ตอนที่ 22 เซียนเว่ย

แม่สาวเข็มเงิน

ตอนที่ 22 เซียนเว่ย

เมื่อเจียงป่าวชิงออกมาจากในหุบเขาลึก นางก็กลับไปที่ชีหลี่โวทันที ทว่านางยังไม่ทันได้เข้าไปในหมู่บ้านก็ถูกเด็กซนตรงปากทางเข้าหมู่บ้านล้อมไว้เสียก่อน

“เจ้าปัญญาอ่อน ได้ยินมาว่าสมองของเจ้าหายดีแล้วรึ ?”

“ไอ้หยา! แล้วนี่เจ้าไปถูกใครตีมาล่ะ น่าสงสารจริง ๆ ฮ่า ๆ ๆ  เจ้าไม่ปัญญาอ่อนแล้วทำไมถึงยังถูกตีอยู่ล่ะ ?!”

“ไหนข้าขอดูหน่อยว่าในตะกร้าคืออะไร ? โอ้! ของประเภทนี้หมูมันยังไม่กินเลย เหตุใดเจ้าถึงน่าเวทนาแบบนี้ ?”

หนึ่งในนั้น คนที่หัวเราะเยาะได้อย่างน่าขันที่สุดก็ยังคงเป็นกางจื่อ เด็กที่ถูกเจียงป่าวชิงกดจุดฝังเข็มจนร้องไห้เสียงดังคนนั้น

เจียงป่าวชิงถอนหายใจเล็กน้อย  เด็กคนนี้เจ็บแล้วไม่จำแท้ ๆ

ด้วยนิสัยของเจียงป่าวชิง นางจึงคิดว่านี่เป็นเพียงคำพูดที่โบราณคร่ำครึ และนางก็ไม่อยากรู้จักกับเด็กแบบนี้สักเท่าไหร่ด้วย  แต่เด็กซนพวกนั้นผลักนางไปมาอย่างรุนแรง คนนี้ผลักเจียงป่าวชิงบ้าง คนนั้นกระชากเจียงป่าวชิงบ้าง และตอนที่เจียงป่าวชิงทนไม่ไหว กำลังจะระเบิดออกมา  จู่ ๆ ก็มีเสียงดังขึ้นข้างนอก “พวกเจ้ารังแกคนอื่นอีกแล้วนะ!”

พวกเด็กซนหันไปมอง จากนั้นก็พากันเอะอะโวยวาย “ซุนต้าหู เจ้าสงสารนางรึ ?”

“เจ้าไม่มีพ่อไม่มีแม่ เจ้าปัญญาอ่อนนี่ก็ไม่มีพ่อแม่เหมือนกัน ดูไปดูมาก็เหมาะสมกันดีหนิ” ซุนต้าหูพูดอย่างเผ็ดร้อน

“ฮ่า ๆ ๆ พูดจาอะไรของเจ้า เจ้าไม่กลัวว่าลูกเจ้าจะปัญญาอ่อนเหมือนกันรึ ?” กางจื่อตอบโต้

ชายหนุ่มที่ถูกเรียกว่าซุนต้าหูหน้าแดงและบึ้งตึง เขาทยอยขับไล่เด็กซนพวกนั้นไปทีละคน จากนั้นเขาก็เดินมาตรงหน้าเจียงป่าวชิงอย่างไม่เป็นธรรมชาติ ดวงตาก็มองใบหน้าที่มีรอยฟกช้ำของเจียงป่าวชิง สุดท้ายเขาก็กลั้นหายใจ “เหตุใดคนในบ้านเจ้าถึงลงมือได้โหดเหี้ยมเช่นนี้เล่า…?”

เจียงป่าวชิงมองซุนต้าหูคนนี้เล็กน้อย

ซุนต้าหูเกิดมาด้วยใบหน้าที่ดูเป็นคนไม่มีเล่ห์เหลี่ยมอะไร คิ้วหนาตาโต รูปร่างหน้าตาธรรมดาทั่วไป

ในความทรงจำของเจ้าของร่างเดิมมีชายหนุ่มที่ชื่อว่าซุนต้าหูอยู่ จำได้ราง ๆ ว่าตอนที่คนในหมู่บ้านรังแกนาง ซุนต้าหูคนนี้เคยช่วยนางไว้หลายครั้ง และเขามักจะถูกคนอื่นหัวเราะเยาะ บอกว่าแม้แต่ความสนใจของคนปัญญาอ่อนเขาก็ยังอยากได้ทำนองนั้น

