ตอนที่ 3 กายเทพมายา

คุณหนูสี่ สตรีเปื้อนเลือด

ตอนที่ 3 กายเทพมายา

ตระกูลฉินเป็นตระกูลใหญ่ พื้นที่ภายในจวนจึงกว้างขวางใหญ่โต สองแม่ลูกฉินอวี้โม่และอวี๋เสี่ยวอวิ๋นไม่ได้รับการเหลียวแลจากผู้นำตระกูลฉินมาหลายปีแล้ว ดังนั้นพื้นที่ส่วนตัวของพวกนางจึงตั้งอยู่ในจุดที่ห่างไกลจากเรือนใหญ่และหมู่เรือนอื่นๆ มาก

ส่วนที่เป็นลานกว้างของตระกูลอยู่ในบริเวณที่ใกล้กับเรือนเล็กที่ฮูหยินใหญ่ใช้พำนักกับบุตรสาว เหล่าบริวารและคนรับใช้ของพวกนางก็มีอยู่เพียงน้อยนิดทำให้ในส่วนนี้ไม่ค่อยมีผู้ใดผ่านไปผ่านมา ดังนั้นในตอนนี้ แม้ว่าฉินฉืออวี้จะร้องตะโกนอย่างไรก็ยังไม่มีผู้ใดมา

ยิ่งเมื่อมองเห็นรอยยิ้มเย้ยหยันระคนสมเพชของฉินอวี้โม่ รวมกับมือเท้าที่ไม่สามารถควบคุมได้ดังเดิมของตนเอง ใบหน้าของฉินฉืออวี้ก็ซีดเผือด

ในตอนนั้นเอง เสียงตะโกนดีใจเสียงหนึ่งก็ดังขึ้น สาวใช้ส่วนตัวของฉินอวี้โม่–เสี่ยวโร่วรีบรุดเข้ามาหา

“คุณหนู ท่านกลับมาแล้ว!”

เมื่อเห็นว่าคุณหนูของนางกลับมาแล้ว เสี่ยวโร่วก็รีบวิ่งมาหาด้วยความตื่นเต้นยินดี ก่อนหน้านี้นางเป็นกังวลและร้อนใจมาก นางไม่ทราบว่าเหตุใดวันนี้ตอนที่คุณหนูสี่ออกจากจวนไปจึงไม่เรียกนางออกไปด้วย เมื่อฮูหยินใหญ่ยังเห็นนางอยู่แต่ไม่พบบุตรสาวของตัวเองจึงใช้ให้นางออกไปตามหา

ทว่านางกลับหาฉินอวี้โม่ไม่พบ ในตอนที่กำลังกลับมารายงาน เสี่ยวโร่วก็เห็นคุณหนูของนางยืนอยู่ในลานกว้าง คนรับใช้สาวโล่งใจราวกับยกภูเขาออกจากอก

ทว่าเมื่อหันไปเห็นร่างของฉินฉืออวี้อยู่บนพื้น สีหน้าของเสี่ยวโร่วก็เปลี่ยนไปทันที นางวิ่งเข้ามายืนขวางหน้าฉินอวี้โม่ สาวใช้ผู้ซื่อสัตย์เอาตัวบังเจ้านายของตนไว้อย่างปกป้อง

“เสี่ยวโร่ว ส่งฉินฉืออวี้กลับไปที่เรือนของนางด้วย ถ้าหากฮูหยินรองเอ่ยถามอะไรมากความ เจ้าก็บอกให้นางมาถามข้าด้วยตัวเอง”

ฉินอวี้โม่สั่งสาวใช้ก่อนจะหันไปพยุงอวี๋เสี่ยวอวิ๋นให้ลุกขึ้น

“ท่านแม่กลับไปพักผ่อนก่อนเถิด ถ้าหากมีอะไรที่ท่านสงสัย ลูกขออธิบายให้ฟังในภายหลังนะเจ้าคะ”

