บทที่ 115 ร่วมฉลองกันทั้งโลก
ส่วนเฉินเมิ่งฉีโกรธจัดเพราะโดนปฏิเสธ อีกทั้งน้ำเสียงเกรี้ยวกราด จ้องมองเธอสีหน้าเต็มไปด้วยความเยาะเย้ยแล้วเล่าทุกอย่างที่เธอทำทั้งหมดให้ฟัง
เล่าว่าหลายปีนี้เธอปั่นหัวเธอเหมือนคนโง่ยังไง โอ้อวดว่าเธอหลอกใช้พี่ชายเธอเสร็จแล้วจะเตะทิ้งยังไง หันไปเป็นพวกเดียวกันกับเยี่ยอีอีศัตรูที่ร้ายกาจที่สุดของเธอ แล้วสาปแช่งให้เธอไปตายอย่างบ้าคลั่ง ด่าเธอด้วยความโมโหว่าเธอไม่คู่ควรกับซือเยี่ยหานเลย…
เธอต่อสู้จนถึงที่สุดหลายปีมานี้ ยืนหยัดมานานหลายปี แค่เพื่อผู้ชายสารเลวที่มีจิตใจเหมือนหมาป่า
เธอแกล้งทำตัวเป็นเหมือนน้องสาวแท้ๆ แต่ทำร้ายเธอมาตั้งแต่แรก หลอกใช้เธอ อยากได้สามีเธอ ทนไม่ไหวอยากจะให้เธอไปตาย
คนที่เธอรัก คนที่เธอไว้ใจ ทั้งหมดป่นปี้ลงภายในคืนเดียว โลกของเธอพังทลายลงแล้ว…
เรื่องราวหลังจากนั้น เธอจำไม่ได้แล้ว เพราะสภาพจิตใจเธอย่ำแย่มาก จนกระทั่งตอนที่เธอเสียชีวิต ก็ยังไม่รู้เลยว่าใครเป็นคนทำร้ายเธอ
สิ่งเดียวที่จำได้คือภายในความมืดมิด ทั่วทั้งร่างปวดร้าวดั่งวิญญาณโดนไฟแผดเผา…
ถึงอย่างไร โลกนี้มีคนอยากให้เธอตายเยอะเหลือเกิน เฉินเมิ่งฉี เยี่ยอีอี ฉินรั่วซี…
โดยเฉพาะฉินรั่วซี ตัวเองถึงกับไปแย่งตำแหน่งคุณหญิงซือที่แต่เดิมควรจะเป็นของเธอ
ด้วยพื้นฐานครอบครัวของฉินรั่วซีแล้ว แค่เธอลงมือเพียงนิดเดียว ก็ทำให้เธอกลายเป็นศัตรูของตระกูลซือได้ทั้งตระกูล ตั้งแต่ต้นตระกูลซือขึ้นไปถึงคุณหญิงย่า ด้านล่างลงไปถึงเหล่าเครือญาติทั้งสายตรงและญาติห่างๆ ทุกคนต้องการที่จะกำจัดเธอไม่ให้มาเป็นมลทินอยู่ข้างกายซือเยี่ยหาน
ที่เธอสงสัยก็คือซือเยี่ยหานเช่นเดียวกัน…
หรือว่าแท้จริงแล้วผู้ชายคนนี้ไม่พอใจที่ปล่อยเธอไป ดังนั้น เมื่อไม่ได้ก็ทำลายเสียเลย?
