บทที่ 16 หุบเขาร้อยหนอนแมลง

คนใสซื่ออย่างข้ามีเมตตาจะตาย

ขณะจินเฟยเหยาก้าวออกจากร้านอย่างดีอกดีใจ ในกระเป๋าเก็บของมียันต์อัคคีเพิ่มมาห้าใบ

“จำไว้เลยนะ อย่าให้ข้าเห็นเจ้านอกเมือง ไม่เช่นนั้นพบคราหนึ่งจะทุบตีเจ้าครั้งหนึ่ง” ลูกจ้างยืนอยู่หน้าประตู ชูกำปั้นใส่นาง

“ชิ เจ้าขี้งก” จินเฟยเหยาหันกายไปทำหน้าทะเล้นใส่เขา

ทิ้งลูกจ้างที่โมโหหัวฟัดหัวเหวี่ยงไว้ จินเฟยเหยาหัวเราะราวกับกระดิ่งเงินและวิ่งจากไปพร้อมเสียงหัวเราะ

อาวุธเวทป้องกันก็มีแล้ว ตอนนี้ต้องวางแผนหาศิลาวิญญาณ ยาพลังปราณเม็ดหนึ่งราคายี่สิบศิลาวิญญาณ จากขั้นฝึกปราณช่วงต้นจนถึงช่วงกลาง อย่างน้อยต้องใช้หนึ่งร้อยเม็ด นั่นเป็นศิลาวิญญาณชั้นล่างสองพันก้อน ศิลาวิญญาณชั้นล่างสองพันก้อน…จินเฟยเหยารู้สึกว่าเป้าหมายห่างไกลเกินไป ทำน้ำแกงยาวิญญาณในเคล็ดวิชาฟ้าดินดับสูญก่อนดีกว่า วางแผนเรียบร้อยแล้ว นางก็รีบนำใบสั่งยาไป

หญ้าเซียนม่วง ดอกน้ำไหล รากเถาเหลือง ต้นหญ้าเจตนา…ใบสั่งยาน้ำแกงยาวิญญาณใบนี้ราคาถูกจริงๆ ทั้งหมดคือหญ้าวิญญาณขั้นต่ำที่เติบโตอยู่ทั่วภูเขา มีราคาไม่กี่ศิลาวิญญาณ ยาสิบชุดจ่ายศิลาวิญญาณไปห้าก้อน แช่วันละหนึ่งครั้งก็ยังได้

จินเฟยเหยาใส่หญ้าวิญญาณที่ห่อเสร็จแล้วลงในกระเป๋าเก็บของ ก็เดินเล่นมาถึงลานกว้างผิงอันที่มีผู้คนล้นหลาม

ในลานกว้างผิงอันตั้งป้ายขนาดใหญ่หลายแผ่น ด้านบนแขวนกระดาษมากมาย จินเฟยเหยาเบียดมาถึงหน้าป้ายแผ่นหนึ่ง มองดูเนื้อหาบนกระดาษอย่างละเอียด

ร้านเทียนซานรับซื้อลูกลิงซานจิ่นปริมาณมาก แต่ละตัวราคาห้าสิบศิลาวิญญาณชั้นล่าง สำนักโม่เฟิงรับซื้อยารวมปราณปริมาณมากแต่ละเม็ดราคาสามสิบศิลาวิญญาณชั้นล่าง หอสมบัติรับซื้อวัตถุดิบสัตว์ปิศาจขั้นสามขึ้นไปให้ราคาสูง เห็นสินค้าต่อรองราคา…

จินเฟยเหยางอนิ้วคำนวณ ลิงซานจิ่นเป็นสัตว์ปิศาจขั้นสองทั้งยังอยู่รวมกันเป็นฝูง หากตนเองไปก็คือไปหาที่ตาย หอสมบัติ… ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึง สัตว์ปิศาจขั้นสาม นั่นเป็นงานที่ผู้บำเพ็ญเซียนขั้นสร้างฐานทำ จะขายยา เตาหลอมยาหน้าตาเป็นอย่างไรเล่า?