ฉินอวี้โม่กล่าวกับมารดาประโยคหนึ่ง ก่อนจะค่อยๆ ประคองนางกลับเข้าเรือน

ขณะกำลังนั่งสมาธิอยู่บนเตียงนอน ฉินอวี้โม่ก็ควบคุมจิตสำนึกของตนเข้าสู่กาย นางใช้จิตสมาธิเพ่งพินิจทุกส่วนทั่วสรรพางค์กาย นาง..ไม่สิ..เธอต้องการสำรวจร่างกายของฉินอวี้โม่คนเก่า

เป็นตอนนี้เองที่เธอได้เห็นอย่างแจ่มชัดว่าร่างกายของคุณหนูสี่แห่งตระกูลฉินผู้นี้ยุ่งเหยิงเพียงใด ยิ่งกว่านั้นกายยังทั้งร้อนทั้งเย็นไร้ซึ่งความสมดุล หญิงสาวผู้เคยเป็นมือสังหารแห่งศตวรรษที่ 21 จึงอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วเข้าหากันอย่างขัดใจ

และทันทีที่นำจิตเข้าสู่จุดตันเถียน ฉินอวี้โม่ก็สัมผัสถึงแสงแพรวพราวที่พุ่งเข้าใส่ แสงนั้นสว่างเจิดจ้าจนเธอไม่สามารถมองได้และต้องหลับตาลง เมื่อหญิงสาวในห้วงจิตลืมตาขึ้นอีกครั้ง เธอก็ต้องพบว่าตอนนี้จิตของเธอไม่ได้อยู่ในจุดตันเถียนของฉินอวี้โม่อีกแล้ว

“ฮิ ฮิ ฮิ สาวน้อย ข้ารอเจ้าอยู่นานแล้ว!”

ทันใดนั้นเสียงนุ่มนวลเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นในขณะเดียวกันตรงหน้าของฉินอวี้โม่ก็ปรากฏเป็นเงามายาร่างหนึ่ง

แม้จะบอกได้ว่าเงาร่างนี้เป็นผู้หญิง แต่ฉินอวี้โม่กลับมองเห็นใบหน้าของนางได้ไม่ชัดนัก

“เธอเป็นใคร? แล้วตอนนี้ฉันอยู่ที่ไหน?”

ฉินอวี้โม่ถามอย่างใจเย็น เพราะในอดีตชาติเธอเป็นมือสังหารผู้เก่งกาจ ในสถานการณ์แบบนี้หญิงสาวจึงไม่มีอารมณ์ความหวาดกลัวใดๆ

“สาวน้อย เจ้าก็ยังอยู่ในตัวของเจ้า เพียงแต่เข้ามาอยู่ภายในผนึกที่ข้าเป็นผู้สร้างเอาไว้”

หญิงสาวผู้นั้นเปิดปากพูด น้ำเสียงของนางอู้อี้เล็กน้อย

“ผนึก?” ฉินอวี้โม่ครุ่นคิดอยู่ชั่วขณะ ก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “เป็นเพราะผลึกนี้สินะที่ทำให้ฉินอวี้โม่คนก่อนไม่สามารถฝึกฝนพลังยุทธ์ได้?”

“ฉลาดนี่สาวน้อย!”

หญิงสาวลึกลับเอ่ยชมจากใจก่อนกล่าวต่อ “สาวน้อย เจ้าอย่าถามอะไรให้มากความเลย ตอนนี้ข้ายังบอกเจ้าไม่ได้ ข้าบอกเจ้าได้เพียงแค่ว่า ‘ที่เจ้ามาอยู่ที่นี่ก็เพราะโชคชะตา หาใช่เหตุบังเอิญ’ ”

เมื่ออดีตนักฆ่าสาวได้ฟังคำกล่าวของหญิงสาวผู้นั้นก็ชะงักไปเล็กน้อย ‘ดูเหมือนเรื่องนี้จะมีเบื้องหลังไม่ธรรมดาบางอย่าง’

“ถ้างั้นฉันจะไม่ถามเรื่องนั้นก็แล้วกัน แต่ขอถามหน่อยว่า ทำไมเธอต้องลงผนึกนี้ไว้ในร่างของคุณหนูสี่คนนี้จนคนภายนอกคิดว่านางเป็นขยะไร้ค่าด้วย?”

