เฉินชางนั่งอยู่ในห้องทำงาน นวดแขนที่เมื่อยขบของตน มองไปยังรางวัลที่ปรากฏบนหน้าจอเสมือน

เขาคิดไปถึงคลื่นหัวใจไฟฟ้าของคนไข้ที่ค่อยๆ มั่นคง อดยิ้มออกมาไม่ได้ บางทีการประสบความสำเร็จที่สุดของคนเป็นหมอคงอยู่ตรงนี้กระมัง?

ตอนนี้เอง ฉินเยว่เดินเข้ามา เมื่อเห็นเฉินชางจึงเข้ามาตบไหล่ “ยิ้มอะไร?”

เฉินชางส่ายหน้า “คิดถึงเรื่องน่ายินดีน่ะครับ”

“ใช่แล้ว ตอนนี้ไม่บ่นแล้วเหรอ?”

ก่อนหน้านี้ฉินเยว่ไว้ผมหน้าม้า ตอนนี้กลายเป็นหางม้าแล้ว แต่ใบหน้ายังคงปรากฏบรรยากาศของน้องสาวน่ารัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งดวงตากลมโตที่ดูคล้ายจะมีเรื่องราวอัดแน่นจนพูดอย่างไรก็ไม่หมด ทำให้ผู้คนรู้สึกได้ถึงลักษณะนิสัยที่มีหลายมิติ

ฉินเยว่กลอกตา ทำท่าทางราวผู้มีประสบการณ์ “ฉันเป็นนักสู้หญิง! ไม่ใช่นักเรียนหญิง! อีกอย่างก็มองแต่ชายแท้มาโดยตลอด ไม่เข้าใจเรื่องของผู้หญิงหรอก ผู้หญิงล้วนปากไม่ตรงกับใจ! ใช่แล้ว ถ้าคุณคิดจะหาคนรัก ฉันช่วยแนะนำคุณได้นะ!”

“แต่ว่า…คนเป็นหมอ บางทีความรู้สึกมีตัวตนและความสุขก็อาจจะอยู่ในช่วงเวลาแบบนี้ ได้เห็นชีวิตได้รับการช่วยเหลือ ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นคนช่วยไว้เอง ทำให้รู้สึกถึงการมีอยู่ของชีวิตและความรู้สึกรับผิดชอบ!”

เฉินชางยิ้ม ลุกขึ้นยืนแล้วเดินจากไป เขายังมีงานต้องทำ

การช่วยเหลือฉุกเฉินเมื่อครู่เป็นเพียงงานที่แทรกเข้ามาในงานปกติเท่านั้น

เขาเดินไปล้างหน้าในห้องเวร เปลี่ยนเป็นเสื้อคลุมขาว เฉินชางรู้สึกว่าแขนของตนปวดเมื่อยจนแทบทนไม่ไหว

ดูท่าทางจะต้องออกกำลังกายให้มากขึ้นสักหน่อยแล้ว

แต่ว่า…

เมื่อครู่นี้ตนได้ยาเพิ่มกำลังมาหนึ่งชิ้นไม่ใช่เหรอ?

นั่นมันของอะไรกัน?

[ติ๊ง! ยาเพิ่มกำลัง หลังจากใช้จะกระตุ้นศักยภาพของร่างกาย เป็นยาน้ำที่ช่วยเพิ่มคุณภาพของร่างกาย]

เฉินชางดวงตาสว่างวาบ ของดีนี่นา?

แต่ว่า…

เป็นยาใช้ภายนอกหรือภายใน?

ระบบไม่สนใจเขา เฉินชางเกิดอารมณ์พลุ่งพล่านอยู่ในใจ

เขากระตุ้นความคิด หยิบยาน้ำออกมากรอกลงท้อง

ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกว่าแขนขารวมไปถึงกระดูกรู้สึกถึงความสบายขึ้นมาระลอกหนึ่ง ความรู้สึกนี้…รู้สึกเหมือนชีวิตไปถึงจุดสูงสุด!