“ลานกว้างผิงอันใหญ่ขนาดนี้ คิดไม่ถึงว่าจะไม่มีภารกิจที่ขั้นฝึกปราณสามารถรับได้ หรือว่าข้าจะต้องอดตาย?” จินเฟยเหยาค้นหาบนป้ายรอบหนึ่ง พบว่าตนเองถึงกับไม่มีประโยชน์เลยสักนิด ก็มีโทสะจนด่าทอหน้าป้าย

“เด็กน้อย หาผิดที่แล้ว ภารกิจของขั้นฝึกปราณอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้” ด้านข้างมีสตรีขั้นสร้างฐานผู้หนึ่งปิดปากหัวเราะเบาๆ เอ่ยขึ้นและชี้ทางให้นางอย่างใจดี

ที่แท้หาผิดที่ จินเฟยเหยามองรอบด้าน จริงเสียด้วยทั้งหมดเป็นผู้บำเพ็ญเซียนขั้นสร้างฐาน ตนเองยืนเด่นสะดุดตาอย่างผิดปกติอยู่ในนั้น

“ขอบคุณผู้อาวุโส” นางรีบขอบคุณสตรีผู้นั้น แล้วแทรกเข้าไปในกลุ่มคน

ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของลานกว้างทั้งหมดเป็นภารกิจที่ผู้บำเพ็ญเซียนขั้นฝึกปราณสามารถทำได้จริงๆ ด้วย มีป้ายหลายอันใหญ่ผิดปกติ ภารกิจมากเป็นพิเศษ บนป้ายยังเขียนงานคนกลางจำนวนมาก ด้านล่างป้ายยังมีผู้บำเพ็ญเซียนเบียดเสียดมากมาย

กวาดลานบ้านหนึ่งเดือนห้าศิลาวิญญาณชั้นล่าง ดูแลสัตว์ภูติหนึ่งเดือนห้าสิบศิลาวิญญาณชั้นล่าง เพาะปลูกหญ้าวิญญาณหนึ่งเดือนยี่สิบศิลาวิญญาณชั้นล่าง สาวใช้รับใช้ใกล้ชิด หนึ่งเดือนห้าสิบศิลาวิญญาณชั้นล่าง รวมกินอยู่… ที่แท้เป็นป้ายภารกิจของคนกลางในเมืองลั่วเซียนโดยเฉพาะ ผู้บำเพ็ญเซียนมอบหมายให้พวกเขาทำ พวกเขาก็ออกมาหาคน ทำอย่างยากลำบากหนึ่งเดือนได้แค่ยี่สิบศิลาวิญญาณชั้นล่าง ซื้อได้แค่ยาพลังปราณหนึ่งเม็ด แต่ว่างานคนกลางเหล่านั้นก็น่าเบื่อเกินไป ดูแลสัตว์ภูติและปลูกหญ้าวิญญาณต้องมีพลังวิญญาณยังพอเข้าใจได้ แต่กวาดลานบ้าน เป็นสาวใช้ ก็ต้องมีพลังบำเพ็ญเพียร จะเกินไปหน่อยหรือไม่ ผู้ใดจะไปทำ

ขณะที่จินเฟยเหยากำลังคิดอยู่ ด้านหลังมีคนผู้หนึ่งพยายามเบียดออกมาอย่างสุดกำลัง พุ่งมาหน้าป้าย ตะโกนใส่คนกลางที่ยืนอยู่ข้างป้ายมาตลอด “งานกวาดลานบ้านข้าเหมาหมด”

“เหมาหมด?” จินเฟยเหยากวาดตามองภารกิจกวาดลานบ้านบนป้ายอย่างรวดเร็ว อย่างน้อยมีสิบกว่าแห่ง อดมองคนผู้นั้นอย่างสงสัยไม่ได้ ลานบ้านมากมายขนาดนั้นจะกวาดเสร็จเมื่อใด