ฉินอวี้โม่ถามสิ่งที่ตนสงสัยที่สุดในตอนนี้ออกไปตรง ๆ

“ฮิ ฮิ ฮิ ขยะไร้ค่ารึ? หึ หึ ฮะ ฮ่า ฮ่า ฮ่า ตลกเสียจริง”

จู่ ๆ หญิงสาวลึกลับก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาดังลั่น และเมื่อการหัวเราะยกใหญ่ผ่านไป นางก็สูดลมหายใจเข้าลึกครั้งหนึ่งเพื่อควบคุมสติก่อนจะพูดต่อ “สาวน้อย เป็นเพราะข้าลงผนึกนี้เอาไว้ถึงทำให้ฉินอวี้โม่มีชีวิตอยู่มาได้จนถึงวันนี้และทำให้เจ้ามาที่นี่ได้อย่างราบรื่น และเมื่อเจ้ามาอยู่ในที่แห่งนี้แล้ว ผนึกนี่ก็จะคลายตัวออกเอง สิ่งสำคัญที่ข้าอยากจะบอกเจ้าก็คือ ร่างกายนี้มิใช่ขยะไร้ค่า!

หลังจากฟังสิ่งที่หญิงสาวลึกลับอธิบายแล้ว ฉินอวี้โม่ก็ยังคงสับสนอยู่ เธอยอมรับว่าไม่ค่อยเข้าใจสิ่งที่ผู้หญิงตรงหน้าบอก คำพูดของสาวลึกลับผู้นี้เต็มไปด้วยปริศนาและดูเหมือนว่าจะมีความลับที่อยู่เบื้องหลังไม่น้อย

“สาวน้อยเจ้ารู้นามของดินแดนแห่งนี้หรือไม่?”

หญิงสาวลึกลับถามฉินอวี้โม่ด้วยรอยยิ้มใจดี

“ดินแดนหวนหลิง (ดินแดนมายา) ฉันรู้อยู่แล้ว” ฉินอวี้โม่ตอบเสียงนิ่ง เธอแทบจะหมดคำพูดไปในทันที เพราะรู้สึกว่าหญิงสาวลึกลับคนนี้กำลังถามคำถามที่ดูโง่ๆ

“ฮิ ฮิ เจ้าจำได้สินะ จำไว้ให้ดี เจ้ามิใช่ขยะไร้ค่าแต่เป็นสมบัติล้ำค่า สิ่งที่ข้าผนึกเอาไว้แท้จริงแล้วมันก็คือ ‘กายเทพมายา!’

หญิงสาวผู้ลึกลับเผยรอยยิ้มจริงจัง…. ทว่าทันใดนั้นเองแสงแพรวพราวเจิดจ้าก็พุ่งเข้าใส่ฉินอวี้โม่อีกครั้ง

ครั้งนี้ เมื่อฉินอวี้โม่ลืมตาขึ้น นางก็พบว่าจิตสำนึกของตนได้หลุดออกมานอกร่างกายเสียแล้ว

