ตอนที่ 21 รักษาพิษงู

แม่สาวเข็มเงิน

ตอนที่ 21 รักษาพิษงู

เจียงป่าวชิงถูจมูกเล็กน้อย นางพยายามทำให้พฤติกรรมของตนเองดูสอดคล้องกับเด็กผู้หญิงที่อายุเพียงเท่านี้ นางแสร้งทำท่าทางกลัวคนแปลกหน้าทันที จากนั้นก็พูดขึ้นเบา ๆ โดยหันหน้าไปพูดกับสาวใช้ “พี่สาวเจ้าคะ พี่ไม่ใช่คนแถวนี้ใช่ไหม ? คนในหมู่บ้านแถวนี้ล้วนมีวิธีรับมือกับพวกสัตว์มีพิษกันทั้งนั้น…”

ดวงตาของสาวใช้เป็นประกายทันที จากนั้นนางก็พูดอย่างร้อนรน “งั้นเจ้าก็รีบช่วยคุณหนูของข้าเร็วสิ ช่วยได้มีรางวัลให้… แต่ทำดี ๆ อย่าพลาดล่ะ ไม่อย่างนั้นข้าจะไม่ยกโทษให้เจ้าเด็ดขาด!” ในคำพูดนี้แฝงไปด้วยคำสั่งของผู้ที่อยู่เหนือกว่า

เจียงป่าวชิงส่งเสียงหัวเราะในใจ แต่บนใบหน้ากลับยังคงแสดงท่าทางหวาดกลัว “รู้แล้วเจ้าค่ะ ริมฝีปากของคุณหนูผู้นี้เริ่มเป็นสีเขียวแล้ว คงจะได้รับพิษงูเข้าแล้ว อย่างไรก็อย่าตื่นตระหนกกันและอย่าเดินไปเดินมานะ”

ใบหน้าของสาวใช้ตึงเครียดทันที

เจียงป่าวชิงนั่งยอง ๆ นางคลายผ้าเช็ดหน้าออกเล็กน้อยจะได้ไม่รัดเส้นโลหิตจนทำให้เกิดผลที่ไม่สามารถแก้ไขได้ จากนั้นนางก็ดึงแขนของเด็กผู้หญิงที่เป็นคุณหนูอย่างไม่ใส่ใจ และจับชีพจรของนางโดยไม่ทิ้งร่องรอยใด ๆ สุดท้ายนางก็แกล้งทำเป็นถามอย่างสงสัย “คุณหนูตัวน้อย งูที่กัดเจ้ามีลักษณะอย่างไรหรือ ? แล้วมันกัดเจ้าตรงไหน ?”

เด็กผู้หญิงคนนั้นครุ่นคิดสักครู่ น้ำเสียงของนางยังคงสั่นเล็กน้อย “มีสีแดงและสีดำที่หลัง… ตรงนั้น จู่ ๆ งูนั้นก็ออกมากัดข้าจากด้านหลังก้อนหิน…”

เจียงป่าวชิงรู้สึกโล่งใจ จากนั้นก็ชักมือกลับไปด้วยสีหน้านิ่ง ๆ

ชีพจรของเด็กผู้หญิงคนนี้ปกติดี แต่ก็ดูเหมือนจะแปลกไปเล็กน้อยซึ่งไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไร เมื่อได้ฟังคำบรรยายแบบนี้แล้ว ดูเหมือนว่าจะเป็นงูปล้องฉนวนที่กัดนาง

สำหรับงูปล้องฉนวน พิษของมันเบามาก แทบจะไม่ส่งผลกระทบต่อมนุษย์เลยด้วยซ้ำ

เจียงป่าวชิงมองสาวใช้ที่ริมฝีปากของนางเริ่มเป็นสีเขียวเล็กน้อย เกรงว่าสาวใช้คนนี้จะเป็นพวกที่ขาดภูมิคุ้มกัน และความไวต่อพิษของงูปล้องฉนวนของนางมากกว่าเด็กผู้หญิงคุณหนูคนนี้มาก เจียงป่าวชิงถือโอกาสจับชีพจรของสาวใช้ และมันก็เป็นอย่างที่นางคิด