ความคาดเดานี้ ทำให้ก้นบึ้งหัวใจเธอหนาวเหน็บ
ด้วยนิสัยของซือเยี่ยหานชาติที่แล้ว ยอมปล่อยเธอไปโดยไม่ใยดีแบบนั้น เป็นเรื่องที่เหลือเชื่อจริงๆ ยากที่เธอจะเชื่อว่าเขาปล่อยเธอจริง
แต่ว่าถึงระดับหนึ่งแล้ว เธอกลับควรจะขอบคุณซือเยี่ยหาน
ถ้าไม่ใช่เพราะเขา ตอนหลังเธอคงจะไม่บังเอิญเห็นทุกอย่างชัดเจน เห็นธาตุแท้ของคนเหล่านั้น
เพียงแต่ภายหลังไม่รู้ว่าเกิดอุบัติเหตุอะไร เธอยังไม่ทันจะได้พักฟื้นจากการโจมตีนี้เลย ยังไม่ทันได้ยืนหยัดเพื่อที่จะตอบโต้กลับ ก็เสียชีวิตไปอย่างลึกลับ
“กำลังคิดอะไรอยู่?” เสียงเตือนทุ้มต่ำแหบแห้งของชายหนุ่มดังขึ้นมาข้างหู
ชั่วขณะเมื่อหี้ สีหน้าของหญิงสาวทำให้เขารู้สึกอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก
เธออยู่ข้างตัวเองชัดๆ แต่เหมือนว่าจะหายไปทุกเมื่อ
เป็นครั้งแรก ที่เขาพบว่าตัวเองดูเธอไม่ออก
ความรู้สึกที่ควบคุมไม่ได้แบบนี้ทำให้เขาทนไม่ไหว
เยี่ยหวั่นหวันเห็นสีหน้าไม่พอใจของชายหนุ่ม สีหน้าจนปัญญา “คิดถึงคุณอยู่ไง!”
จะบ้าตาย อยู่ต่อหน้าเขานี่ใจลอยไม่ได้เลยหรือ?
จะควักสมองเธอออกไปเลยไหม แล้วค่อยเอาเขาใส่เข้ามานั่งบนบัลลังก์!
ต้องเผด็จการขนาดนี้?
ถึงแม้ว่าน้ำเสียงหญิงสาวจะหลีกเลี่ยงความสงสัยที่ตอบบ่ายเบี่ยงไม่ได้ แต่สีหน้าชายหนุ่มก็ผ่อนคลายลงไม่น้อย “กลับไปเถอะ อย่าไปเพ่นพ่านที่ไหน”
“รู้แล้วค่ะ ช่วงนี้ฉันไม่ได้โดดเรียนสักครั้งเลยดีไหมคะ? และไม่ได้ไปสายหรือออกก่อนด้วย!” เยี่ยหวั่นหวันปลดล็อคเข็มขัดนิรภัย ล้อเล่นบอกลาเขาตามปกติ จากนั้นลงจากรถ “ราตรีสวัสดิ์นะคะ!”
วินาทีที่เยี่ยหวั่นหวันลงจากรถ หางตาเธอเหลือบไปมองมุมของที่วางของตรงเบาะด้านหน้า ดูเหมือนเป็นกองเอกสารกวดวิชา
เห็นเอกสารพวกนั้น ใจเยี่ยหวั่นหวันตุ้มต่อมขึ้นมาทันที
หาที่กวดวิชาให้เธอ นี่คิดจะห้ามไม่ให้เธอไปโรงเรียนอีกหรือ?
เมื่อหี้ถ้าเธอไม่ได้ชิงพูดคำพวกนั้นขึ้นมาก่อน คืนนี้เธอจะโดนกักบริเวณอยู่ที่คฤหาสน์จิ่นหยวนอีกหรือไม่?
เกือบไปแล้ว…
เยี่ยหวั่นหวันกลับไปนานแล้ว สวี่อี้ยังคงนั่งนิ่งอยู่ที่เบาะข้างคนขับนานมากก็ยังไม่ได้สติกลับมา
เมื่อกี้เขาเห็นเยี่ยหวั่นหวันถึงกับกล้าขู่คุณชายเก้า ตกใจจนวิญญาณแทบจะหลุด ปรากฏว่าเยี่ยหวั่นหวันคนนี้ตบหัวแล้วลูบหลัง ไปกระตุกหนวดเสือแบบนี้แต่ไม่เป็นอะไรเลย แล้วยังยัดอาหารสุนัขให้เขาเต็มท้องอีกด้วย…
อีกทั้ง คุณชายเก้าวางแผนห้ามเยี่ยหวั่นหวั่นไปเรียนต่อไม่ใช่หรือ?
เขาเตรียมตัวไว้แล้วว่าจะมีสงครามแห่งศตวรรษ ปรากฏว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย…
“สวี่อี้” หลังจากเงียบไปนาน อยู่ๆ ซือเยี่ยหานก็พูดขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย
“เอ่อ…ครับ! คุณชายเก้า คุณต้องการอะไรครับ?” แย่แล้วแย่แล้ว จะอาละวาดแล้วใช่ไหม เส้นประสาททั่วทั้งตัวของสวี่อี้แข็งเกร็งไปหมด
สายตาซือเยี่ยหานมองตามร่างเล็กท่ามกลางความมืดไป พูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “เดือนนี้ ค่าข้างนายเพิ่มสองเท่า รวมถึงคนใช้ในจิ่นหยวนด้วย”
สวี่อี้อึ้งไปในทันที “เอ่อ…”
ขอถามหน่อย… เกิดอะไรขึ้น…
โชคดีนี้มาอย่างน่าตกใจเกินไป!