อย่างไรก็ตาม เสียงหวานๆ อันแผ่วเบาก็ยังดังขึ้นข้างหู

“สาวน้อยกายเทพมายาคือสิ่งมหัศจรรย์อย่างแท้จริง ตราบเท่าที่ความแข็งแกร่งของเจ้ายังคงพัฒนาไปทีละขั้น ผนึกที่ข้าวางเอาไว้ก็จะค่อยๆ คลายออกทีละน้อย….เรื่องกายเทพมายานี้ เจ้าจะต้องเก็บมันไว้เป็นความลับอย่าให้ผู้ใดล่วงรู้อย่างเด็ดขาด มิฉะนั้นข้ากลัวว่ามันจะนำพาเคราะห์ร้ายมาสู่ตัวเจ้า ข้อสงสัยทุกอย่างในใจเจ้าจะแก้ได้เองเมื่อเจ้าแข็งแกร่งถึงจุดหนึ่งแล้ว อย่าลืมล่ะจงเก็บความลับไว้ให้ดี ตอนนี้ข้าต้องไปแล้ว หากชะตาฟ้าลิขิต บางทีพวกเราอาจจะได้พบกันอีก… ”

‘กายเทพมายาคืออะไรกัน?’

หลังจากที่ฉินอวี้โม่ค้นลึกลงไปในความทรงจำของฉินอวี้โม่คนเก่าในที่สุดเธอก็พบข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับกายเทพมายา อย่างไรก็ตาม หลังจากที่เห็นข้อมูลนั้นแล้ว อดีตนักฆ่าสาวก็ได้แต่ตกตะลึง เธอเข้าใจในทันทีว่าทำไมหญิงสาวลึกลับผู้นั้นถึงได้ย้ำเตือนนักหนาให้เธอเก็บเรื่องกายเทพมายาไว้เป็นความลับ

— กายเทพมายายากที่จะพบได้ในดินแดนหวนหลิงแห่งนี้ และไม่มีปรากฏให้ได้พบเห็นมาเป็นเวลาหลายพันปีแล้ว ตำนานกล่าวไว้ว่าผู้ใดก็ตามที่มีกายเทพมายาจะสามารถเปลี่ยนแปลงเป็นตัวตนระดับสูงสุดในดินแดนมายาแห่งนี้ได้

‘เทพมายา’ ปรากฏตัวขึ้นครั้งแรกเมื่อหลายพันปีก่อน เอกลักษณ์ของนางก็คือนางมีร่างกายที่มหัศจรรย์ดั่งที่ผู้คนเรียกขานกันว่า ‘กายเทพมายา’   ทว่า จู่ๆ เทพีผู้มีกายมายาก็หายสาบสูญไปโดยไร้สาเหตุ ไร้ร่องรอยใดๆ หลังจากนั้นกายเทพมายาก็ไม่เคยปรากฏให้ผู้ใดได้พบเห็นอีกเลย —

…สืบเนื่องมาอีกหลายพันปีนับจากนั้น กายเทพมายาก็ปรากฏขึ้นอีกครั้ง แต่ครั้งนี้มันกลับปรากฏขึ้นในร่างขยะไร้ประโยชน์! ฉินอวี้โม่ถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน เรื่องราวในโลกใหม่ของเธอใบนี้มันช่างซับซ้อนและมหัศจรรย์มากเหลือเกิน

ทว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลามานั่งคร่ำครวญหรือทอดถอนใจ เธอในชาติก่อนตายไปแล้ว ในชาตินี้เธอคือคุณหนูสี่แห่งตระกูลฉิน จะโชคชะตานำพาฟ้าลิขิต เทพกำหนดอย่างที่ผู้หญิงลึกลับบอกหรืออะไรก็ช่าง ในเมื่อเข้ามามีชีวิตใหม่ในร่างกายนี้แล้ว เธอก็จะใช้ชีวิตของคุณหนูสี่ผู้นี้ให้ดีที่สุด เพื่อตัวเธอเองและเพื่อฉินอวี้โม่คนเดิมผู้ล่วงลับไปแล้วคนนั้นด้วย

ฉินอวี้โม่ผู้เป็นอดีตนักฆ่าสาวรู้ดีว่ามีความลับมากมายที่เธอต้องทำให้มันกระจ่าง และหากเชื่อตามคำพูดของผู้หญิงลึกลับคนนั้น ดูเหมือนหนทางเดียวที่มีอยู่ก็คือ…เธอจะต้องแข็งแกร่งขึ้นเพื่อค้นหามัน!

