“เฟิงจือสิงหรือ คล้ายว่าข้าจะเคยได้ยินพวกเขาเอ่ยถึงมาก่อนแล้ว ได้ยินว่าเป็นอาจารย์ที่ยอดเยี่ยมมากทีเดียว” ซือหม่าโยวเล่อพูด “ในเมื่อเจ้าแน่ใจแล้ว เช่นนั้นก็จัดการตามนี้แหละ ข้าจะส่งเจ้ากลับก็แล้วกัน”
“ไม่ต้องหรอก ข้ากลับเองได้อยู่แล้ว ข้าไม่ใช่เด็กน้อยแล้วนะ ขอตัวก่อน!” ซือหม่าโยวเย่ว์พูดจบแล้วก็โบกไม้โบกมือไปทางเขาก่อนจะหมุนกายจากไป
ซือหม่าโยวเล่อมองเงาหลังของนางแล้วก็รู้สึกว่าหลังจากที่น้องชายผู้นี้ของตนถูกทำร้ายเมื่อคราวก่อนแล้วก็รู้เรื่องรู้ราวมากขึ้น และตอนนี้นางก็บำเพ็ญได้แล้วด้วย ไม่แน่ว่าอีกไม่นานก็จะตามตนได้ทันแล้ว อยากจะปกป้องนาง ตนก็ต้องพยายามมากขึ้นอีกจึงจะใช้ได้!
ซือหม่าโยวเย่ว์ไม่คุ้นเคยกับภายในวิทยาลัยนัก เธอเดินตามป้ายบอกทางไปจนถึงประตูใหญ่ของวิทยาลัย เมื่อเห็นผู้คนมากมายที่ทางเข้าวิทยาลัยจึงค่อยนึกขึ้นมาได้ว่าวันนี้เป็นวันทดสอบวันที่สองของวิทยาลัย
“คนต่อไป โอวหยางเฟย” อาจารย์ผู้ทำการทดสอบตะโกนไปทางฝูงชน
ขณะนี้เอง ชายคนหนึ่งก้าวออกมาตรงหน้าฝูงชนตามการร้องขอของอาจารย์ เขาวางมือลงบนลูกแก้วทรงกลม ซือหม่าโยวเย่ว์มองดูครู่หนึ่ง เมื่อโอวหยางเฟยปล่อยพลังวิญญาณเข้าไปในลูกแก้ว พลันลูกแก้วก็เปล่งประกายสีแดงและสีเขียวออกมา
“สวรรค์ สวรรค์เอ๋ย เป็นธาตุคู่ไม้ไฟเลยหรือนี่! คราวนี้ถึงกับมีปรมาจารย์วิญญาณธาตุคู่อยู่ด้วย! ช่างดีเหลือเกิน! ฮ่าๆๆๆ…” อาจารย์ผู้ทำการทดสอบเห็นปฏิกิริยาของลูกแก้วแล้วก็หัวเราะเสียงดังลั่นก่อนเอ่ยว่า “รีบไปบอกท่านอาจารย์ใหญ่เร็วเข้า คราวนี้พวกเราค้นพบปรมาจารย์วิญญาณทวิธาตุเข้าแล้ว! ”
หลังจากนั้นไม่นานก็มีคนมาที่นี่หลังจากได้ยินข่าว ซือหม่าโยวเย่ว์จำได้ว่าคล้ายจะเป็นผู้ดูแลสำนักงาน
“อยู่ที่ไหนกัน ปรมาจารย์วิญญาณธาตุคู่อยู่ที่ไหน” เมื่อผู้ดูแลมาถึงก็ถามอย่างตื่นเต้น เมื่อเห็นอาจารย์ชี้ไปทางโอวหยางเฟย เขาก็เดินเข้าไปหาพลางหัวเราะแหะๆ ก่อนจะลากตัวเขาเดินเข้าไปด้านในวิทยาลัย
ซือหม่าโยวเย่ว์เบ้ปาก ผู้ดูแลผู้นี้จะวางอำนาจเกินไปหน่อยแล้วหรือไม่! ก่อนหน้านี้ตอนเห็นว่าตนเป็นคนไร้ค่า ก็มิได้สนใจตนเลยแม้แต่น้อย ตอนนี้เห็นผู้มีพรสวรรค์ก็ยิ้มจนหน้าบานเป็นดอกทานตะวันแล้ว!
