อสู้ได้อีกด้วย” หวังเย่าคิด
และส่วนที่ทำให้เขาแปลกใจก็คือความสามารถในการต่อสู้ที่ก่อนหน้านี้อยู่ที่ประมาณ 150 หน่วย เมื่อเลื่อนเลเวลขึ้นมา 8 เลเวล ความสามารถในการต่อสู้กลับเพิ่มมาเป็น 333 หน่วย และหากใช้ลูกตบก็อาจจะสร้างความเสียหายได้มากกว่า 500 หน่วย
สมกับเป็นสัตว์อสูรระดับทอง ศักยภาพในการเติบโตและข้อมูลคุณลักษณะล้วนสุดยอด ไม่แปลกใจเลยที่จ้าวเมิ่งซีจะเป็นคนที่แกร่งที่สุดในโรงเรียน เพราะสัตว์อสูรของเธอน่ะอยู่ระดับทอง
แต่ตอนนี้มันไม่ใช่แค่เธอคนเดียวแล้ว
“จริงสิ การแข่งขันจะเริ่มขึ้นในอีก 2 อาทิตย์ แต่ฉันโดนขังอยู่ที่นี่ถึง 13 วัน”
“ที่สำคัญคือจ้าวซวนรู้แล้วว่าฉันแข็งแกร่ง เขาต้องพยายามขัดขวางไม่ให้ฉันลงทะเบียนได้แน่ ๆ… ”
เมื่อหวังเย่าคิดได้แบบนั้น สีหน้าเขาก็หม่นลงทันที
เขารู้สึกแย่ที่ต้องถูกรังแกแบบนี้
ตอนนั้นเองกลับมีเสียงฝีเท้าดังขึ้นที่ด้านนอกห้องขัง
หากนับจากเวลาแล้วตอนนี้ก็ผ่านมาเกือบ 5 นาทีแล้ว ห้องมอนิเตอร์คงเห็นสิ่งผิดปกติกับกล้องจึงส่งคนมาตรวจสอบที่นี่
หวังเย่ารีบสั่งให้การ์ฟีลด์ใช้สกิลอำพรางพร้อมกับขนาดตัวของมันที่หดเล็กลง ตอนนี้มันตัวยาวแค่ 80 เซนติเมตรและนอนอยู่ที่พื้น
ช่องประตูถูกเปิดออกพร้อมกับเผยให้เห็นใบหน้าของตำรวจที่เข้ามา — จ้าวหลิน
“แกทำอะไร ? ” น้ำเสียงของเขาเย็นชา
“ไม่ได้ทำอะไร ฉันก็แค่นอนเล่น” หวังเย่าตอบกลับด้วยท่าทีไม่สนใจ
“นี่มันสถานีตำรวจ แกไม่รู้รึไงว่าไม่ให้เอาเสื้อผ้ามาปิดกล้อง แกไม่รู้รึไงว่าฉันอัดแกได้เพราะเรื่องนี้? ”
ยิ่งจ้าวหลินเจอกับหวังเย่ามากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งไม่พอใจเท่านั้น
เขาถึงกับขู่เด็กน้อย
“ถ้าเรื่องนี้รู้ไปถึงหูคนอื่น ฉันเกรงว่าชื่อเสียงของสถานีตำรวจนี้คงเสื่อมเสียแน่ ๆ สถานีอื่น ๆ ในเมืองก็คงรู้สึกอับอายเช่นกัน ”
จ้าวหลินแทบอดใจไม่ไหวที่จะอัดอีกฝ่าย
โชคร้ายที่หวังเย่าไม่มีอะไรเลย นอกจากสายรัดข้อมือประจำตัว และสายรัดข้อมือก็ไม่มีเครื่องอัดเสียงอยู่ด้วย ดังนั้นเรื่องที่เกิดขึ้นที่นี่ก็ไม่มีทางที่จะรั่วไหลออกไปได้
แต่หวังเย่าไม่ได้กลัว เขายังคงแสดงท่าทีเยือกเย็นรวมกับตื่นเต้นไปด้วย
“ฉันล่ะอยากเห็นจริง ๆ ว่าหมาของตระกูลจ้าวจะมีความสามารถอะไรบ้าง แกถึงกับกล้ามาขู่ฉันในสถานีตำรวจ แกกลัวไม่ได้รางวัลจากเจ้านายรึไง ? ” หวังเย่ามองไปยังอีกฝ่ายด้วยสายตาที่เย็นชา โดยไม่เกรงกลัวเลยแม้แต่น้อย
