หัวใจของหลินเมิ้งหยาเต้นตึกตักดั่งกลองตะโพน แม้นางจะเคยเป็นนักเรียนแพทย์ ทว่านางก็ยังพอจะรู้เรื่องราวประวัติศาสตร์อยู่บ้าง
ที่นี่ปกครองด้วยระบบศักดินา แม้นจะกระทำความผิดเพียงเล็กน้อย แต่ก็สามารถถูกบั่นหัวออกจากบ่าได้
ดวงตาอดไม่ได้ที่จะเหลือบมองไปทางหลงเทียนอวี้ซึ่งยืนอยู่ข้างกายตนเอง ถ้าหากว่านางทำอะไรผิดพลาดขึ้นมา เขาจะช่วยนางหรือไม่?
“พระชายาโปรดยกน้ำชาแก่ฮองเฮาเหนียงเหนียงและพระสนมเต๋อเฟยเหนียงเหนียง”
ขันทีเปิดผ้าม่านออก จากนั้นหลินเมิ้งหยาจึงเดินตามหลงเทียนอวี้เข้าไปในห้องชั้นใน
ทันทีที่ก้าวเข้ามา นางสัมผัสได้ถึงกลิ่นหอมซึ่งถูกผสมผสานเข้าด้วยกัน
มันคือกลิ่นหอมของดอกไม้นานาพรรณ หากลองดมและจำแนกกลิ่นให้ดีจะพบว่ากลิ่นเหล่านั้นกอปรไปด้วยเครื่องหอมล้ำค่าสิบกว่าชนิด
ราชวงศ์เป็นเช่นนี้เอง หรูหราลึกซึ้ง แม้แต่เสื้อผ้าอาภรณ์ที่สวมใส่ยังถูกอบไว้ด้วยเครื่องหอมคู่บ้านคู่เมือง
นางขยับกายเข้ามาด้านข้างท่านอ๋องอวี้ด้วยท่าทางสงบเสงี่ยม จากนั้นขันทีก็ถือแก้วลายครามใบหนึ่งออกมา
เพียงได้เห็นแก้วสีใสอันนั้นก็รู้ได้ทันทีว่าเป็นของล้ำค่า
ทว่าหลังจากที่ได้เห็นแก้วใบนั้นแล้ว ใบหน้าของพระสนมทั้งหมดพลันเผยให้เห็นถึงอากัปกิริยานึกสนุก
ผิดกับสีหน้าของพระสนมเต๋อเฟยที่ยิ่งดูกลัดกลุ้มใจมากขึ้นทุกที
แม้แต่นัยน์ตาของหลงเทียนอวี้ยังเผยให้เห็นถึงความเย็นชา
ไม่มีใครล่วงรู้หรอกว่าแก้วใบนี้แฝงไว้ซึ่งกลเม็ดอะไรไว้ แต่เขากลับรู้ดีเป็นที่สุด
ปกติแก้วทั่วไปมักจะมีสองชั้น ดังนั้นแม้น้ำชาซึ่งอยู่ภายในจะร้อนมากขนาดไหน แต่ทางด้านนอกจะสัมผัสได้เพียงความร้อนอุ่นๆ เท่านั้น
ทว่าแก้วใบนี้ส่วนใหญ่เหล่าผู้มีอำนาจชั้นสูงทั้งหลายมักจะนำมาสำเร็จโทษพวกสนมที่กระทำความผิด แก้วบางๆ ใบนั้นหากได้ลองสัมผัสแล้วละก็ ความรู้สึกที่ได้รับแทบจะมิต่างอะไรกับการถูกเหล็กลนไฟนาบเนื้อ
ดูเหมือนว่าฮองเฮาคงอยากจะทำให้เขาขายหน้า เพื่อสร้างความอับอายให้กับพระสนมเต๋อเฟยอย่างนั้นสินะ?
ช่างน่าเสียดาย เขาไม่มีทางเปิดโอกาสให้นางหรอก!
“เพล้ง” เสียงนี้ดังขึ้น หลินเมิ้งหยาที่กำลังคิดจะยื่นมือเข้าไปรับแก้วต้องตกตะลึง เมื่อได้เห็นหลงเทียนอวี้สะบัดมือปัดแก้วใบนั้นออกจนน้ำชาราดรดใส่ขันที
น้ำชาซึ่งกำลังร้อนฉ่าหกกระเด็นราดรดบนใบหน้าและเสื้อผ้าของขันที ส่วนแก้วใบนั้นร่วงกระทบพื้นจนแหลกละเอียดไม่มีชิ้นดี
“บังอาจนักนะเจ้าหมาขี้เรื้อน ฮองเฮาเป็นถึงมารดาของแผ่นดิน เจ้าที่เป็นเพียงข้าหลวงคิดกำเริบเสิบสานถึงเพียงนี้เชียวหรือ!”