ทุกครั้งที่ซุนต้าหูได้ยิน เขาก็จะหน้าแดงและมีท่าทางลำบากใจโดยที่ไม่สามารถพูดออกมาได้ แต่ในครั้งหน้า ๆ เพียงแค่เขาเห็นคนอื่นรังแกเจียงป่าวชิง เขาก็จะเข้าไปช่วยนางตามเดิม ถึงแม้ว่าตัวเองจะถูกต่อยก็ตาม

เขาเป็นคนดี…

เมื่อเจียงป่าวชิงได้ข้อสรุปในใจ นางก็ยิ้มให้ซุนต้าหูเล็กน้อย “ขอบคุณนะเจ้าคะพี่ต้าหู”

ทันใดนั้น ใบหน้าของซุนต้าหูก็ราวกับถูกรมควันด้วยไอร้อน เขาหน้าแดงลามไปถึงหู และไม่กล้ามองหน้าเจียงป่าวชิงสักเท่าไหร่

เจียงป่าวชิงยกมือขึ้นแตะแก้มข้างที่บวมเป็นหมั่นโถของตัวเองพลางรู้สึกผิดเล็กน้อย  นางผิดเองที่อยู่ในสภาพเช่นนี้แล้วยังออกมาทำให้คนอื่นตกใจ

ซุนต้าหูอ้ำอึ้งจนเกือบจะกัดลิ้นตัวเองอยู่รอมร่อ “เหมือน… เหมือนจะเกิดเรื่องขึ้นที่บ้านของเจ้า ตอนข้ามา ข้าเห็นคนมากมายกำลังล้อมดูอยู่ด้านนอก เจ้ารีบกลับไปดูเถอะ…”

เจียงป่าวชิงเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย  เกิดเรื่องขึ้นที่บ้านอย่างนั้นหรือ ?

นี่มันถือเป็นเรื่องดี!

นางโบกมือให้ซุนต้าหูช้า ๆ “ข้ารู้แล้ว ขอบคุณอีกครั้งนะเจ้าคะพี่ต้าหู”

ซุนต้าหูถึงกับหมุนตัวและวิ่งหนีไปทันที

เจียงป่าวชิงชะงักอยู่กับที่ จากนั้นนางก็แตะที่หน้าตัวเองอย่างลังเลใจ ‘อืม… ยังพอจินตนาการได้ว่าน่าเกลียดอยู่พอสมควร แต่มันน่าเกลียดถึงขนาดทำร้ายคนได้โดยไม่มีรูปแบบจริง ๆ หรือ ?’

วูบหนึ่งเจียงป่าวชิงรู้สึกว่าตัวเองได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย

ตอนที่ใกล้จะถึงบ้านตระกูลเจียง จากในหมู่บ้านมาที่นี่ก็ไกลอยู่พอสมควร เจียงป่าวชิงพบว่าเป็นเหมือนที่ซุนต้าหูพูดจริง ๆ  ด้านนอกรั้วบ้านตระกูลเจียงมีชาวบ้านจำนวนมากกำลังล้อมดูเรื่องสนุก ๆ บางอย่างอยู่

เกิดเรื่องอะไรที่ไม่ดีขึ้นอย่างนั้นรึ ?

เจียงป่าวชิงเดินเข้าไปใกล้ด้วยความรู้สึกสงสัย กว่านางจะมุดมาถึงด้านหน้าได้นั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย  นางเห็นพวกชาวบ้านไม่กล้าหายใจแรง และกำลังมองเข้าไปในลานบ้านตระกูลเจียงอย่างใจจดใจจ่อ

เจียงโหย่วฉายนอนหลับตาอยู่บนพื้นโคลนในลานบ้าน  มีหญิงชราที่มีขนนกอยู่บนหัวยืนอยู่ใกล้ ๆ นางสวมใส่ชุดที่ทำจากขนนก ในมือของนางถือกระดิ่งกับดาบไม้ไว้ และกำลังเต้นรำด้วยท่าทางแปลกประหลาดอยู่รอบตัวเจียงโหย่วฉายที่นอนอยู่บนพื้น ในปากของนางก็กำลังร่ายคำพูดที่เข้าใจยากออกมายาวเหยียด