เพียงไม่นานอาจารย์ผู้ทำการทดสอบก็เรียกอีกคนหนึ่งมาแล้ว เธอดูอยู่หลายคนก็พบว่าการทดสอบที่เรียกกันนั้นก็คือการใช้ลูกแก้วทดสอบเท่านั้นเอง เวลาทดสอบก็ส่งพลังวิญญาณเข้าไปในลูกแก้ว ก็จะทดสอบธาตุของเขาออกมาได้ สีของลูกแก้วยิ่งเข้มก็แสดงว่าพรสวรรค์ยิ่งสูงส่ง ถ้าหากพบปรมาจารย์วิญญาณธาตุคู่อย่างเช่นโอวหยางเฟยนี้ก็ล้ำเลิศเหลือเกินแล้ว
แต่เธอได้ยินคนที่อยู่รอบๆ พูดว่าคราวนี้นอกจากเขาก็ไม่มีปรมาจารย์วิญญาณธาตุคู่คนอื่นๆ อีกแล้ว
ซือหม่าโยวเย่ว์ดูอยู่ครู่หนึ่งก็รู้สึกว่าไม่มีอะไรแปลกใหม่อีกแล้ว จึงเตรียมตัวจะจากไป เพิ่งเดินไปได้ไม่กี่ก้าวก็ได้ยินเสียงอุทานดังขึ้นมาจากด้านหลัง
“สวรรค์เอ๋ย เป็นปรมาจารย์วิญญาณไตรธาตุเชียวหรือนี่…”
“จริงด้วย ไตรธาตุจริงๆ เสียด้วย”
“พวกเรา พวกเราได้เห็นปรมาจารย์วิญญาณไตรธาตุแล้ว!”
คราวนี้ฝูงชนส่งเสียงดังสนั่นยิ่งกว่าเมื่อครู่เสียอีก ดังเสียจนคอหอยแทบจะระเบิดอยู่แล้ว วิทยาลัยอยู่มาหลายร้อยปีก็ยังไม่เคยมีปรมาจารย์วิญญาณไตรธาตุปรากฏตัวขึ้นมาก่อนเลย ก่อนหน้านี้อย่างมากที่สุดก็มีเพียงแค่ปรมาจารย์วิญญาณทวิธาตุปรากฏตัวขึ้นเท่านั้น
อาจารย์ผู้ทำการทดสอบแทบจะคลั่งอยู่แล้ว ปีนี้ไม่เพียงแต่มีผู้มีพรสวรรค์ทวิธาตุปรากฏตัวขึ้นเท่านั้น แต่ยังถึงกับมีไตรธาตุปรากฏตัวขึ้นอีกด้วย เขาอดหยิกตัวเองคราหนึ่งเพื่อพิสูจน์ว่านี่เป็นเรื่องจริงหรือไม่มิได้
ซือหม่าโยวเย่ว์หันไปก็มองเห็นเงาร่างโดดเดี่ยวที่มิได้สะทกสะท้านเพราะภาพเหตุการณ์อันร้อนระอุตรงหน้านี้เลย เธอยืนนิ่งอยู่ตรงหน้าลูกแก้ว มองดูผู้คนชื่นชมยินดีเพราะเธอเป็นเหตุ แต่ตัวเองกลับทำราวกับว่าตนเป็นคนนอก บนใบหน้าของนางไม่มีความหยิ่งยโส ไร้ความลำพองใจ มีเพียงความโดดเดี่ยวอันไร้ที่สิ้นสุดเท่านั้น ทั้งยังมีความแค้นที่ซ่อนเร้นเอาไว้เป็นอย่างดีอีกด้วย
เธอหันหน้ามามองราวกับสัมผัสได้ถึงการมองประเมินของซือหม่าโยวเย่ว์ เดิมทีคิดว่าคงจะเป็นสายตาอันบ้าคลั่งเช่นเดียวกัน แต่กลับไม่คิดว่าจะได้สานสบกับดวงตาบริสุทธิ์ใสกระจ่างคู่หนึ่ง