เขารู้สึกว่าร่างกายของตนถูกกระตุ้นความสามารถออกมา ภายในชั่วขณะนั้นราวกับทั่วทั้งร่างกายกำลังเติบโต

ทำให้….

เฉินชางอดครางออกมาไม่ได้

“อา…อา….”

ใช่เหรอ?

เขาดึงกางเกงดูอย่างระมัดระวัง ดูเหมือนจะไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก!

ตอนนี้ฉินเยว่เปิดประตูเข้ามาพอดี ได้ยินเสียงเฉินชางกำลังคราง

ขณะนั้นฉินเยว่พลันหน้าแดง มองไปยังเฉินชางที่กำลังดึงกางเกง…เบิกตากว้างมองเฉินชางอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตา

หรือเขากำลังทำเรื่องที่บอกคนอื่นไม่ได้อยู่?

เมื่อคิดถึงตรงนี้ ในใจของฉินเยว่พลันเกิดความรู้สึกอยากรู้อยากเห็น คิดจะลองดูสักหน่อย…ค่อยๆ ย่องเข้ามา กลั้นใจ รอการกระทำต่อไปของเฉินชาง…

แต่เฉินชางได้ยินเสียงจึงหันมา

ฉินเยว่หน้ากระตุก จงใจถามออกไปด้วยท่าทางสอบสวน “โอ้โห? คุณทำอะไรในห้องเวรน่ะ?”

เฉินชางรีบขยับกางเกงให้ดี ยิ้มแย้มกระอักกระอ่วน “แค่บิดขี้เกียจเองครับ…”

ฉินเยว่ยังคงมีความสงสัย “งั้นเหรอ? คุณไม่ได้ทำเรื่องไม่ดีใช่ไหม?”

เฉินชางรู้สึกอับจนคำพูด “คุณครับ…เบื่อแล้วหรือไง!”

ฉินเยว่พยายามสูดจมูก ดูเหมือนจะไม่ได้กลิ่นแปลกๆ อะไรจึงกลอกตาใส่เฉินชาง “ต่อไปคุณอย่าส่งเสียงแปลกๆ แบบนี้สิ ทำให้เข้าใจผิดได้ง่าย!”

เฉินชางเดินหนีไปอย่างกระสับกระส่าย

[ติ๊ง! ฉินเยว่รู้สึกดี +3!]

เฉินชางชะงัก?

อะไรนะ?

นี่มันผู้หญิงแปลกประหลาดอะไรกัน?

สมองของเฉินชางจินตนาการไปโดยอัตโนมัติ มือซ้ายถือแส้ มือขวาถือเทียน บนร่างสวมชุด…

[ติ๊ง! กระตุ้นภารกิจประจำวัน ทำการเย็บแผล 10 ครั้ง

รางวัลเมื่อภารกิจสำเร็จ: ได้รับประสบการณ์การเย็บแผล +100 แต้ม ประสบการณ์ +100 เงิน +100 หยวน]

วันนี้ต้องทำภารกิจเย็บแผลสิบครั้ง?

นี่ไม่แน่ว่าจะทำสำเร็จ

แต่ละวันตนไม่จำเป็นต้องเย็บแผลให้ผู้ป่วยมากขนาดนั้น

ดูท่าทางภารกิจคงไม่จำเป็นว่าจะต้องทำสำเร็จละมั้ง?

แต่เมื่อเห็นค่าประสบการณ์และเงินมากขนาดนี้แล้ว…

เฉินชางส่ายหน้า ต้องปล้นหรือไง?