สวี่อี้อึ้งไปอย่างน้อยสามนาทีถึงค่อยรู้สึกตัว หรือว่า… คงไม่ใช่เพราะเมื่อกี้เยี่ยหวั่นหวันพูดประโยคที่ว่า “นับวันยิ่งชอบเขา” หรอกนะ?
ดังนั้นจะร่วมฉลองกันทั้งโลกเลยเหรอ?
เอ่อ…
………………………………………………………………
บทที่ 116 ฉันตกลงร่วมมือกับเธอ
ริมทะเลสาบเล็กในโรงเรียน
เจียงเยียนหรานอยู่ตรงนั้นมาสองชั่วโมงเต็มแล้ว ระหว่างนั้นซ่งจื่อหังโทรเข้ามาคุยกับเธอแกมขู่และเตือนอยู่หลายครั้ง
พอคิดถึงสีหน้าผิดหวังและรังเกียจของซ่งจื่อหัง ใจเธอเจ็บปวดเหมือนมีมีดมากรีด
แต่มาให้เธอลบกระทู้ เธอจะคลายความโกรธนี้ได้ยังไง
ในขณะที่เธอกำลังลังเลอยู่นั้น ก็ปัดมือถือไปดูโพสต์ล่าสุดด้านล่างของกระทู้นี้ ม่านตาดำหดตัวลงทันที
‘ตามหาเธอหลายพันครั้งในความฝัน’…ID ที่คุ้นๆ นี้ เห็นได้ชัดว่าเป็นซ่งจื่อหัง
ตามหาเธอหลายพันครั้งในความฝัน: [ทุกคน ผมคือซ่งจื่อหัง! อันดับแรก ผมกับเจียงเยียนหรานไม่ได้เกี่ยวข้องกัน ข้อตกลงเรื่องแต่งงานเป็นแค่เรื่องล้อเล่นของผู้ใหญ่ ข้อสอง ไม่ใช่เมิ่งฉีเป็นฝ่ายจูบผมก่อน เป็นผมที่ทนไม่ไหวไปล่วงละเมิดฝ่ายหญิงเอง แล้วเมิ่งฉีก็ไม่ได้พูดทำนองว่าจะคบกันหลังเรียนจบด้วย เพียงแต่บอกว่าตอนนี้ต้องตั้งใจเรียน ข้อสาม ตั้งแต่ต้นจนจบ คนที่ผมชอบมีอยู่คนเดียว เฉินเมิ่งฉี! พวกคุณมีอะไรก็มาลงที่ผม อย่าไปทำร้ายผู้บริสุทธิ์!]
“ซ่งจื่อหัง! นายกล้า…กล้า…” มองดูแต่ละคำในโพสต์ที่ปกป้อง เจียงเยียนหรานกัดริมฝีปากแตกทันที ในช่องปากเต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือด
พวกข้อความที่ตอบกลับด้านล่างอย่างรวดเร็วยิ่งเหมือนมีดกรีดแทงใจเธอเข้าไปอีก…
[ว้าว! เจ้าของเรื่องปรากฏตัวแล้ว! อยู่ดีๆ ก็รู้สึกว่ากัปตันเท่จังเลย!]
[มีแค่ฉันคนเดียวที่รู้สึกสงสารเจียงเหยียนหรานหรือนี่? เห็นอยู่ว่าเธอรู้สึกซ่งจื่อหังก่อน? ปรากฏว่าโดนแย่งไปซะอย่างนั้น! อีกอย่างคำพูดของซ่งจื่อหานก็ไม่แน่ว่าจะจริงทั้งหมด!]
[แต่นี่ก็เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ เรื่องความรู้สึก เดิมทีก็เป็นเรื่องของคนสองคนคุยกันอยู่แล้ว เขาบอกแล้วว่าไม่เคยชอบเธอ ทั้งหมดเธอชอบอยู่ฝ่ายเดียวเท่านั้น! ตัวเองไม่มีปัญญาจีบเขาติด เกี่ยวอะไรกับเฉินเมิ่งฉีด้วยล่ะ?]