สองคนมองกันเช่นนี้อยู่เกือบครึ่งนาที หลังจากนั้นคนผู้นั้นก็หันหน้าไปมองอาจารย์ผู้ทำการทดสอบแล้วถามว่า “ขอถามหน่อยว่านี่ข้าผ่านแล้วใช่หรือไม่ ข้าเข้าไปได้แล้วหรือยัง”
“แน่นอน ผ่านแน่นอนอยู่แล้ว แต่ตอนนี้เจ้ายังเข้าไปไม่ได้หรอกนะ นักเรียนเอนกธาตุดังเช่นเจ้านี้ วิทยาลัยได้เตรียมการอย่างอื่นเอาไว้ให้แล้ว เจ้าต้องรออยู่ที่นี่สักครู่หนึ่ง อีกประเดี๋ยวก็จะมีอาจารย์มารับตัวเจ้าไปแล้ว” อาจารย์ผู้ทำการทดสอบพูด
“อ้อ” คนผู้นั้นส่งเสียงตอบรับเรียบๆ เมื่อหมุนกายหมายจะมองดูซือหม่าโยวเย่ว์อีกครั้งก็พบว่าเธอจากไปแล้ว เหลือเพียงเงาหลังให้ตนได้เห็นเท่านั้น
ซือหม่าโยวเย่ว์กลับไปยังจวนแม่ทัพ เดิมทีคิดจะตรงไปหาซือหม่าเลี่ย แต่พ่อบ้านบอกกับเธอว่าซือหม่าเลี่ยเข้าไปในวังเสียแล้ว เธอจึงกลับมายังเรือนเล็กของตนแล้วขังตัวเองอยู่ในห้องก่อนจะเปิดหนังสือขึ้นมา หลังจากที่อ่านหนังสือเล่มหนึ่งในนั้นจบแล้วจึงค่อยเริ่มต้นบำเพ็ญ
เมื่อคืนเธอรู้สึกว่าตัวเองดูเหมือนจะเริ่มเข้าที่เข้าทางแล้ว หากพยายามอีกสักหน่อย เชื่อว่าอีกไม่นานก็จะกลายเป็นปรมาจารย์วิญญาณที่แท้จริงได้แล้ว พอถึงเวลานั้นเธอก็จะหยดโลหิตแสดงความเป็นเจ้าของต่อแหวนประจำตระกูลวงนั้นได้ หลังจากนี้พอมีแหวนเก็บวัตถุแล้ว ตอนออกไปข้างนอกก็คงจะสะดวกสบายขึ้นไม่น้อยเลย
เธอได้สั่งอวิ๋นเย่ว์และชุนเจี้ยนเอาไว้แล้วว่าหากไม่มีเรื่องด่วนก็ห้ามรบกวนเธอ ส่วนประตูก็ถูกเธอลงกลอนไว้จากด้านใน ดังนั้นจึงไม่ต้องเป็นกังวลว่าจะมีคนเข้ามาขัดจังหวะตนในช่วงเวลานี้
ตอนแรกคือการเข้าสู่สถานะฌานสมาธิ ตอนนี้เธอต้องการเพียงแค่การนั่งสมาธิชั่วครู่ก็รับสัมผัสถึงปราณวิญญาณในบริเวณโดยรอบได้แล้ว
หนังสือเล่มที่เธออ่านเมื่อครู่นี้คือเล่มที่เธอหยิบออกมาโดยไม่เจตนา แต่ในนั้นพูดถึงว่าปรมาจารย์วิญญาณเอนกธาตุควรจะบำเพ็ญอย่างไรพอดิบพอดี
ซือหม่าโยวเย่ว์รวบรวมสมาธิทั้งหมดไปไว้บนจุดแสงสีแดง แล้วค่อยๆ เหนี่ยวนำพวกมันเข้าไปในร่างกายของตนเองอย่างช้าๆ หลังจากนั้นก็รวมเอาไว้ที่บริเวณท้องน้อยของตน ส่วนจุดแสงอื่นๆ นั้นถึงแม้ว่าจะกระโดดโลดเต้นอยู่รอบกายเธอ แต่กลับไม่อาจเข้าไปในร่างกายของเธอได้เช่นเดียวกันกับจุดแสงสีแดง