เจียงป่าวชิงครุ่นคิดสักครู่ จากนั้นก็ลุกขึ้นหาอะไรบางอย่างแถวนี้  นางจำได้ว่าแถวนี้มีเสลดพังพอนงอกอยู่เป็นจำนวนมาก ซึ่งมันเป็นยาที่ดีสำหรับแก้การถูกงูมีพิษกัด

หาเจอแล้ว!

ดวงตาของเจียงป่าวชิงเป็นประกายทันที นางดึงใบของมันกลับมาจำนวนหนึ่ง ขณะเดียวกันเด็กผู้หญิงคุณหนูคนนั้นกับสาวใช้มองเจียงป่าวชิงด้วยสายตาแปลก ๆ

เจียงป่าวชิงส่งใบเสลดพังพอนให้สาวใช้ “นี่คือวิถีชาวบ้าน พี่กับคุณหนูกัดใบนี้ เคี้ยวกลืนแต่น้ำ แล้วคายกากออกมาพอกที่แผล ผ่านไปไม่นานก็จะดีขึ้น”

สาวใช้มองเจียงป่าวชิงอย่างสงสัย “หือ ? ง่ายเพียงนั้นเลยหรือ ?”

เจียงป่าวชิงอธิบาย “งูที่กัดคุณหนูของพี่จนได้รับบาดเจ็บ ที่นี่เราเรียกมันว่างูปล้องฉนวน พิษของงูปล้องฉนวนไม่ได้รุนแรง เพียงแต่ร่างกายของคุณหนูของพี่กับพี่อ่อนแอเล็กน้อย ถ้าเป็นคนวัยกลางคนที่แข็งแรงบึกบึน ใช้น้ำสะอาดล้างตรงบริเวณแผลก็ได้แล้ว… อ้อใช่แล้ว หลังจากที่กลับไป ทั้งสองคนก็อย่าลืมดื่มยาร้อนเพื่อขับพิษด้วย ดื่มสักสองสามวันก็จะดีขึ้นได้”

ไม่มีใครอยากให้ตัวเองเกิดอุบัติเหตุ ประกอบกับท่าทางซื่อสัตย์จริงใจของเจียงป่าวชิง ทำให้สาวใช้เหมือนหาเสาหลักเจอ  บนใบหน้าของนางเผยสีหน้าดีใจออกมาให้เห็น จากนั้นนางก็นำใบเสลดพังพอนใส่ปากและเคี้ยวจนละเอียด หลังจากเคี้ยวจนเป็นกากแล้ว นางก็นำไปพอกตรงบริเวณแผลที่โดนงูกัดของคุณหนูนางอย่างพิถีพิถัน

เจียงป่าวชิงกอดอกมองอยู่ด้านข้าง

เสลดพังพอนช่วยบรรเทาความเจ็บปวด และผลในการขับไล่เลือดหยุดนิ่ง อาการบวมนั้นก็ดีขึ้นอย่างยอดเยี่ยมมาก แล้วยิ่งบาดแผลของเด็กผู้หญิงคนนั้นไม่ได้รุนแรงอะไร บาดแผลจึงเหมือนจะดูดีขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ที่เห็นนางมีท่าทางเหมือนใกล้ตายนั้น ส่วนใหญ่คงจะเกิดจากความกลัวหลังจากที่ถูกงูกัดมากกว่า

หลังจากอุปสรรคทางจิตใจของนางสิ้นสุดลง ความโศกเศร้าบนใบหน้าของนางก็หายไปไม่น้อยเลย สีหน้าก็ดีขึ้นมากเช่นกัน เมื่อให้นางลองเดินดูสองสามก้าวก็ไม่มีปัญหาอะไรแล้ว