“สหายเซียนหลี่ เวทม้วนวายุของเจ้าฝึกถึงระดับสุดยอดแล้ว กวาดลานบ้านลานหนึ่งใช้อาคมหนึ่งครั้งก็เสร็จแล้ว ถ้าเป็นเช่นนี้ต่อไป ภารกิจกวาดทำความสะอาดทั้งเมืองลั่วเซียนต้องตกเป็นของเจ้าแน่” คนกลางหัวเราะหึๆ ดึงภารกิจกวาดทำความสะอาดทั้งหมดลง ส่งมอบให้ถึงมือของคนผู้นั้น และรับถุงผ้าเล็กๆ จากในมือของเขามาเปิดออกดูจากนั้นพยักหน้าอย่างพอใจวางใส่ไว้ในอก

จินเฟยเหยาตกตะลึง คิดไม่ถึงว่าจะใช้เวทมนตร์กวาดพื้น ที่แท้เวทมนตร์ยังมีประโยชน์แบบนี้ด้วย คนเรายากจนถึงขั้นนี้ ไม่ว่าวิธีใดก็สามารถคิดออกมาได้จริงๆ

นางยืนอยู่ที่นี่ครู่หนึ่ง พบว่าขอเพียงเป็นคนที่รับภารกิจล้วนส่งถุงเล็กๆ ให้กับคนกลาง หรือยัดศิลาวิญญาณหลายก้อน หลังถามผู้บำเพ็ญเซียนด้านข้างจึงได้รู้ว่ารับภารกิจยังต้องมอบค่าใช้จ่ายให้กับคนกลางด้วย คนเหล่านี้รับเงินจากเจ้าของงานแล้วยังรับเงินจากคนรับงานด้วย ชั่วร้ายเกินไปจริงๆ

งานนี้ไม่ควรทำ จินเฟยเหยาเห็นไกลๆ ว่ายังมีป้ายอีกมากจึงเบียดเสียดไป ร้านค้าและสำนักมากมายกำลังรับซื้อสินค้า

บางภารกิจทำคนเดียวให้สำเร็จไม่ได้ มีผู้บำเพ็ญเซียนบางคนลากผู้บำเพ็ญเซียนคนอื่นๆ ใต้ป้ายไปด้วยกัน ส่วนพลังการบำเพ็ญเพียรของจินเฟยเหยาต่ำเกินไปจริงๆ ไม่มีผู้ใดมานัดนางไปทำภารกิจด้วยเลย

ร้านอาวุธมงคล รับซื้อเปลือกตะขาบเหล็กปริมาณมาก ปล้องละหนึ่งศิลาวิญญาณชั้นล่าง

“เอ๋ ตะขาบเหล็กเป็นสัตว์ปิศาจขั้นหนึ่ง ทั้งยังอาศัยอยู่เดี่ยวๆ ถือว่าให้ราคาสูงนะ ภารกิจนี้ไม่เลว” จินเฟยเหยาพบว่ามีภารกิจหนึ่งเหมะสมกับตนเอง ตะขาบเหล็กไร้พิษ บนตัวมียี่สิบกว่าปล้อง เพียงแต่เจ้านี่ระแวดระวังภัยอย่างมาก จับไม่ได้ง่ายๆ ไม่เช่นนั้นราคารับซื้อคงไม่สูงขนาดนี้

นางไปร้านอาวุธมงคลก่อนรอบหนึ่ง พอแน่ใจว่ามีภารกิจนี้จริง ยังสอบถามปริมาณมากที่สุดของตะขาบเหล็กที่หุบเขาร้อยหนอนแมลงจากลูกจ้าง หนึ่งถึงสองเดือนน่าจะเจอตัวหนึ่ง