และในขณะเดียวกันนั้นเอง หีบที่อยู่ด้านข้างก็เปล่งประกายอันอ่อนโยนออกมาอีกครั้ง ช่วยให้เธอบำเพ็ญได้อย่างรวดเร็ว
หลังจากที่ซือหม่าเลี่ยกลับมาแล้วก็ได้ยินพ่อบ้านบอกว่าซือหม่าโยวเย่ว์มีเรื่องต้องการพบตน จึงได้มายังเรือนเล็กของเธอ เพิ่งเดินเข้าไปก็รู้สึกได้ถึงคลื่นพลังของการบำเพ็ญ จึงรู้ว่าซือหม่าโยวเย่ว์กำลังบำเพ็ญอยู่ ทั้งยังกำชับอวิ๋นเย่ว์ว่าห้ามมิให้ผู้ใดไปรบกวนนาง หลังจากนั้นก็กลับไป
ดูเหมือนว่าสิ่งที่เธอพูดจะเป็นความจริง เธอบำเพ็ญได้แล้วจริงๆ ด้วย…
ซือหม่าโยวเย่ว์บำเพ็ญอยู่ในห้องมาโดยตลอด บางทีเธออาจจะจมดิ่งเกินไป คราวนี้หลังจากใช้เวลาตลอดสองวันแล้วจึงค่อยตื่นขึ้นมา
“ปัง…” ซือหม่าโยวเย่ว์รู้สึกว่าร่างกายของตนสดชื่นตื่นตัว คล้ายกับมีผนังกั้นถูกทำลายลงอย่างไรอย่างนั้น พลังอันอบอุ่นสายหนึ่งไหลผ่านตลอดเส้นลมปราณไปยังอวัยวะทั่วร่าง หลังจากโคจรรอบหนึ่งแล้วก็กลับสู่บริเวณท้อง
ซือหม่าโยวเย่ว์ลืมตาอย่างยินดี มองเห็นร่างกายของตนถูกประกายกลุ่มหนึ่งโอบล้อมเอาไว้ ดาวดวงน้อยดวงหนึ่งเปล่งแสงระยิบระยับอยู่ภายในประกายนั้น
“ตอนนี้ข้าเป็นผู้ฝึกวิญญาณแล้ว ฮ่าๆ ดูท่าทางนี่จะเป็นเพราะหลังจากถอนพิษแล้วร่างกายบำเพ็ญได้จริงๆ เสียด้วย! เอ๊ะ นี่มันอะไรกัน”
คราวนี้ประกายในหีบไม่ได้จางหายไปหลังจากที่ซือหม่าโยวเย่ว์สิ้นสุดการบำเพ็ญเหมือนสองครั้งก่อนแล้ว แต่กลับเปล่งแสงหลากสีต่อไปโดยมีประกายแห่งการเลื่อนระดับของซือหม่าโยวเย่ว์ห่อหุ้มเอาไว้ หลังจากที่เธอได้สติกลับคืนมาจากความตื่นเต้นยินดีที่ได้เลื่อนระดับแล้วจึงค่อยสังเกตเห็นความแตกต่างไปจากปกตินี้
เธอยกหีบขึ้นมา ประกายแห่งการเลื่อนระดับเลือนหายไป ประกายอ่อนจางที่แผ่ออกมาจากหีบก็เลือนหายไปด้วย
เธอเปิดหีบออกอย่างสงสัยแล้วมองดูของสามสิ่งที่ไม่ได้มีความแตกต่างใดๆ ไปจากเดิมเลย
“ก็ไม่ได้มีอะไรผิดแปลกไปเลยนี่นา แล้วประกายเมื่อครู่นี้เปล่งออกมาจากของชิ้นไหนกันล่ะ”
……………………