“จูฮัว ข้าไม่เป็นอะไรแล้ว!” เด็กผู้หญิงคนนั้นหันไปบอกกับสาวใช้อย่างตื่นเต้น

สาวใช้ที่ชื่อจูฮัวมีสีหน้าดีใจ “ทั้งหมดนี้เป็นเพราะความมีค่าในชีวิตของคุณหนู สวรรค์ถึงได้คุ้มครอง และทำให้เปลี่ยนเรื่องร้ายให้เป็นเรื่องดีอย่างไรล่ะเจ้าคะ… แต่เฮ้อ… คุณหนูต้องมาลำบากเช่นนี้  ข้าบอกแล้วว่าคุณหนูไม่จำเป็นต้องลำบากตัวเองเพื่อตามการเดินทางของคุณชายกงหรอกเจ้าค่ะ คุณหนูดูสิ ถ้าหากเจองูที่มีพิษร้ายแรงกว่านี้ พวกเราจะทำอย่างไรล่ะเจ้าคะ ?”

เด็กผู้หญิงคนนั้นพยักหน้าด้วยสีหน้าหวาดกลัว จากนั้นก็ทำปากแบนอย่างน้อยใจ “อืม… จูฮัว เจ้าจำทางกลับไปที่รถม้าของเราได้หรือไม่ล่ะ ?”

ในคำพูดของจูฮัวแฝงไปด้วยความภูมิใจเล็กน้อย “คุณหนูเจ้าคะ ตอนที่พวกเรามา ข้าได้ทำเครื่องหมายไว้แล้ว ตอนนี้คาดว่าอีกไม่นานพวกคนคุ้มกันก็คงจะมาหาเราที่นี่ เรากลับไปก่อนเถอะเจ้าค่ะ ไม่แน่เราอาจจะเจอกับพวกเขาครึ่งทางก็ได้”

ท่าทางของคุณหนูกับสาวใช้ราวกับได้ชีวิตใหม่ จูฮัวพยุงคุณหนูของนาง และกำลังจะไปจากที่นี่

“ช้าก่อน…” เจียงป่าวชิงที่อยู่ด้านข้างเรียกพวกนางไว้ “พวกเจ้าลืมอะไรไปหรือเปล่า ?”

ทั้งสองคนหันหน้ากลับมาอย่างพร้อมเพรียง สีหน้าของจูฮัวผู้เป็นสาวใช้มีความรำคาญแฝงอยู่เล็กน้อย “มีอะไร  เจ้ารีบพูดมาสิ!”

เจียงป่าวชิงไม่รู้สึกโกรธ นางยื่นมือออกไปด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม “ค่าตรวจของข้าล่ะ ?”

ราวกับจูฮัวได้ยินเรื่องอะไรบางอย่างที่ไร้สาระ นางจึงมองเจียงป่าวชิงด้วยสายตาดูถูกเล็กน้อย “ขอทานอย่างเจ้านี่หน้าด้านจริง ๆ เจ้าเป็นคนบอกเองว่างูปล้องฉนวนนั้นไม่ได้มีพิษอะไร ทำไมถึงยังมีหน้ายื่นมือออกมาเอาค่าตรวจได้อีก ?”

เจียงป่าวชิงยังคงยิ้มตาหยี “อ้อ… ที่แท้ตอนพวกเจ้าไปให้หมอยาตรวจตราเวลาไม่สบาย ถ้าหากว่าไม่ได้ป่วยหนักอะไร พวกเจ้าก็จะไม่ให้ค่าตอบแทนหมอยาอย่างนั้นสิ ?”

