ตอนที่ 15 จดหมายรัก และไอดอลผู้ทรงอิทธิพล

เผยตัวตนลับ จับหัวใจเธอ

ฉินหร่านหยิบปากกาขึ้นมา แล้วลอกคำตอบของเพื่อนร่วมโต๊ะ 

 

 

บางข้อ เธอมีเปลี่ยนตัวเลขบ้าง 

 

 

เด็กใหม่ทำได้อย่างคล่องแคล่ว และเห็นได้ชัดว่าเธอเคยชินกับการลอกการบ้าน 

 

 

ลายมือเธอก็ไม่ได้สวยอยู่แล้ว บวกกับที่รีบเขียนเร็ว จึงทำให้ลายมือยิ่งขี้ริ้วขี้เหร่เข้าไปอีก 

 

 

โรงเรียนอี่จงมีแต่เด็กเนิร์ดเต็มไปหมด และแต่ละคนก็อยู่ในกรอบ ยกเว้นส่วนน้อยมากๆ เท่านั้น ว่าง่ายๆ คือ ไม่มีการลอกการบ้านเกิดขึ้น 

 

 

เด็กใหม่นั่งไม่เรียบร้อย ขีดๆ เขียนๆ โดยที่มือยังเท้าคางอยู่ และเพราะในห้องเรียนร้อน เธอจึงถอดเสื้อแจ็กเกตที่เป็นเครื่องแบบออก ใส่เพียงแค่เสื้อเชิ้ต 

 

 

เด็กใหม่ไม่ใส่ใจผู้แทนนักเรียนแม้แต่น้อย เธอเพียงส่งการบ้านเงียบๆหลังจากลอกเสร็จ 

 

 

สวีเหยากวงก็ไม่ได้พูดอะไรมากมาย แค่รับการบ้านจากมือเด็กใหม่ แล้วก็เดินจากไป 

 

 

เขาไม่มองหน้าเธอด้วยซ้ำ 

 

 

ในเมื่อบอกพยายามบอกสิ่งที่เป็นประโยชน์ให้ แต่แม่นั่นยังดื้อรั้นเอง เขาก็ไม่มีอะไรที่จะต้องพูด 

 

 

แม่นี่ซ้ำชั้นมาหนึ่งปี แล้วยังไม่รู้ว่าอะไรดีสำหรับตัวเองอีก ความตั้งใจดีของตระกูลหลินคงต้องเสียเปล่า 

 

 

ตัวแทนหนุ่มเดินไปเก็บการบ้านแถวถัดไป แววตาของเขายังคงเยือกเย็นเช่นเคย 

 

 

หลังจากเฉียวเซิงทำการบ้านวิชาอังกฤษเสร็จ เขานั่งรอเพื่อนสนิทที่โต๊ะ เมื่อนายน้อยสวีกลับมา แววของความเฉยเมยปรากฏออกมาจากดวงตาคู่นั้น หนุ่มช่างจ้อจึงนั่งนิ่ง ไม่พูดอะไร เขาเพียงแต่มองไปที่เพื่อนใหม่ 

 

 

ก่อนจะออกไป เขาโบกมือให้ฉินหร่าน 

 

 

ถ้าไม่ใช่เพราะต้องรีบไปคืนนี้ บวกกับที่ดาวโรงเรียนคนใหม่มาสาย เฉียวเซิงคงเข้าไปทักทายเพื่อนใหม่ไปแล้ว 

 

 

เด็กใหม่คนนี้มีขาเรียวยา เอวคอด ผิวขาวและสวยสะดุดตาไม่เหมือนใคร ฉินอวี่สู้เธอไม่ได้สักนิด 

 

 

คิ้วคู่นั้นงามประณีต แต่ขอบตาล่างแดงเล็กน้อยราวกับว่าไม่มีใครมาป่วนเธอได้แม้แต่น้อย 

 

 

ที่สำคัญที่สุดก็คือ เขาอยากคุยกับดาวโรงเรียนคนใหม่ว่าเธอทำยังไงถึงทำให้ขาโจ๋โรงเรียนจื๋อยอมศิโรราบได้ 

 

 

สวีเหยากวงมาส่งการบ้านที่ห้อง และเดินลงบันไดไปพร้อมฉินอวี่ 

 

 

เธอเป็นตัวแทนวิชาเคมี 

 

 

เขาถามอดีตดาวโรงเรียนเรื่องคำถามข้อสุดท้ายวิชาเคมี สำหรับวิชาอื่นๆ ผลการเรียนของนายน้อยสวีดีกว่าของคนอื่นๆ มาก แต่วิชาเคมียังถือว่าตามหลัง 

 

 