“แกนี่ใจกล้าดีจริง ๆ ! แกคิดจะเล่นกับฉัน แกคิดว่าแกจะรับมือไหวงั้นหรือ ? ” จ้าวหลินหัวเราะออกมา
“แกดูถูกฉันเกินไป ฉันยังเด็กอยู่ก็จริง แต่ในหัวฉันน่ะมีสมองที่แกไม่มี แกอยากเล่นกับฉันไหมล่ะ ? แกกล้าสู้กับฉันรึเปล่า ? ” คำพูดของหวังเย่าเต็มไปด้วยคำถากถาง
ระบบที่เขามี ทำให้เขามั่นใจ มันทำให้การ์ฟีลด์เลื่อนเลเวลขึ้นมากว่า 20 เลเวลและทำให้เขาแข็งแกร่งกว่าตำรวจทั่วไป
ด้วยความแข็งแกร่งของเขาแล้ว เขาสามารถไปเป็นทหารรับจ้างเพื่อล่าสัตว์อสูรได้แล้ว เป็นธรรมดาที่เขาไม่ต้องกลัวตำรวจพวกนี้
แน่นอนว่าเงื่อนไขในการออกไปนอกเมืองคือต้องอายุ 18 ปีก่อน ตอนนี้หวังเย่ายังอายุไม่ถึง
“ได้ มาดูกันว่าฉันจะสั่งสอนแกยังไง” จ้าวหลินพูดขึ้น
แม้ว่าเขาจะเป็นตำรวจแต่อีกสถานะหนึ่งของเขาก็คือลูกหลานสายรองของตระกูลจ้าว
แม้ว่าจะเทียบกับจ้าวซวนที่เป็นลูกหลานสายตรงไม่ได้ แต่ด้วยอำนาจของตระกูลจ้าวแล้ว พวกนั้นก็สามารถสนับสนุนพวกสายรองได้ ตราบใดที่เขาอยู่สถานีนี้ต่อ ไม่นานเขาก็ต้องได้ขึ้นเป็นผู้กำกับของที่นี่อย่างแน่นอน หรืออาจจะได้ตำแหน่งที่สูงกว่านั้นอีก
ผลก็คือเพื่อนร่วมงานของเขามักจะเกรงใจเขาอยู่เสมอ
การกระทำผิดกฎของเขามักจะถูกมองข้าม
การที่เด็กน้อยอย่างหวังเย่ามาหาเรื่องเขาแบบนี้ เขาจะไม่เลือดขึ้นหน้าได้ยังไง
เขาเอากุญแจออกมาเปิดห้องขังพร้อมกับหยุดกล้องเอาไว้เพื่อที่จะอัดหวังเย่า
เขาเปิดประตูออกก่อนจะปิดมันอีกครั้ง
“ตอนนี้แกควรกลัวได้แล้ว” จ้าวหลินยิ้มออกมาและเดินเข้าไป พร้อมกับกำหมัดที่ดูแข็งแกร่งราวกับเหล็ก
…
รถลิมูซีนคันหนึ่งมาจอดที่หน้าสถานีตำรวจ
จากนั้นบอดี้การ์ดที่สวมชุดสีดำก็เดินลงมา การเคลื่อนไหวของพวกเขาดูคล่องแคล่ว บนใบหน้าของพวกเขาได้สวมแว่นสีดำเอาไว้
หลังจากลงมาจากรถ เขาก็เปิดประตูรถด้านหลัง ก่อนจะโค้งตัวให้กับชายวัยกลางคนที่มีสีหน้าเย็นชา เขาแต่งตัวดูธรรมดาเหมือนกับคนทั่วไป แต่ท่าทีของเขานั้นทำให้ผู้คนเกิดความกลัวได้
“สถานีนี้งั้นหรือ? ” ชายวัยกลางคนพึมพำออกมา “ก่อนหน้านี้เจ้าเด็กนี่ก็ถูกทำร้ายจนต้องคลานกลับบ้าน ตอนนั้นฉันก็คิดว่าแค่เด็กทะเลาะกัน ก็เลยปล่อยตระกูลจ้าวไป”
“ แต่ครั้งนี้ เรื่องกลับแย่ลงยิ่งกว่าเดิม พวกนั้นชักจะกำเริบเสิบสานเกินไปหน่อยแล้ว มันคิดว่าฉัน หลี่ว่านเฟิง เป็นอากาศธาตุรึยังไง ? ” เขาทำเสียงฮึดฮัดออกมาก่อนจะเดินนำบอดี้การ์ดเข้าไปในสถานีตำรวจ