กลางวันแสก ๆ เช่นนี้ เจียงป่าวชิงรู้สึกขนลุกกับคำพูดที่แปลกประหลาดและเข้าใจยากที่หลุดออกมาจากปากของหญิงชราผู้นี้

นางอดไม่ได้ที่จะลูบแขนของตัวเองเล็กน้อย

ชาวบ้านด้านข้างที่เหมือนรู้เรื่องอะไรมากำลังซุบซิบนินทาอยู่ตรงนั้น “ได้ยินมาว่าหลานรักของตระกูลเจียงเหมือนจะไปลบหลู่อะไรมา ถึงได้โดนของเข้าแบบนี้อย่างไรล่ะ”

“ใช่ ๆ ข้าได้ยินมาว่าเมื่อคืนพวกเขาไปเชิญแม่เฒ่ากัวมาที่นี่ แต่แม่เฒ่ากัวบอกว่าหมดหวังแล้ว และให้พวกเขาพาไปรักษาที่ในอำเภอแทน”

“ไอ้หยา… พอเช้าตรู่ก็ไปที่บ้านเซียนเว่ยเพื่อเชิญให้นางมาขับไล่สิ่งชั่วร้าย บางทีอาจจะอาการหนัก”

“ใช่ แต่แม่เฒ่าเซียนเว่ยผู้นี้เก่งกาจมาก ข้าได้ยินมาว่าหมู่บ้านข้าง ๆ มีคนโดนของ ก็ได้แม่เฒ่าเซียนเว่ยผู้นี้นี่แหละ คนผู้นั้นถึงสามารถรอดชีวิตมาได้”

เมื่อเจียงป่าวชิงได้ฟังคำพูดนั้น นางก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย เจียงโหย่วฉายกินต้มซี่โครงที่มีคุณภาพต่ำและถูกใส่ยาบางอย่างไปถึงได้โดนพิษเช่นนั้น หากว่าเป็นผู้ใหญ่ไม่ระบายออกมาก็อดทนให้มันผ่านไปก็ได้  แต่เด็กอย่างเจียงโหย่วฉาย เขายังโตไม่เต็มที่ เรื่องที่จะให้ระบายออกมานั้นจึงเป็นไปไม่ได้เลย  แต่ครั้นจะให้อดทนให้มันผ่านไปก็คงจะทรมานไม่น้อย

อันที่จริงให้เขากินยาระบายความร้อนกับขับถ่ายสารพิษก็ได้แล้ว… มัวแต่หาแม่เฒ่ามาเต้นระบำเทพ ช่างไม่สงสารต่อความทรมานของลูกหลานตัวเองเลยจริง ๆ

ทว่านี่ไม่มีความเกี่ยวข้องอะไรกับเจียงป่าวชิง

ถ้าหากให้ใช้คำพูดของเจียงป่าวชิงมาอธิบาย นี่ก็ถือว่าเป็นการหาเรื่องใส่ตัวเองล้วน ๆ

เจียงป่าวชิงเหลือบมองไปที่หน้าต่างห้องของเจียงต้ายา และนางก็มองเห็นใบหน้าครึ่งหนึ่งของเจียงต้ายากำลังซ่อนอยู่ใต้ขอบหน้าต่าง

ไม่รู้ว่าเจียงต้ายารู้หรือไม่ว่าเจียงป่าวชิงกำลังมองนางอยู่ นางถึงได้หวาดผวาและซ่อนตัวเองทั้งแบบนั้น

แม้คนอื่นไม่รู้ แต่เจียงต้ายารู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น และแม้ว่าจะเป็นเช่นนี้ เมื่อเห็นท่าทางของนาง เจียงป่าวชิงก็รู้แล้วว่านางไม่กล้าบอกต้นสายปลายเหตุให้คนในบ้านรับรู้

ช่างเป็นพี่น้องที่รักกันจริง ๆ

เจียงป่าวชิงเบะปาก

หญิงชราเซียนเว่ยผู้นั้นท่องคาถาพึมพำ นางเต้นระบำรอบตัวเจียงโหย่วฉายสักพัก จากนั้นนางก็หยิบถุงน้ำออกมาจากเอวและดื่มไปหนึ่งอึก  นางพูดในลำคอเป็นเวลานาน จากนั้นก็พ่นน้ำลงไปบนใบหน้าของเจียงโหย่วฉาย