เพราะว่าฉินอวี่เคยไปแข่งเคมีระดับมณฑลมาแล้ว ตอนอยู่มัธยมปีที่ห้า สองคนนี้จึงปรึกษากันบ่อยๆ 

 

 

เขาชื่นชมเพื่อนหน้าตาน่ารักคนนี้ 

 

 

“ฉันก็นึกถึงสูตรนี้อยู่ ไว้ฉันจะกลับไปลองอีกครั้งนะ” สีหน้าเฉยชาของสวีเหยากวงลดน้อยลง และดวงตาดูอ่อนโยนมากขึ้น 

 

 

ฉินอวี่พยักหน้า แล้วถามขึ้นเนียนๆเกี่ยวกับช่วงศึกษาด้วยตนเองตอนเย็นอีกครั้ง “พี่สาวฉัน เธอ…เธอโอเคไหม” 

 

 

เพื่อนหนุ่มที่เดินมากับเธอ นึกถึงเรื่องการบ้านที่คนเป็นพี่เพิ่งลอกมาก เขาทำหน้านิ่ว แล้วส่ายหัว ไม่ได้พูดอะไรต่อ 

 

 

เมื่อเห็นท่าทางของเขา ฉินอวี่ก็ยิ้ม และไม่ได้พูดอะไร 

 

 

** 

 

 

ฉินหร่านและหลินซือหรานอยู่ในหอกับเด็กผู้หญิงอีกคน เพื่อนอีกคนเป็นตัวแทนของวิชาภาษาอังกฤษ เด็กคนนี้ผมสั้น ท่าทางสดใส แต่ดวงตากลับฉายแววเย่อหยิ่ง 

 

 

เด็กหน้าสวยเพิ่งย้ายมาเรียนที่อี่จง แต่ทั้งโรงเรียนกลับลือเรื่องที่เธอก่อเรื่องต่อสู้แล้ว แถมตัวแทนวิชาภาษาอังกฤษยังเห็นกับตาตอนที่แม่เด็กใหม่ลอกคำตอบวิชาภาษาอังกฤษของเพื่อนข้างโต๊ะ 

 

 

นอกจากนี้ เด็กๆ ที่โรงเรียนอี่จงต่างมีพ่อแม่ไม่ก็คนขับรถมารับมาส่งที่โรงเรียน เด็กๆ ที่อยู่หอที่โรงเรียนถือว่าไม่ใช่พวกที่ฐานะดีนัก 

 

 

เสื้อผ้าที่แม่เด็กใหม่สวมใส่ก็ดูธรรมดามากๆ แถมยังเหมือนใส่มานานปีดีดัก 

 

 

เด็กหญิงตัวแทนวิชาอังกฤษเขี่ยขวดครีมบำรุงผิวยี่ห้อไฮโซที่วางอยู่บนโต๊ะเครื่องแป้งของเธอเล่น ขวดพวกนั้นกระทบกันจนส่งเสียงดัง 

 

 

ฉินหร่านใส่ชุดนอนหลังจากที่อาบน้ำเสร็จ 

 

 

ชุดนอนนี้คอย้วย แต่ผู้ที่สวมใส่ไม่ได้ใส่ใจเรื่องรูปลักษณ์ของเธอ เธอเผยให้เห็นไหล่กว้างขาวนวลใต้ผ้านั่น และยังมีสีแดงเพลิงอยู่บนไหล่นั้นด้วย 

 

 

มันดูเหมือนรอยสัก 

 

 

เนื่องจากฉินหร่านผิวขาวอยู่แล้ว จึงทำให้รอยสักแดงดูแดงและเห็นชัดกว่าปกติ 

 

 

เด็กที่เป็นตัวแทนวิชาอังกฤษแอบมองเด็กใหม่อีกครั้ง 

 

 

เด็กสาวในชุดนอนไม่ได้สนใจ เธอปีนขึ้นไปบนเตียง ดึงม่านลง แล้วเปิดกล่องเหล็กที่เต็มไปด้วยยานอนหลับ ซึ่งวางอยู่ข้างเตียงออกมา ฉินหร่านเทยา ครุ่นคิด แล้วก็เทออกมาอีกเม็ด ครั้งนี้เธอกลืนโดยไม่ได้ดื่มน้ำตาม 

 

 

เด็กหอคนใหม่ไม่ได้หลับในทันที 

 

 

เธอหยิบโคมไฟสีเข้มออกมา หยิบหนังสือภาษาอังกฤษออกมา แล้วค่อยๆอ่านไป 

 

 

ตอนที่หลินซือหรานตื่นมา ไฟข้างเตียงของเพื่อนเธอยังคงเปิดอยู่ 

 

 