นี่เป็นตัวเลือกที่ไม่เลวเลย

แผนกฉุกเฉินของโรงพยาบาลอันดับสองเป็นแผนกที่มีชื่อเสียงมากในตงหยาง ศูนย์ฉุกเฉินทั่วทั้งเมืองอันหยางล้วนต้องการความร่วมมือจากโรงพยาบาลอันดับสอง

 หลังจากมอบเวรแล้ว เฉินปิ่งเซิงเลิกงานกะดึก ความทรมานในตอนเช้าทำให้ทุกคนรู้สึกสมองล้า

แต่เฉินชางยังตามเฉินปิ่งเซิงไปตรวจคนไข้

หลังจากเข้าไป ผู้ป่วยลืมตาขึ้นแล้ว ถึงแม้ความดันเลือดจะยังต่ำ แต่นับว่าชีวิตมั่นคงแล้ว เมื่อเห็นเฉินปิ่งเซิงและเฉินชางเดินเข้ามา ชายสวมชุดลายพรางและชายวัยรุ่นก็รีบเดินเข้ามาหา

“ขอบคุณพวกคุณมากครับ ขอบคุณจริงๆ เมื่อกี้หมออู๋บอกแล้วว่าในสถานการณ์แบบนี้ หากไม่ใช่ว่าพวกคุณช่วยได้ทันเวลาคงไม่รอดแน่ หมอครับ คุณเป็นคนดีจริงๆ!”

ชายวัยรุ่นทำเพียงพยักหน้าไม่หยุด ความรู้สึกโศกเศร้าและยินดีที่ถาโถมมาก่อนหน้านี้ส่งผลกระทบกับเขามากเกินไป!

เฉินปิ่งเซิงส่ายหน้า “พวกคุณไปพักข้างนอกก่อนเถอะ ไปแจ้งเถ้าแก่ของพวกคุณสักหน่อย ตอนนี้อาการของผู้ป่วยยังไม่มั่นคง ยังต้องรักษาภายหลังต่อไป พวกคุณก็อย่าอยู่ด้านในเลย ให้เขาพักผ่อนหน่อยเถอะ”

ทั้งสองเชื่อคำพูดของเฉินปิ่งเซิงมาก พยักหน้าตอบรับทันที

เฉินชางเห็นเฉินปิ่งเซิงดูเหนื่อยๆ จึงพูดขึ้นว่า “หัวหน้า คุณก็กลับไปพักผ่อนเถอะ ที่นี่ผมดูแลเอง”

เฉินปิ่งเซิงยิ้ม “ไม่เป็นไร”

เฉินชางยิ้มตาม ติดตามเขามาสองปี คำพูดที่เหล่าเฉินพูดบ่อยที่สุดก็คือ “ไม่เป็นไร”

ทำให้รู้สึกเหมือนว่าต่อให้ฟ้ากำลังถล่ม ชายคนนี้ก็ยังคงยิ้มและพูดว่าไม่เป็นไรออกมาได้

เหมือนกับที่อันเยี่ยนจวินชอบพูดว่า “ไม่ได้” นั่นแหละ

ทุกวันประโยคที่หัวหน้าแผนกอันพูดกับคนไข้บ่อยที่สุดก็คือ “ไม่ได้!”

นี่เป็นคนที่มีหลักการแข็งกร้าวคนหนึ่ง

ตอนสายๆ ไม่มีเรื่องอะไรมากมาย มีแต่เขียนประวัติผู้ป่วย ผู้ป่วยที่พักอยู่ในแผนกฉุกเฉินมีไม่มาก ถึงอย่างไรทุกเตียงของแผนกฉุกเฉินก็สำคัญมาก ผู้ป่วยที่อาการมั่นคงแล้ว หากไม่ออกจากโรงพยาบาลก็ส่งไปที่แผนกอื่น

จู่ๆ หัวหน้าพยาบาลก็เดินเข้ามา “เสี่ยวเฉิน ตอนนี้หัวหน้าแผนกอันอยู่ที่แผนกผู้ป่วยนอก ค่อนข้างยุ่ง หมอหวังก็ไปแต่งงาน เขาคนเดียวทำไม่ไหว ถ้าคุณสะดวกไปช่วยเขาหน่อยนะคะ?”