หนึ่งถึงสองเดือน…

มิน่าเล่าราคารับซื้อจึงสูง หาตัวไม่พบนี่เอง จะไปฆ่าที่ไหน ทว่าจินเฟยเหยากลับไปเก็บของที่บ้าน ผู้บำเพ็ญเซียนต้องพร้อมเผชิญกับอันตรายได้ทุกเมื่อ ดังนั้นของมีค่าทั้งหมดต้องนำติดตัวไปด้วย นางวางกระดาษใบหนึ่งลงในกล่องอาหาร ให้ร้านเลิศรสไม่ต้องส่งอาหารมาชั่วคราว ไม่เช่นนั้นจะเสียค่าอาหารเปล่าๆ

ยังเหลือศิลาวิญญาณชั้นล่างอีกสิบเอ็ดก้อน นอกจากซื้อเสบียงกรังเล็กน้อย นางก็กัดฟันใช้ศิลาวิญญาณห้าก้อนซื้อยางดอาหารหนึ่งเม็ดใส่ไว้ในขวดหยกอันว่างเปล่าเหมือนสมบัติมีค่า สิ่งนี้สำหรับช่วยชีวิต ถ้าถูกขังอยู่ในสถานที่บางแห่งแล้วอดตายก็เสียหน้าเกินไป ขอเพียงมีเจ้าสิ่งนี้ ถึงไม่กินไม่ดื่มเดือนหนึ่งก็ไม่ตาย

มองขวดหยกที่สวยงาม จินเฟยเหยาได้แต่กลืนน้ำลาย ในใจชิงชังผู้ปรุงโอสถแทบตาย กำหนดราคายาไว้สูงขนาดนี้โหดร้ายเกินไปแล้ว

นึกถึงว่าในหุบเขาร้อยหนอนแมลงมีหนอนแมลงทุกประเภท ส่วนมากมีพิษ นางซื้อยาน้ำสีเขียวขจัดพิษได้สองขวด โชคดีที่ของสิ่งนี้ไม่ได้เพิ่มพลังบำเพ็ญเพียร หนึ่งศิลาวิญญาณสามารถซื้อได้หนึ่งขวด

“รอข้าถึงขั้นสร้างฐานแล้วข้าจะเรียนการหลอมยา ถึงตอนนั้นข้าจะกินยาวิญญาณต่างลูกอม” นางพึมพำอย่างไม่พอใจพลางเดินออกนอกร้าน

นึกขึ้นได้ว่าตนเองมียันต์ยาที่เก็บได้ นางก็เข้าไปในร้านยันต์ คิดจะดูว่าของสิ่งนี้ราคาเท่าไหร่ ไม่ดูก็ไม่รู้ พอดูก็ตกใจ ยันต์ยาเป็นสิ่งที่ผู้บำเพ็ญเซียนขั้นหลอมรวมหลอมทำขึ้น ปกติเก็บเวทมนตร์อย่างหนึ่งไว้ ใช้ครั้งหนึ่งก็หมดแล้ว

แค่ใช้ได้ครั้งเดียว แต่ละใบก็ราคาหนึ่งพันศิลาวิเศษชั้นล่าง ถ้าเป็นยันต์ยาที่ใช้ป้องกันและหลบหนีราคายังพลิกอีก

จินเฟยเหยาจึงได้รู้แจ้ง มิน่าเล่าสองคนนั้นจึงยากจนปานนี้ อาวุเวทที่ใช้ก็ย่ำแย่ คิดไม่ถึงว่าจะทำเรื่องที่โง่เขลาเช่นนี้ เอาสมบัติทั้งหมดไปซื้อยันต์ยา ไม่รู้ว่าสมองมีปัญหาหรือไม่ มีเงินเก็บ ถ้าคนหนึ่งมีอาวุธเวทดีๆ สักหลายชิ้นก็คงไม่ต้องเอาชีวิตมาทิ้งหรอก

หุบเขาร้อยหนอนแมลงอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของเมืองลั่วเซียน เดินเท้าเพียงหนึ่งวันก็ถึง รอบด้านโอบล้อมด้วยภูเขา ตรงกลางเป็นป่าที่เต็มไปด้วยอากาศชื้นแฉะและเน่าเหม็น ในป่าปกคลุมด้วยหมอกอย่างหนาแน่นตลอดปีไม่สลายไป มีเพียงอยู่ภายใต้แสงอาทิตย์อันแรงกล้าที่สุดยามเที่ยงวันจึงบางลงประมาณครึ่งชั่วยาม