จูฮัวหน้าแดงกว่าเดิม นางมองเด็กสาวผมทองที่หน้าตาน่าเกลียดคนนี้อย่างโมโห  นางคือจูฮัว สาวใช้ที่ได้หน้ามากที่สุด เป็นผู้ที่คอยรับใช้เซยู่เสียผู้เป็นบุตรสาวหัวแก้วหัวแหวนของตระกูลเซ  ทว่าเวลานี้นางกลับมาถูกขอทานที่ใบหน้าบวมเป่งจนดูไม่เป็นผู้เป็นคนพูดถากถางใส่

จูฮัวสูดหายใจเข้าลึก ๆ จากนั้นนางก็เตือนตัวเองว่าจะต้องไม่ทำอะไรให้เสียมารยาทต่อหน้าคุณหนูของนาง  นางฝืนยิ้ม จากนั้นนางก็ค้นทองคำสองสามแผ่นออกมาจากในแขนเสื้อ และพูดกับเจียงป่าวชิงว่า “ก็ได้ เจ้ามาเอาไปสิ”

เจียงป่าวชิงไม่ได้ขยับ นางเห็นการเหยียดหยามที่ซ่อนไม่มิดบนใบหน้าของจูฮัวจึงส่งเสียงหัวเราะ และยกยิ้มมุมปากเล็กน้อย “ดูจากการแต่งตัวของคุณหนูของพี่แล้ว ข้ายังคิดว่าเป็นคุณหนูของตระกูลใหญ่เสียอีก คิดไม่ถึงว่าร่างกายที่มีค่าของคุณหนูจะมีค่าเพียงทองคำไม่กี่แผ่นนี้”

“ขอทานอย่างเจ้ามันน่าตีนัก!” จูฮัวถลึงตามองด้วยความโกรธเคือง นางอยากจะเข้าไปตบปากเจียงป่าวชิงใจจะขาด

คุณหนูของนางเป็นคนที่มีค่ามาก กลับมาถูกเจ้าขอทานนี้ทำให้อับอายขายหน้าเสียอย่างนั้น

นางคิดจะทำแบบนั้นจริง ๆ เพียงแต่จูฮัวเพิ่งก้าวเท้าออกไป และแขนของนางก็เพิ่งจะยกขึ้นเล็กน้อย แต่เซยู่เสียที่อยู่ด้านข้างกลับพูดขึ้นมาเสียก่อน “จูฮัว”

น้ำเสียงของนางไม่ได้แข็งกร้าวอะไร แต่ในคำพูดกลับมีความหมายสั่งให้หยุด

ทันใดนั้นจูฮัวก็หน้าแดงทันที จากนั้นนางก็พูดขึ้นอย่างไม่เต็มใจ “คุณหนูเจ้าคะ…”

ครั้งนี้ในน้ำเสียงของเซยู่เสียค่อนข้างแข็งกร้าวขึ้นเล็กน้อย “จูฮัว!”

จูฮัวผู้เป็นสาวใช้เก็บแขนของตัวเองด้วยความอับอาย นางกัดริมฝีปากเล็กน้อย จากนั้นก็ล้วงเศษเงินออกมาจากในแขนเสื้อ นางอยากจะโยนเศษเงินนั้นใส่เจียงป่าวชิงด้วยความเคียดแค้นเสียจริงเชียว แต่นางทำได้เพียงกัดฟันแน่นด้วยความเคียดแค้น นางกำเศษเงินนั้นไว้แน่น จากนั้นก็วางเศษเงินลงไปบนมือของเจียงป่าวชิงแรง ๆ และกัดฟันพูดออกมาทีละคำ “เอาค่าตรวจของเจ้าไป!”

เมื่อเจียงป่าวชิงได้เงิน นางก็ชักมือกลับ จากนั้นก็ยิ้มตาหยีเช่นเคย “ขอบคุณที่ใช้บริการเจ้าค่ะ”

จูฮัวแค้นใจจนแทบจะร้องไห้ออกมาอยู่แล้ว ‘เจ้าขอทานหน้าด้าน!’