[ติ๊ง! หัวหน้าพยาบาลเถียนหลันเซียงมอบภารกิจ: ไปช่วยอันเยี่ยนจวินที่แผนกผู้ป่วยนอก รางวัลเมื่อภารกิจเสร็จสิ้น: เถียนหลันเซียงรู้สึกดี +5]

เอาละ ภารกิจที่ได้รับแค่ค่าความรู้สึกดี แต่ก็ไม่เลว!

สร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับหัวหน้าพยาบาลเป็นการเบิกทางในวันหน้าให้สะดวกราบรื่น

เฉินชางเก็บของก่อนจะเดินไปยังแผนกผู้ป่วยนอก

อันเยี่ยนจวินเป็นหัวหน้าแพทย์ งานสำคัญก็คือเป็นศัลยแพทย์ที่แผนกฉุกเฉิน แต่งานศัลยแพทย์ฉุกเฉินมีอาการป่วยซับซ้อนค่อนข้างมาก ที่มากที่สุดก็คือการบาดเจ็บภายนอก

ผู้ที่มาแผนกผู้ป่วยนอกของแผนกฉุกเฉินส่วนใหญ่จะเป็นผู้ป่วยที่ได้รับบาดเจ็บภายนอก

เพิ่งจะเดินเข้าไป เฉินชางก็ต้องเหวอ มีคนป่วยห้าหกคน บนตัวมีเศษกระจกแทงอยู่ในขา ท้อง และแขน

ชายคนหนึ่งพูดว่า “หมอครับ คุณช่วยผมดึงออกมาก็พอแล้ว ไม่เป็นไรจริงๆ!”

อันเยี่ยนจวินพูดด้วยอารมณ์สงบ “ไม่ได้!”

“วันนี้ผมยังมีงานอยู่อีกกองหนึ่ง นี่เป็นแค่บาดแผลภายนอกธรรมดา ทายาสมานแผล พันแผลสักหน่อยก็ไม่เป็นไรแล้ว พวกเราล้วนเป็นคนใช้แรงงาน ไม่ได้อ่อนแอขนาดนั้น งานวันนี้ก็ยังทำไม่เสร็จ ไม่งั้นพวกเราต้องทำงานฟรีแล้ว!” ชายคนนั้นพูดอย่างร้อนใจ อยากจะรีบดึงกระจกออกทันทีทันใด

อันเยี่ยนจวินส่ายหน้าต่อไป “ไม่ได้ครับ ผมทำตามที่พวกคุณขอไม่ได้ รีบโทรแจ้งเถ้าแก่พวกคุณเถอะ บาดแผลค่อนข้างลึก ถ้าไม่เย็บจะติดเชื้อได้ง่าย ยิ่งไปกว่านั้นยังต้องฉีดวัคซีนป้องกันบาดทะยักด้วย”

ชายคนนั้นชะงักไป เมื่อได้ฟังขั้นตอนที่ยุ่งยากขนาดนี้จึงกลืนน้ำลาย “แพงมากไหมครับ?”

อันเยี่ยนจวินเงยหน้ามองคนทั้งหลาย บนตัวบนหน้าเต็มตัวด้วยฝุ่นดิน ตามเสื้อผ้าก็เต็มไปด้วยฝุ่น ที่มือยังสวมถุงมือหนาๆ

บนตัวของคนทั้งหลายมีเลือดซึมออกมาไม่หยุด อันเยี่ยนจวินเห็นเฉินชางเดินเข้ามาจึงรีบลุกขึ้นยืน “เสี่ยวเฉิน ช่วยผมทำแผลเย็บแผลหน่อยนะครับ”

เมื่อพูดจบอันเยี่ยนจวินก็เดินออกไปด้านนอก แต่กังวลว่าพวกเขาจะไม่อยู่รอจึงหันมาพูดว่า “พวกคุณอย่าดึงออกมั่วๆ นะครับ เศษกระจกที่อยู่ด้านในจัดการไม่ง่ายเลย!”