เล่มที่ 1 บทที่ 13 เตรียมตัวเข้าวัง

ข้ามเวลานางพญาแพทย์พิษ

การกรีดเลือดออกจากสิ่งมีชีวิตเป็นจุดแข็งของหลินเมิ้งหยา นางขอยืมมีดสั้นจากหลงเทียนอวี้ จากนั้นกรีดเอาเลือดของนกพิราบออกมาเล็กน้อยแล้วหยดลงในผ้าเช็ดหน้า เท่านี้พิธีการเข้าห้องหออันแสนดื่มด่ำเร่าร้อนก็ได้จบลง

ทันทีที่หัวถึงหมอนนางก็หลับลงไปในทันที กลับกันกับหลงเทียนอวี้ซึ่งกำลังนั่งขัดสมาธิอยู่บนตั่งหลายต่อหลายชั่วโมง

แต่คิดไม่ถึงเลยว่าเพียงพระอาทิตย์ส่องแสงยามเช้า นางในซึ่งอยู่ด้านนอกจะเคาะประตูแทบจะทันที

“คารวะท่านอ๋อง คารวะพระชายาพระองค์ใหม่ บัดนี้เช้าวันใหม่มาถึงแล้ว ได้โปรดตื่นบรรทมด้วยเพคะ”

หลินเมิ้งหยาค่อยๆ ลืมตาซึ่งยังคงสะลึมสะลืออยู่ขึ้น เมื่อคืนกว่านางจะเอาตัวรอดจากการดักฟังได้ก็เหนื่อยเอาการ

นางซึ่งยังคงอยู่ในสภาพกึ่งหลับกึ่งตื่นได้ยินเสียงทุ้มต่ำของหลงเทียนอวี้

“พวกเจ้าเข้าไปพยุงพระชายาเถิด ไม่ต้องช่วยข้า”

“เพคะ”

บ่าวรับใช้ในตำหนักแห่งนี้ทุกคนล้วนเคารพนับถือหลงเทียนอวี้ หลินเมิ้งหยาไม่เคยได้รับการดูแลเช่นนี้มาก่อน ดังนั้นนางจึงปล่อยให้บ่าวรับใช้ทำหน้าที่ของตนเองโดยไม่ขัดขืน

ภายในห้องอ่านหนังสือ หลงเทียนอวี้เปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดปกติเสร็จเรียบร้อยแล้ว

ภาพการกระทำของหลินเมิ้งหยาทั้งหมดยังคงตราตรึงอยู่ในสมองของหลงเทียนอวี้

เขามั่นใจแล้วว่านางไม่ใช่คนที่ฮองเฮาส่งเข้ามาสอดแนม

แม้ว่าฮูหยินของเจิ้นหนานโหวจะเป็นน้องสาวแท้ๆ ของฮองเฮา แต่หลินเมิ้งหยาไม่ใช่คนของพระนางอย่างแน่นอน

อีกอย่างเขาเองก็รู้ซึ้งถึงวิธีการที่ฮองเฮาใช้เป็นอย่างดี

หากหลินเมิ้งหยาเป็นคนของฮองเฮา เกรงว่าเมื่อคืนนางคงจะพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อยั่วยวนเขาให้จนได้

หลินเมิ้งหยาคนนี้มีใบหน้างดงามราวกับนางฟ้านางสวรรค์ อีกทั้งยังฉลาดเฉลียวฆ่าไม่ตาย ตกลงแล้วนางมีความลับอะไรอยู่กันแน่?