สถานที่อันเน่าเหม็นนี้เต็มไปด้วยหนอนแมลงมีพิษ นอกจากคนที่รับภารกิจหรือมาจับแมลงทำสัตว์ภูติ ผู้บำเพ็ญเซียนคนอื่นๆ ล้วนไม่ชอบมาที่นี่

บนพื้นมีใบไม้เน่าหนาหนึ่งชั้น จินเฟยเหยาเพิ่งหยั่งเท้าลงไป ก็จมลงถึงข้อเท้า ในอากาศแฝงกลิ่นราที่อับชื้น ทำให้คนสงสัยอย่างรุนแรง ว่าสูดอากาศที่นี่มากเกินไปภายในร่างกายจะมีเห็ดงอกออกมาหรือไม่

ไม่สนใจว่าไอเน่าเหม็นนี้มีพิษหรือไม่ นางหยิบยาน้ำสีเขียวเม็ดหนึ่งออกมากินลงไป ระมัดระวังไว้สามารถแล่นเรือได้นับพันปี[1] จะมีอันตรายมาเมื่อใด ผู้ใดจะบอกได้ เพิ่งเดินมาได้หนึ่งชั่วยามกว่า ก็พบหนอนแมลงที่ทำให้คนขนลุกมากมายบนเส้นทาง เพียงแค่ทั้งหมดเป็นหนอนแมลงตัวเล็กๆ ยังไม่ถือเป็นสัตว์ปิศาจชั้นหนึ่งด้วยซ้ำ ไม่รอให้นางเข้าใกล้ก็หลบหนีเข้าไปในใบไม้เน่าๆ แล้ว

“เห็ดหูหนูเน่าผืนใหญ่มาก” เดินลึกเข้าไปในหุบเขาได้สองชั่วยามกว่า เบื้องหน้าของนางปรากฏต้นไม้แห้งล้มลงตาย บนขอนไม้เต็มไปด้วยมอส และเห็ดหูหนูเหม็นเน่าสีดำผืนใหญ่ งอกอยู่บนขอนไม้อย่างหนาแน่น

อย่านึกว่าเห็ดหูหนูที่มีกลิ่นเหม็นเหล่านี้ ชื่อมืดมน ที่จริงเป็นหญ้าวิญญาณที่ใช้หลอมทำยาน้ำสีเขียว เพียงแต่กลิ่นของมันเหม็นเกินไป ขอเพียงเคยสัมผัสมันถึงใช้น้ำล้างสามวันกลิ่นเหม็นก็ไม่จางหายไป อีกทั้งไม่ต้องใส่มันลงไปก็หลอมกลั่นยาน้ำสีเขียวออกมาได้ ดังนั้นจึงมีน้อยคนที่ยอมเด็ดมันกลับไป ทว่าคนยากจนเช่นจินเฟยเหยา สนใจว่าเหม็นหรือไม่เหม็นที่ไหน ขอเพียงสามารถแลกศิลาวิญญาณได้ ถึงเป็นอุจจาระสัตว์ปิศาจนางก็จะขนกลับไป

นำกระเป๋าเก็บของออกมา นางเด็ดเห็ดหูหนูเน่าอย่างระมัดระวังใส่ลงในกระเป๋า กลิ่นเหม็นของเห็ดหูหนูเน่าสามารถเทียบกับศพเน่าได้จริงๆ เหม็นจนจินเฟยเหยาต้องซุกศีรษะเข้าในเสื้อผ้าตรงไหล่และสูดลมหายใจลึกๆ จากนั้นกลั้นหายใจ รอจนตอนทนไม่ไหวค่อยปล่อยลมหายใจออกมา แล้วซุกหน้าเข้ากับเสื้อผ้าสูดลมหายใจอีกครั้ง จินเฟยเหยารู้สึกเสียใจอยู่บ้าง ดูเหมือนไม่ควรจะเด็ดของสิ่งนี้จริงๆ กลิ่นเหมือนนรกในโลกมนุษย์ชัดๆ