หลงเทียนอวี้ส่งเสียงเย็นชาไร้หัวใจออกมาจนหยุดการกระทำของทุกคน
แม้ขันทีผู้ที่ถูกน้ำร้อนลวกจะเป็นคนสนิทของฮองเฮา ทว่าพระนางกลับทำเพียงกัดฟันแน่น และมิได้ส่งเสียงทัดทานใดๆ ออกมา
“อวี้เอ๋อร์ เจ้าหมายความว่าอย่างไรกัน?”
เสียงอันน่าเกรงขามดังขึ้น แม้นำเสียงจะฟังดูสงบนิ่ง ทว่าหลินเมิ้งหยากลับรู้สึกเป็นกังวลเล็กน้อย
แม้คุณหนูใหญ่แห่งสกุลหลินจะเป็นเพียงคนโง่เขลา ทว่านางก็พอจะได้ยินข่าวลือบางอย่างมาบ้าง
อย่างเช่นข่าวลือที่ว่าฮองเฮามิได้ชอบหน้าท่านอ๋องอวี้เท่าไรนัก ถ้าหากมิใช่เพราะอำนาจจากสกุลของพระสนมเต๋อเฟยและการปกป้องจากฮ่องเต้แล้วละก็ เกรงว่าป่านนี้เขาคงไม่ได้มีโอกาสมายืนลอยหน้าลอยตาเช่นนี้
อีกทั้งนางยังได้ยินข่าวลือที่ว่าการแต่งงานกับนางเองก็เป็นการอภิเษกสมรสพระราชทานด้วยเช่นกัน
“ขันทีผู้นี้สมควรตายพ่ะย่ะค่ะ”
หลงเทียนอวี้เชิดหน้าขึ้นสบตาฮองเฮาโดยไม่ขยับเขยื้อนร่างกายแต่อย่างใด ขันทีที่ถือแก้วชามาเมื่อสักครู่รีบร้อนคุกเข่าแล้วโขกศีรษะลงกับพื้นเพื่อร้องขอความเมตตา
ทุกคนต่างพากันคิดว่าฮองเฮาจะโกรธเกรี้ยวหลงเทียนอวี้ ทว่าพระนางกลับทำเพียงเลิกคิ้วขึ้นเท่านั้น
“ในเมื่ออวี้เอ๋อร์รับสั่งว่าสมควรตาย ถ้าเช่นนั้นก็ลากตัวไปประหารเสียเถิด”
ตอนนี้สมองของหลินเมิ้งหยาไร้ซึ่งภาพแห่งความประทับใจต่อฮองเฮาพระองค์นี้อย่างสิ้นเชิง
แม้ฝ่ายตรงข้ามจะเป็นเพียงขันที แต่ขันทีเองก็เป็นมนุษย์ที่มีชีวิตจิตใจ นี่ฮองเฮามองชีวิตมนุษย์ต่ำเสียยิ่งกว่ายอดหญ้าอีกอย่างนั้นหรือ
แต่ถึงอย่างนั้นเรื่องนี้ก็ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับนาง
“ข้ามพิธียกน้ำชาไปเลยเถิด ขยับขึ้นมาข้างหน้าซี เปิ่นกง1 จะได้เห็นพระชายาของเจ้าชัดๆ”
คราวนี้สายตาของทุกคนพลันเหลือบมาทางหลินเมิ้งหยาแทน หลินเมิ้งหยาซึ่งกำลังก้มศีรษะอยู่ผุดยิ้มขึ้นเล็กน้อย ดูเหมือนว่าจะถึงคราวที่นางต้องออกสนามรบบ้างแล้ว
“เอ๋อร์เฉินหลินเมิ้งหยาขอถวายคำนับแก่ฮองเฮาเหนียงเหนียง ขอให้ฮองเฮาเหนียงเหนียงอายุยืนหมื่นปี”
เสียงหวานใสนุ่มนวล น้ำเสียงราบรื่นไร้ซึ่งอาการตะกุกตะกัก คราวนี้เหล่าสนมทั้งหลายต่างพากันตะลึงงัน
**********************
1 เปิ่นกง คือสรรพนามเรียกตนเองของฮองเฮา