เมื่อนำพาจิตเข้าสู่กายอีกครั้ง ฉินอวี้โม่ก็รู้สึกว่าร่างกายนี้เปลี่ยนแปลงไป

อวัยวะภายในที่เคยปั่นป่วนยุ่งเหยิงเริ่มเข้าที่เข้าทางอย่างที่ควรจะเป็น ยิ่งกว่านั้นจู่ ๆ ร่างกายของเธอก็ปรากฏสิ่งที่เรียกว่า ‘พลังมายา’ ซึ่งเป็นสิ่งคนในยุคนี้ใช้มันในการฝึกฝนพลังหรือบ่มเพาะร่างกายขึ้นมาแล้ว! …และมันก็มิใช่น้อย ๆ เลยด้วย

เมื่อลองดูดซับพลังวิญญาณจากสิ่งแวดล้อมรอบกาย ฉินอวี้โม่ก็ต้องประหลาดใจที่พบว่าตัวของเธอดูดซับมันได้ด้วยอัตราเร็วที่น่าตกใจ!

“ฮ่าฮ่าฮ่า ไม่เบาเลยนี่ นี่สินะ กายเทพมายา”

ฉินอวี้โม่เผยรอยยิ้มร้ายกาจ….ก่อนจะชักนำจิตออกมาจากร่างกาย

ตอนนี้เธอมีความมั่นใจแล้วว่าจะทวงความเป็นธรรมกลับมาให้ฉินอวี้โม่คนก่อนได้ และยังมั่นอกมั่นใจอีกด้วยว่าในอีกไม่นานเธอจะต้องมีชื่อเสียงโด่งดังเป็นที่ยกย่องในดินแดนแห่งนี้!

หลังจากจัดแจงเปลี่ยนเสื้อผ้า แต่งเนื้อแต่งตัวด้วยชุดใหม่ที่สะอาดสะอ้านแล้ว ฉินอวี้โม่ก็ค้นพบว่าบาดแผลบนร่างกายกำลังสมานตัวเองอย่างช้าๆ ตอนนี้รอยขีดข่วนเล็กๆ หายไปจนหมด ส่วนบาดแผลที่ใหญ่กว่าก็ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

เมื่อได้มองดูตัวเองในกระจก อดีตสาวแห่งศตวรรษที่ 21 ก็ต้องยอมรับเลยว่าร่างใหม่ในตอนนี้ของเธอสวยงามแบบไร้ที่ติ คุณหนูสี่แห่งตระกูลฉินเป็นผู้หญิงที่สวยมากเลยทีเดียว

ซึ่งนี่ก็ถือว่าถูกใจเธอแล้ว เพราะถึงจะเป็นนักฆ่าแต่ฉินอวี้โม่ก็เป็นผู้หญิง ไม่ว่ายังไงก็ต้องรักสวยรักงามเป็นธรรมดา ถ้าติดสินบนสวรรค์เพื่อเลือกเกิดได้ไม่ว่าใครก็คงยอมจ่ายเพราะไม่มีหญิงสาวคนใดอยากเกิดใหม่ในร่างอัปลักษณ์…แบบนี้ถือว่าเธอโชคดีแล้ว

“ฉินอวี้โม่ ออกมาเดี๋ยวนี้!”

เพิ่งแต่งตัวเสร็จเพียงครู่เดียว ฉินอวี้โม่ก็ได้ยินเสียงเรียกดังลั่นจากนอกห้อง น้ำเสียงนั่นฟังดูก็รู้ว่าโกรธมากแค่ไหน*…ได้เวลาแล้วสิ!*

ฉินอวี้โม่ปรากฏรอยยิ้มเย็นๆ ขณะที่ผลักประตูออกไป