เช้าวันถัดมา ทั้งเด็กสาวที่เพิ่งย้ายมาใหม่และเพื่อนร่วมโต๊ะเดินไปยังห้องเรียนในตอนเช้าตรู่ 

 

 

ทั้งโรงเรียนแทบจะถูกปกคลุมไปด้วยหมอก 

 

 

ดาวโรงเรียนคนใหม่หันข้างนั่งขัดสมาธิบนเก้าอี้อย่างสบายๆ เธอหยิบหนังสืออ่านนอกเวลาออกมาจากใต้โต๊ะอย่างเกียจคร้าน 

 

 

พรึ่บ 

 

 

จดหมายสีฟ้าหลายฉบับร่วงลงมากองที่พื้น 

 

 

บนซองยังมีหัวใจสีชมพูติดอยู่ด้วย 

 

 

ฉินหร่านหยิบจดหมายขึ้นมา แล้วเก็บไว้ที่เดิม 

 

 

หลินซือหรานมองหน้าเพื่อน “ฉินหร่าน นี่คือจดหมายรัก มีทั้งหลายฉบับแน่ะ!”  

 

 

เพื่อนนักเรียนอีกสองสามคนที่อยู่แถวนั้นมองมา 

 

 

มีหลายคนในห้องที่เคยได้จดหมายรัก โดยเฉพาะเฉียวเซิงและสวีเหยากวง แต่เป็นเรื่องที่เห็นได้น้อยมากที่จะมีใครได้รับจดหมายรักเยอะขนาดนี้ หลังจากที่เพิ่งมาโรงเรียนได้เป็นวันที่สอง 

 

 

เด็กสาวที่ได้รับจดหมายรักฮัมเพลงเบาๆ ก่อนจะเปิดอ่านหนังสือนอกเวลา เธอเอนหลังพิงกำแพง ขนตายาวคู่นั้นหรุบต่ำ จากนั้นฉินหร่านก็เริ่มเปิดอ่านหนังสืออย่างใจลอย 

 

 

หนังสือภาษาต่างประเทศเล่มนี้ใหม่เสียจนดูเหมือนว่าไม่เคยถูกเปิดอ่านมาก่อน 

 

 

กรรมการนักเรียนสาวมองที่หนังสือ จึงได้เห็นว่าเป็นภาษาต่างประเทศที่เธอเองไม่เคยเห็นมาก่อน 

 

 

หลินซือหรานหยิบหนังสือเรียนตัวเองออกมาบ้าง แล้วหันหน้าไปทางเพื่อนร่วมโต๊ะเล็กน้อย “เธอไม่ตื่นเต้นเลยเหรอที่ได้รับจดหมายรักมากขนาดนี้” 

 

 

เพื่อนข้างๆเปิดหนังสือไปอีกหน้า ตอนที่ดาวโรงเรียนขยับตัว แขนเสื้อกว้างของโรงเรียนก็เลื่อนลง 

 

 

“ไม่ใช่ว่าฉันไม่เคยได้นี่” 

 

 

กรรมการสาว “…” 

 

 

ทั้งสองสาวมาทานข้าวกลางวันด้วยกัน 

 

 

ตัวแทนวิชาอังกฤษเดินลงไปยังห้องเรียนที่อยู่ชั้นล่างเพื่อรออดีตดาวโรงเรียน 

 

 

ฉินอวี่เป็นนักเรียนตัวท็อปที่มาจากครอบครัวที่มีหน้ามีตา เธอจะมีรถหรูขับมารับมาส่งทุกวัน และยังมีความสัมพันธ์ที่ดีกับหลินจิ่นเซวียน หนุ่มมากความสามารถที่เป็นนักเรียนติดหอเกียรติยศของโรงเรียน นอกจากนี้ สวีเหยากวงยังหนุนหลังเธออีก 

 

 

เด็กสาวน่ารักคนนี้เป็นหัวข้อการสนทนาของทั้งนักเรียนชายและนักเรียนหญิงทุกคน 

 

 

หากมองผิวเผิน เห็นได้ชัดว่าเธอไม่ใช่คนธรรมดาเลย 

 

 

นอกจากตัวแทนวิชาอังกฤษคนนี้แล้ว นักเรียนหญิงคนอื่นในโรงเรียนอยากจะสนิทชิดเชื้อกับฉินอวี่ 

 

 

“แม่นั่นทำเป็นอ่านหนังสือภาษาต่างประเทศ” ผู้เป็นตัวแทนอังกฤษพูดถึงเรื่องที่ฉินหร่านมาแทนที่น้องสาวในฐานะดาวโรงเรียนด้วยความไม่พอใจ “เธอรู้ไหม แม่นั่นลอกการบ้านทั้งสามวิชาเลยนะเมื่อคืน ยัยนี่ไม่เข้าใจภาษาอังกฤษด้วยซ้ำ แล้วยังมีหน้าทำเป็นอ่านหนังสือภาษาต่างประเทศอีก เดือนโรงเรียนสวีโกรธยัยนั่นมาก ไม่รู้ว่าพวกผู้ชายในโรงเรียนเราเป็นอะไรกันไปหมด นอกจากหน้าตาแล้ว ยังจะมีดีเรื่องอะไรอี๊กกก….” 