เมื่อน้ำเย็น ๆ สาดใส่หน้า เจียงโหย่วฉายก็รู้สึกเหมือนกับโดนคนตบหน้า เขาชักกระตุกเล็กน้อย จากนั้นก็ลืมตาขึ้นทันที

หญิงชราเซียนเว่ยมีสีหน้ายากที่จะเข้าใจ น้ำเสียงของนางแหบแห้ง คงเป็นเพราะฟันหักไปหลายซี่ จึงทำให้คำพูดของนางฟังยากเล็กน้อย “ข้าได้เรียกวิญญาณกลับมาแล้ว”

หลีโผจื่อและโจซื่อที่อยู่ด้านข้างเกือบร้องไห้ออกมาเสียงดัง  พวกนางสองคนแทบจะกระโจนเข้าไปกอดเจียงโหย่วฉายที่นั่งตาแดงอยู่ทันที  ปากก็พูดแต่คำว่า ‘แก้วตาดวงใจ’ และมือก็ลูบคลำไปทั้งตัวของเจียงโหย่วฉายอย่างไม่หยุดหย่อน ราวกับว่าถ้าหากคลาดสายตาไปแม้แต่นิดเดียว เจียงโหย่วฉายก็จะบินจากไป

หญิงชราเซียนเว่ยส่งเสียงหัวเราะเล็กน้อย จากนั้นนางก็หยิบยันต์สีเหลืองจำนวนหนึ่งออกมาจากในหน้าอก “ทุกครั้งให้ละลายน้ำดื่มครั้งละหนึ่งแผ่น ดื่มสามครั้งต่อวันต่อเนื่องกันเป็นเวลาเจ็ดวัน มันจะคุ้มครองเขาไม่ให้เป็นอะไร”

เจียงป่าวชิงเบะปากต่อไป

ไม่ต้องรอถึงเจ็ดวัน อาการป่วยของเจียงโหย่วฉายก็จะหายไปก่อนแล้ว

หลีโผจื่อและโจซื่อทำสีหน้าดีใจราวกับได้รับยาวิเศษอะไรทำนองนั้น พวกนางขอบคุณเซียนเว่ยอย่างจริงจัง ในคำพูดก็เอาแต่ยกย่องเซียนเว่ยว่าเป็นเทพเจ้าที่มีชีวิตอยู่จริง

เซียนเว่ยหลุบตาลงเล็กน้อย “ข้าต้องลดอายุขัยของตัวเองถึงจะสามารถช่วยหลานชายของเจ้ากลับมาจากเทพเจ้าได้ ส่วนยันต์พวกนี้ ข้าก็ได้ปลุกเสกอิทธิฤทธิ์ของข้าลงไปด้วยเช่นกัน”

หลีโผจื่อยังคงอยากแสร้งทำเป็นไม่เข้าใจความหมายในคำพูดนั้นอยู่ แต่โจซื่อกลับรีบพูดขึ้นอย่างใจดีสู้เสือเสียก่อน “ใช่ ๆ ๆ ท่านแม่เฒ่าเซียนเว่ยลำบากแย่เลย ส่วนเรื่องค่าธูป เราจะจ่ายให้ตามจำนวนอย่างแน่นอน”

เซียนเว่ยพยักหน้าอย่างพึงพอใจ

หลีโผจื่อถลึงตาใส่โจซื่อทันที  แต่โจซื่อจึงรีบดึงแขนเสื้อของหลีโผจื่อและพูดขึ้นเสียงเบาว่า “ท่านแม่  ท่านแม่เฒ่าเซียนเว่ยสามารถขับไล่สิ่งชั่วร้ายบนร่างของพี่ฉายไปได้  หากเราไม่ทุ่มเทและไม่เชื่อในพลังของแม่เฒ่า ไม่แน่มันอาจจะวกกลับมาอีกก็ได้…”

มาถึงตรงนี้ หลีโผจื่อก็ตัวสั่น จากนั้นนางก็ไม่กล้าพูดอะไรอีก และท่าทีของนางที่มีต่อเซียนเว่ยก็ยิ่งทวีความเคารพมากขึ้น

คนของตระกูลเจียงนับถือเซียนเว่ยว่าเป็นแขกผู้มีเกียรติ และเชิญนางกลับไปที่บ้าน