ไม่นานนักน้ำเสียงนุ่มนวลของเซยู่เสียก็ดังขึ้น “จูฮัว เจ้าอย่าลดสถานะของตัวเองลงสิ”

คำพูดบางเบาเพียงหนึ่งประโยค กลับทำให้เจียงป่าวชิงต้องเลิกคิ้วขึ้น และหันไปมองเซยู่เสียผู้นั้น

เซยู่เสียยิ้มและพยักหน้าให้เจียงป่าวชิงเล็กน้อย

“ลาก่อน” นางกล่าวออกมาเพียงเท่านั้น

จูฮัวถลึงตาใส่เจียงป่าวชิง จากนั้นก็พยุงคุณหนูของนางเข้าไปในหุบเขาลึก

เมื่อเจียงป่าวชิงนึกถึงสีหน้าเมื่อสักครู่ของเซยู่เสีย นางก็รู้สึกขำ  ท่าทางเย่อหยิ่งและถือตัวในตอนนี้แตกต่างกับท่าทางที่หวาดกลัวความตายเมื่อสักครู่โดยสิ้นเชิง ช่างน่าสนใจจริง ๆ

แต่ เหอะ! จะไปสนใจนางทำไม ?

เจียงป่าวชิงโยนเศษเงินในมือเล่น และอดไม่ได้ที่จะผิวปาก

ความรู้เป็นเงินจริง ๆ!

เจียงป่าวชิงฮัมเพลง และเดินกลับไปตรงที่ขุดผักป่าเมื่อสักครู่ นางหยิบตะกร้าไม้ไผ่ที่ใช้ใส่ผักป่าขึ้นมา จากนั้นก็เดินกลับไปอย่างอารมณ์ดี แต่ที่นางไม่รู้คือหลังจากที่นางจากไปแล้ว ในส่วนลึกของป่ากลับมีคนที่แต่งตัวเหมือนองครักษ์เดินเข็นรถเข็นออกมา โดยมีชายหนุ่มในชุดจีนนั่งอยู่บนรถเข็นนั้น

เห็นได้ชัดว่าชายหนุ่มในชุดจีนคนนี้มีรูปโฉมงดงามไร้ที่ติและเขาไม่สามารถรูปงามไปมากกว่านี้ได้อีกแล้ว  ทว่าบริเวณระหว่างหน้าผากของเขากลับมีพลังขั้วลบที่ไม่สามารถกำจัดออกไปได้ จึงทำให้เขาดูมืดมนเล็กน้อย

องครักษ์รายงานเสียงเบา “คุณชายขอรับ ตอนนี้คุณหนูเซคงจะไปรวมตัวกับคนของนางอย่างปลอดภัยแล้วล่ะขอรับ”

ชายหนุ่มในชุดจีนหัวเราะอย่างเย็นชา น้ำเสียงของเขาทั้งชั่วร้ายทั้งไม่ใส่ใจ “ใครสนว่านางจะเป็นอย่างไร”

ดูเหมือนองครักษ์คนนั้นจะชินกับคำพูดของชายหนุ่มในชุดจีนแล้ว เขากระแอมไอเล็กน้อยขณะคิดในใจว่าคุณหนูนางอุตส่าห์หนีออกมาเพื่อตามคุณชายของเขา แต่คุณชายของเขากลับไร้ความปราณีเช่นนี้

เขาเข็นชายหนุ่มในชุดจีนกลับเข้าไปในป่า จากนั้นตามสายลมก็มีเสียงบทสนทนาดังขึ้นเบา ๆ “คุณชายขอรับ อันที่จริงหญิงขอทานเมื่อสักครู่ก็ดูน่าสนใจดีนะขอรับ”

“รีดไถเงิน ละโมบผลกำไร ทั้งหน้าตายังอัปลักษณ์อีกต่างหาก คนอัปลักษณ์แบบนี้มีทั่วทุกที่ เจ้าคิดว่านางน่าสนใจตรงไหนกัน ? เจ้าอย่าพูดจามากความดีกว่า”

“ขะ… ขอรับคุณชาย”