[ก็โทษที่ซ่งจื่อหังเลือกไม่ได้หรือเปล่า? ถ้าเป็นฉัน ฉันก็เลือกดาวประจำชั้นเหมือนกันแหละ! ฮ่าๆๆ …]
…….
ถึงแม้จะมีคนส่วนหนึ่งสงสัยในตัวซ่งจื่อหัง คิดว่าเขาตั้งใจพูดแบบนี้เพื่อปกป้องเฉินเมิ่งฉี แต่ข้อความนี้ของซ่งจื่อหังก็เปลี่ยนคำวิจารณ์ไปในพริบตา ถึงขั้นทำให้ความนิยมของเฉินเมิ่งฉีในชิงเหอสูงขึ้นมาอีกขั้นหนึ่งด้วย
ในขณะเดียวกันนี้ เยี่ยหวั่นหวันเพิ่งกลับถึงหอพัก
และก็ไม่รู้ว่าทำไม คืนนี้เธอรู้สึกว่าประโยค ‘ชอบแบบที่อยากจะมีอะไรกับคุณ’ ที่ตัวเองพูดออกไปโดยไม่ทันคิดมีความรู้สึกคุ้นเคยด้วยอย่างประหลาด เหมือนว่าก่อนหน้านี้เธอเคยพูดประโยคนี้เมื่อไรและพูดกับใครมาก่อน แต่คนคนนั้นไม่ใช่กู้เยว่เจ๋อแน่นอน เธอจำทุกคำพูดที่เธอเคยพูดกับกู้เยว่เจ๋อได้ทั้งหมด
แหวะๆๆ…พูดแบบนี้กับคนอื่นเขา แล้วยังลืมคนนั้นเสียสนิท ทำไมเธอถึงทำเรื่องแย่แบบนี้ได้!
เยี่ยหวั่นหวันขจัดความคิดเพ้อเจ้อในหัวออกไป กำลังเตรียมจะนอน อยู่ๆ เสียงมือถือก็ดังขึ้นมา เป็นสายเรียกเข้าของเจียงเยียนหราน
เยี่ยหวั่นหวันเลิกคิ้วเล็กน้อย ก่อนรับสาย “ฮัลโหล?”
เพิ่งจะรับสาย อีกฝั่งของมือถือก็มีเสียงร้อนใจของเจียงเยียนหรานดังขึ้นมาทันที “เยี่ยหวั่นหวัน! เธอห้ามลบกระทู้นะ! ฉันตกลงร่วมมือกับเธอ! เธอจะให้ร่วมมือยังไงก็ได้! ฉันต้องการให้ซ่งจื่อหังเสียใจว่าไม่ควรทำอย่างนั้น! ฉันต้องการให้เฉินเมิ่งฉีได้รับกรรมตามสนอง!”
จู่ๆ ท่าทีก็เปลี่ยนไปมากขนาดนี้เลย?
ดูเหมือนเฉินเมิ่งฉีจัดการซ่งจื่อหังได้แล้ว และให้เขาออกโรงช่วยล้างมลทินให้ด้วยตัวเองเลย…
“ไม่มีปัญหา” เยี่ยหวั่นหวันตอบกลับ
“ตอนนี้เธอรีบบอกฉันมา ควรทำยังไงดี!”
“ไม่ต้องรีบร้อน คุณหนูใหญ่ เธอมาที่ห้องฉันก่อน พวกเราค่อยๆ คุยกัน” เยี่ยหวั่นหวันเพิ่งพูดจบ ก็พบว่าคำพูดนี้ดูแปลกๆ เหมือนมีตรงไหนไม่ถูกต้อง
เหมือนบทละครพูดคลาสสิคที่ไร้กฎเกณฑ์ในวงการบันเทิง…
“ได้ ฉันจะไปเดี๋ยวนี้!” เจียงเยียนหรานไม่รู้อยู่แล้วว่าเยี่ยหวั่นหวันที่มีจิตวิญญาณผู้หญิงคุกรุ่นอยู่ในใจเริ่มเดินเกมแล้ว เธอตอบตกลงโดยไม่ลังเลเลย
……………………………………………