 

 

ผู้เป็นน้องรู้มานานแล้วว่าพี่สาวเรียนไม่เก่ง เธอเม้มปาก แล้วกินข้าวอีกสองคำ 

 

 

** 

 

 

วันนี้ครัวของเฉิงเจวี้ยนยังไม่พร้อม 

 

 

เด็กพาร์ตไทม์คนใหม่เข้ามาเริ่มงานตอนเย็น 

 

 

ฉินหร่านกำลังจะลงมือทำอาหารกลางวันและอาหารเย็นให้แพทย์หนุ่ม 

 

 

มีครัวที่ดูดีอยู่ตรงมุมของออฟฟิศแพทย์โรงเรียน ส่วนประกอบอาหารทุกอย่างอยู่ตรงนั้น แต่กลับไม่มีผัก 

 

 

หมอหน้าหล่อที่สวมเชิ้ตสีดำถือพวงกุญแจไว้ในมือ คิ้วเขาโครงชัดและหล่อเหลา กลุ่มเด็กนักเรียนหญิงที่มายืนออกันหน้าห้องพยาบาลทำให้เขาเวียนหัว 

 

 

เฉิงเจวี้ยนเปิดประตูรถ หุ่นของหมอโปร่งและผอม “มีคนไข้อยู่กับลู่จ้าวอิ่ง งั้นฉันจะพาเธอไปดูวัตถุดิบก่อนแล้วกัน” 

 

 

เขาขับรถไปที่โรงแรมส่วนตัว ซึ่งไม่ไกลจากโรงเรียน 

 

 

เด็กสาวมองดูอาคาร เธอรู้แค่ว่าโรงแรมนี้ใช้ระบบบัตรสมาชิกส่วนตัว 

 

 

หมอหน้าหล่อจอดรถ แล้วค้ำแขนไว้บนพวงมาลัยอย่างเกียจคร้าน ก่อนจะรับสาย 

 

 

ฉินหร่านเปิดประตูลงมาจากรถ 

 

 

หนิงฉิงก็เพิ่งจะจอดรถ 

 

 

วันนี้พี่สะใภ้จากฝั่งตระกูลหลินจะมาเยี่ยม หลินฉีจึงได้จองโต๊ะมาทานที่ร้านอาหารส่วนตัว ซึ่งจองล่วงหน้าถึงครึ่งเดือน 

 

 

หนิงฉิงเพิ่งมาถึงหลังไปสปามา เมื่อคนขับจอดรถ เธอค่อยเดินลงมา 

 

 

ทันทีที่หันไปเห็นเด็กผู้หญิงที่ใส่เสื้อลายตาราง หน้าของผู้เป็นแม่แข็งทื่อไป 

 

 

ตระกูลหลินไม่ใช่ตระกูลต้นๆในเมืองอวิ๋นเฉิง แต่นับว่ามีชื่อเสียง และไม่มีใครกล้าหยามคนในตระกูลหลินเลย 

 

 

หนิงฉิงไม่อยากให้ญาติฝั่งสามีเห็นญาติของเธอที่มีฐานะยากจน และไร้มารยาท เธอไม่อยากให้ฝั่งโน้นล้อเลียนเธอ 

 

 

โดยเฉพาะลูกสาวคนโตที่เอาแต่ทะเลาะชกตี แถมยังเรียนซ้ำชั้น… 

 

 

การพูดถึงลูกคนนี้กับคนทั่วไปก็นับว่ายากอยู่แล้ว นับประสาอะไรกับตระกูลหลินกัน 

 

 

นั่นคือเหตุผลว่าทำไมเด็กเจ้าปัญหาถึงได้รับอนุญาตให้ออกนอกบ้านมาอาศัยที่หอโรงเรียนแทน 

 

 

“ทำไมแกถึงอยู่ที่นี่” ผู้เป็นแม่เหลียวซ้ายเหลียวขวา หลังจากที่เห็นว่าพี่สะใภ้ไม่ได้อยู่แถวนั้น เธอจึงรีบเดินบึ่งมาหาลูกคนโต สีหน้าของเธอไม่ดีเลย