“ท่านอ๋องขอรับ พระชายาเตรียมตัวเสร็จเรียบร้อยแล้ว รถม้าที่จะพาเสด็จเข้าวังจอดรออยู่ที่ด้านหน้าประตูพระตำหนัก ขอท่านอ๋องได้โปรดออกคำสั่งด้วยเถิดขอรับ”

พ่อบ้านตำหนักหวังยืนอกผายไหล่ผึ่งอยู่กับที่เพื่อรอคำสั่งจากหลงเทียนอวี้

เมื่อนึกขึ้นมาได้ว่าหากเข้าวังแล้วจะได้เจอกับหมู่เฟย1 ใบหน้าของหลงเทียนอวี้จึงเผยให้เห็นความอ่อนโยนขึ้นมา

หลายปีมานี้หมู่เฟยต้องอดทนต่อความทุกข์ทรมานมากมายเพื่อทำให้เขาได้ทำงานรับใช้ฮ่องเต้ อีกไม่นานหรอก สักวันหนึ่งเขาจะต้องพาหมู่เฟยออกมาจากพระราชวังอันแสนเยือกเย็นแห่งนั้นให้ได้!

“ขอแสดงความยินดีกับพระชายาพระองค์ใหม่ ขอให้พระชายาพระองค์ใหม่ประสูติพระโอรสโดยเร็วและมีลูกเต็มบ้านหลานเต็มเมือง”

หลังจากอาบน้ำแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยแล้ว นางในผู้รับใช้พระชายายืนเรียงแถวแล้วถวายความเคารพต่อหลินเมิ้งหยา

“อืม พวกเจ้าออกไปก่อนเถอะ”

หลินเมิ้งหยาซึ่งยังไม่ชินกับการใช้ชีวิตเช่นนี้ทำเพียงกระตุกยิ้มเล็กน้อย ก่อนที่นางจะไล่ทุกคนออกไป

“ฮู้ว…” ถือว่าสบายใจไปได้หนึ่งเปลาะ หลินเมิ้งหยายกมือขึ้นนวดขมับซึ่งกำลังปวดตุบๆ โชคดีที่แต่ก่อนนางเคยทำงานวิจัยจนดึกดื่น มิเช่นนั้นหลังจากที่ต้องผ่านช่วงเวลายามค่ำคืนอันแสนทุกข์ทรมาน นางคงไม่อาจลุกขึ้นจากเตียงไหว

สายตาพลันเหลือบไปมองเห็นใบหน้าสวยงามในกระจก แม้แต่หลินเมิ้งหยาซึ่งเป็นผู้หญิงยังอดไม่ได้ที่จะตกตะลึง

หากบอกว่าใบหน้าของนางในชาติที่แล้วสวยงามประหนึ่งนางฟ้าจากภูเขาน้ำแข็งแล้วละก็ ถ้าอย่างนั้นภายใต้รูปร่างอ้อนแอ้นอรชรในภพชาตินี้ ใบหน้าของนางงดงามเกินกว่าใครในปฐพีก็มิปาน

ไม่ว่าจะเป็นโครงหน้าเรียวเล็กหรือดวงตาเปล่งประกายราวกับหยดน้ำล้วนดูงดงามและทรงเสน่ห์

เป็นความงามที่ไม่ได้ปรุงแต่ง ทว่าทุกองค์ประกอบที่สวยงามกลับถูกจัดวางบนใบหน้า

บางทีอาจเพราะจิตวิญญาณที่สถิตอยู่ในร่างกายเปลี่ยนไป ดังนั้นแผ่นหลังขอนางจึงส่งกลิ่นอายของความเยือกเย็นออกมา

แม้นางจะไม่ใช่คนรักสวยรักงาม แต่ไม่มีใครหวังอยากให้ตนเองมีรูปร่างหน้าตาอัปลักษณ์หรอก

ผมสีดำเงางามของนางถูกเกล้าขึ้นสูงตามแบบของสาวชาววัง

อีกทั้งด้านบนผมยังถูกประดับเอาไว้ด้วยมงกุฎหงส์คู่ ลำคอสวมใส่สร้อยคอลายดอกไม้เอาไว้

ประจวบกับเสื้อผ้าขนาดใหญ่โตโอ่อ่า หลินเมิ้งหยาอดคิดไม่ได้ว่าตนเองในเวลานี้เหมือนตัวละครในการแสดงงิ้ว

เสื้อผ้าของคนสมัยโบราณช่างดูเทอะทะไม่สะดวกสบายเอาเสียเลย

***********************

1 หมู่เฟย คือคำเรียกขานชื่อมารดาซึ่งเป็นพระสนม