พยายามเด็ดเห็ดหูหนูเน่าอย่างสุดความสามารถ จินเฟยเหยาพลันรู้สึกได้ว่าด้านหลังมีเสียงซ่าซ่าก็หันหน้าไปมองดู

ตะขาบยักษ์ขนาดสูงกว่าคนตัวหนึ่งชูหัวสูงจากพื้นครึ่งตัว กำลังยืนตระหง่านอยู่ด้านหลังนาง เท้าเล็กๆ ร้อยข้างสั่นสะท้าน มีเขี้ยวขนาดสองฉื่อ[2]คู่หนึ่งงอกออกมาด้านหน้าปาก ขยับหนีบเปิดปิดเปล่งแสงรัศมีสีดำ

นางรีบใช้หางตากวาดมองดูอย่างรวดเร็ว ตะขาบเหล็กตัวนี้มีสามสิบกว่าปล้อง เกรงว่าคงมีชีวิตมาร้อยปี เห็นหัวของตะขาบเหล็กเอนไปด้านหลังเล็กน้อย ทันใดนั้นก็พุ่งใส่ศีรษะจินเฟยเหยาอย่างรวดเร็ว

จินเฟยเหยาก้มหน้าหลบ จากนั้นกระโดดไปด้านข้าง ขอนไม้ที่ด้านหลังเต็มไปด้วยเห็ดหูหนูเน่าถูกเขี้ยวยักษ์ของตะขาบเหล็กตัดเป็นหลายท่อนได้อย่างง่ายดาย

ตะขาบเหล็กพุ่งเข้าใส่ความว่างเปล่า เงยหัวขึ้นจากเศษไม้อย่างรวดเร็ว แล้วพุ่งเข้าใส่จินเฟยเหยาอีกครั้ง จินเฟยเหยาพลิกมือวูบนำดาบโค้งวงเดือนออกมาฟันใส่หัวมัน

ดาบโค้งวงเดือนที่ได้รับการถ่ายเทพลังวิญญาณส่องแสงกระพริบฟันลงบนเปลือกส่วนหัวของตะขาบเหล็กอย่างดุร้าย ได้ยินเสียงดังกร๊อบ เขี้ยวยักษ์ของตะขาบเหล็กงับตัวดาบโค้งวงเดือนไว้แน่น ดาบโค้งวงเดือนเต็มไปด้วยรอยแตกในพริบตา

จินเฟยเหยาดึงด้ามดาบอย่างแรง คิดไม่ถึงว่าดาบโค้งวงเดือนจะแตกเป็นชิ้นๆ เหลือเพียงด้ามดาบในมือ ส่วนบนหัวของตะขาบเหล็กกลับไม่มีรอยเลยสักนิด

จินเฟยเหยาตกตะลึง นี่มันของเล่นขยะอะไรกัน ยังถือว่าเป็นอาวุธเวทได้หรือ? กระแทกด้ามดาบในมือใส่ตะขาบเหล็กอย่างแรง นางสาปแช่งร้านค้านั้นในใจเป็นร้อยรอบ

ตะขาบเหล็กเอียงหัวให้ด้ามดาบกระแทกใส่ เขี้ยวขนาดยักษ์ขยับอย่างรวดเร็ว ถ้าให้มันสัมผัสได้ต้องถูกบดขยี้อย่างแรงจนไม่เป็นสารรูปคนแน่


[1] ระมัดระวังไว้สามารถแล่นเรือได้นับพันปี คือ ระมัดระวังไว้จะไม่ผิดพลาดง่ายๆ กระทำการได้อย่างมีเสถียรภาพและยาวนาน

[2] ฉื่อ คือ หน่วยวัดความยาม มีค่าประมาณ 0.333 เมตร