ในขณะนี้ความเร็วในการทำงานของสมองของหลินเยียน ใช้พลังชีวิตของเธอไปเกือบทั้งหมด เธอสูดหายใจเข้าลึกๆ “ห…หล่อ!”
หลินเยียนรีบพูดต่อว่า “ราชาภาพยนตร์ก็ต้องหล่ออยู่แล้ว และเป็นถึงน้องชายแท้ๆ ของคุณเผย! จะไม่หล่อได้อย่างไร!”
เผยอวี้เฉิงได้ยินเช่นนี้ นัยน์ตาที่ไม่แสดงความรู้สึก ราวกับเผยรอยยิ้มอันยากจะสังเกตเห็น
ขณะนี้เองในที่สุดหลินเยียนก็ฉวยโอกาสถามขึ้น “เออ…ฉันขอถามหน่อยได้มั้ยว่า…เมื่อคืนฉันมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง? ฉันจำได้แม่นว่าฉันทานปิ้งย่างอยู่ข้างทาง…”
เผยหนานซวี่ได้ยินแบบนี้ก็แปลกใจมาก “เธอจำไม่ได้เหรอ?”
ก็เธอเป็นคนบอกให้เขาพามาที่นี่ไม่ใช่เหรอ?
หลินเยียนส่ายหน้าอย่างงุนงง “ฉันจำไม่ค่อยได้แล้วจริงๆ …”
ไม่รอให้เผยหนานซวี่ได้อ้าปากพูด เผยอวี้เฉิงก็พูดเสียงเรียบขึ้นมา “เธอเมาอยู่ข้างทาง เราถามที่อยู่เธอแล้วไม่ได้ความ เลยพาเธอมาที่นี่”
เผยหนานซวี่ไม่รู้ว่าทำไมพี่ชายใหญ่ต้องหลอกหลินเยียน แต่ในเมื่อพี่ชายใหญ่พูดแบบนี้ แน่นอนว่าเขาไม่มีทางเปิดโปง
ดังนั้นเผยหนานซวี่จึงพยักหน้าเสริมขึ้นโดยดี “ใช่”
ที่แท้ก็เป็นแบบนี้! น่าอายจริงๆ เลย!
“ขอบคุณ! ขอบคุณทั้งสองท่านมาก!” หลินเยียนรีบขอบคุณ
เผยอวี้เฉิงเป็นคนดีขนาดนี้ แต่เธอกลับทำแบบนั้นกับเขา ช่างโหดร้ายยิ่งกว่าสัตว์!
“เออ…” หลินเยียนยังมีอีกคำถามที่สำคัญกว่า จึงหันไปถามเผยหนานซวี่ “เออ ราชาภาพยนตร์เผย เมื่อคืนในงานเลี้ยงวันเกิดของหลินซูหย่า มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่? ทำไมฉัน…ฉันถึงออกมากับคุณได้…”
แม้หลินเยียนเองก็รู้ว่าการที่ตนถามคำถามนี้ดูแปลกมาก แต่เธอจำอะไรไม่ได้เลยจริงๆ …
ตามคาด พอเผยหนานซวี่ได้ยินคำถามนี้ สีหน้าก็ยิ่งทวีความแปลกใจ “ไม่ใช่เธอ…”
ขณะนี้เองเผยอวี้เฉิงที่อยู่ข้างๆ พลันค่อยๆ พูดขึ้น “น้องชายฉันเป็นคนมีน้ำใจ มีความสุขที่ได้ช่วยเหลือคนอื่น”
ห๊ะ?
เผยหนานซวี่ไม่รู้ว่าทำไมพี่ชายใหญ่ของตนจึงพูดเช่นนี้ แต่ในเมื่อเป็นคำพูดของพี่ชายใหญ่ ก็ย่อมเป็นสิ่งที่ถูกต้อง…
เผยหนานซวี่แค่นเสียงไอเบาๆ ที “คืออย่างนี้…”
เพราะฉะนั้นหลินเยียนจึงเริ่มปะติดปะต่อเรื่องราว จะต้องเป็นเพราะหลังจากตนบุกเข้าปในห้องจัดเลี้ยงแล้วถูกกลั่นแกล้ง เผยหนานซวี่อยู่ตรงนั้นพอดี จึงรวดช่วยเธอคลี่คลายสถานการณ์ แน่ๆ
สมแล้วที่เป็นเทพบุตรของเธอ!
เธอชอบคนไม่ผิดจริงๆ!
“ราชาภาพยนตร์เผย ขอบคุณ คุณมากจริงๆ!”
เผยหนานซวี่เหมือนจะพูดอะไร แต่สังเกตเห็นความเหลืออดที่แฝงอยู่ในสายตาของพี่ชายตนเสียก่อน
“คุณหลินไม่ต้องเกรงใจ แค่เรื่องเล็กน้อย ผมมีธุรต่อ ต้องขอตัวก่อน”
เผยหนานซวี่หาข้ออ้างลวกๆ แล้วถอยออกไป ไม่อยู่เป็นก้างขวางคอที่อันตรายอีก
หลังจากเผยหนานซวี่ออกไป หลินเยียนก็หันมองเผยอี้เฉิงพร้อมพูดว่า “คุณเผย ต้องขอบคุณจริงๆ ที่คุณช่วยฉันไว้ แต่ฉันกลับยังทรยศหักหลังคุณ ฉันหน้ามืดตามัวไปแล้วจริงๆ ถึงได้ล่วงเกินคุณ คราวหน้าฉันจะไม่ทำอีกแล้ว คุณโปรดให้อภัยฉันสักครั้ง…”
หลินเยียนพูดจบก็ค่อนข้างกังวล เพราะไม่รู้ว่าท่าทางของเผยอวี้เฉิงเป็นอย่างไร
ด้วยฐานะของเผยอวี้เฉิง ถ้าอยากสร้างความลำบากใจให้เธอ เธอไม่มีพลังที่จะโต้กลับอยู่แล้ว
ความจริงถ้าในสถานการณ์ปกติ ในฐานะที่เป็นผู้หญิง คนที่เสียเปรียบคือเธอ แต่ใครใช้ให้อีกฝ่ายเป็นเผยอวี้เฉิงล่ะ…
อย่างไรเรื่องนี้ก็เป็นเธอที่ได้เปรียบ
เผยอวี้เฉิงเห็นท่าทางที่กังวลและหวาดกลัวของหญิงสาวแล้วหัวเราะเบาๆ “เห็นแก่ที่คุณหลินยังทำไม่สำเร็จ จะให้อภัยเธอสักครั้ง”
“อะ…อะไรนะ…ไม่สำเร็จงั้นเหรอ?”
“ทำไม?” นัยน์ตาของเผยอวี้เฉิงเผยรอยยิ้ม “คุณหลินเหมือนจะ…เสียใจไม่น้อยสินะ?”