ผู้จัดการหวังตงหยางรู้สึกได้ถึงความสิ้นหวังเพิ่มพูนขึ้นมาทีละนิด มันราวกับเถาวัลย์กำลังเข้ามาบีบรัดหัวใจเอาไว้ เขาไม่คิดเลยว่าเรื่องราวจะลงเอยเช่นนี้ได้ เขาไม่เข้าใจว่าทำไมเด็กหนุ่มคนนี้ถึงรู้หลักการทำงานของปืน!!
วินาทีต่อมา เขารั้งเท้าถอยหลัง ฉวยโอกาสจะปลดเซฟตี้ปืน แต่เริ่นเสี่ยวซู่ไม่ปล่อยโอกาสให้เล็ดรอด พุ่งเข้าโจมตีใส่ซี่โครงของหวังตงหยาง ส่งปืนลอยหลุดมือเขาไป
หวังตงหยางไร้ที่พึ่งแล้ว เขานอนนิ่งอยู่กับพื้น กระอักเลือดออกมา พูดขึ้นว่า “ปล่อยฉันไป แล้วฉันจะบอกที่ซ่อนสมบัติของฉัน!”
“บอกฉันมาก่อนแล้วจะปล่อยนายไป” เริ่นเสี่ยวซู่เอ่ยเสียงนิ่ง
“คิดว่าฉันโง่มากเหรอไง” หวังตงหยางก็แค่เสนอไปอย่างนั้นแหละ เจ้าหนุ่มนี่จะปล่อยเขาไปได้อย่างไร ถ้าเริ่นเสี่ยวซู่ปล่อยเขาไปจริง เขายังจะรอดไปถึงเขตเมืองได้เหรอ และตามที่หวังตงหยางรู้คือ เริ่นเสี่ยวซู่ได้รับขนานนามว่า…เริ่นเสี่ยวซู่ผู้โหดเหี้ยม
“ปอดของนายโดนกระดูกหักแทงทะลุไปแล้ว จะกลับเมืองตอนนี้ไงก็ไม่ทัน” เริ่นเสี่ยวซู่หัวเราะ ถึงเขาอยากจะได้ของหวังตงหยางขนาดไหนก็เถอะนะ แต่ดูแล้วคนผู้นี้คงไม่มีทางบอกเขาแน่
เริ่นเสี่ยวซู่ไม่อยากเสียเวลาต่อ ไม่รู้ว่าเมื่อไรการสู้รบระหว่างพวกทหารกับฝูงหมาป่าจะจบลง ขืนยังมัวแต่เอ้อระเหยอยู่นี่อีก ไม่ว่าฝ่ายไหนจะมาถึงโรงงานได้ก่อน ก็ไม่ดีกับตัวเขาทั้งนั้น
เสียงของอาวุธแหลมคมกรีดเข้าเนื้อหนังดังลอยขึ้น เริ่นเสี่ยวซู่ใช้มีดกระดูกสร้างแผลปลอม เลียนแบบว่ามีกรงเล็บหมาป่าฟาดใส่อกของหวังตงหยาง เขารอจนกระทั่งสัญญาณชีพของหวังตงหยางหายไปแล้ว ค่อยหยิบปืนพกขึ้นมาแล้วเดินออกไป เริ่นเสี่ยวซู่หยิบซองกระสุนสองซองที่หวังตงหยางพกติดตัวไปด้วย
รวมแล้วมีกระสุนทั้งหมดสามสิบหกนัด
พอเริ่นเสี่ยวซู่ออกนอกโรงงาน ในนั้นก็ไม่มีใครเหลือรอดชีวิตอีก เริ่นเสี่ยวซู่หันมองแอ่งโลหิตตรงตัวอาคาร เบื้องหลังคือความมืดมิดทมิฬแห่งรัตติกาล นี่ละคือโลกที่เขาอาศัยอยู่
……
“พี่เป็นอะไรหรือเปล่า” พอเหยียนลิ่วหยวนเห็นเริ่นเสี่ยวซู่ยกม่านประตูขึ้นก็ปรี่เข้ามาเดินวนด้อมๆ มองๆ รอบตัวพี่ชาย หลังจากไม่เห็นรอยเลือดอะไรก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก
“ฉันสบายดี” ขณะมัดมีดกระดูกตัวเองเข้ากับตรงน่อง ก็ถามว่า “ตอนฉันออกไปในเมืองเกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า พวกทหารกลับมาหรือยัง”
“บางส่วนกลับมาแล้ว พวกเขาพาทหารนายที่บาดเจ็บกลับมาด้วย มีศพทหารคนอื่นและซากร่างของพวกหมาป่าอีก ได้ยินว่าพวกเขาตรงไปทางโรงงานต่อ” เหยียนลิ่วหยวนว่า
เริ่นเสี่ยวซู่ไม่คิดว่าเรื่องนี้ผิดแผกต่างจากปกติ ไม่ว่าพวกหมาป่าจะแข็งแกร่งขนาดไหน ก็ไม่มีทางที่จะสู้พวกทหารที่มีกำลังพลมากกว่าพวกมันหลายเท่าได้ แถมที่สำคัญไปกว่านั้นคือพวกทหารต่างมีอาวุธติดตัวด้วย
“พวกเขาเอาซากพวกหมาป่ากลับมากี่ตัว” เริ่นเสี่ยวซู่ถาม
“สามสิบกว่า” เหยียนลิ่วหยวนพูด “พี่ หมาป่าพวกนั้นตัวโคตรใหญ่เลย!”
เหยียนลิ่วหยวนเคยถามเริ่นเสี่ยวซู่ว่าหมาป่าตัวใหญ่ขนาดไหน เริ่นเสี่ยวซู่เพียงบอกว่าพวกมันตัว ‘ใหญ่มาก’ ส่วนจะตัว ‘ใหญ่มาก’ อย่างไรนั้น เหยียนลิ่วหยวนเพิ่งได้รับทราบก็วันนี้เอง
เริ่นเสี่ยวซู่ขมวดคิ้ว รู้สึกดีใจที่ตัวเองไม่อ้อยอิ่งอยู่ในโรงงานนานนัก ไม่งั้นคงได้ปะเข้ากับพวกทหารกองกำลังส่วนตัวที่มาถึงหลังจากนั้นไม่นานแน่นอน ดูเหมือนว่าพวกหมาป่าพอเห็นว่าตนเองซุ่มโจมตีไม่สำเร็จก็ล่าถอยกลับไป การสู้รบเลยไม่ได้ยื้อพวกทหารไว้นานอะไร
ถึงว่าทำไมขากลับจากอีกทางเขาถึงไม่ได้ยินเสียงกระสุนปืนอีก
แต่เจ้าพวกหมาป่ามันทั้งแข็งแกร่งทั้งฉลาดขึ้นเรื่อยๆ ถ้าพวกเขาปล่อยพวกหมาป่าไป รอบหน้าคนในเมืองอาจต้องโดนการโจมตีที่หนักหนากว่าเดิม
ทันใดนั้นข้างนอกก็มีเสียงดังโหวกเหวก เริ่นเสี่ยวซู่ยกม่านประตูขึ้นดูว่าเกิดอะไรขึ้น ก็เห็นเป็นกลุ่มทหารสิบนายขับรถออฟโรดกลับมาก่อน
นายทหารบนรถพูด “ใครก็ตามที่บอกได้ว่าวันนี้ใครออกจากเมืองไปบ้างจะได้รางวัลก้อนใหญ่!”
เริ่นเสี่ยวซู่ผงะ รู้ได้ทันทีว่าพวกเขากำลังตามหาตนเองอยู่!
พวกเขาต้องเข้าไปสำรวจในโรงงานแล้วแน่เลย เริ่นเสี่ยวซู่มั่นใจว่าคงไม่มีใครมองแผลปลอมของหวังตงหยางออกแน่ แต่ก็มีปัญหาร้ายแรงอยู่ข้อหนึ่งที่ยังแก้ไม่ตก…ปืนพกของหวังตงหยางหายไป!
หากมีคนลองเสาะหาร่องรอยจากปัญหานี้ละก็ คงจะสามารถเจอเบาะแสได้อย่างง่ายดาย ซึ่งเป็นเรื่องที่เริ่นเสี่ยวซู่หลีกเลี่ยงไม่ได้
“พี่” เหยียนลิ่วหยวนมองเริ่นเสี่ยวซู่อย่างกังวล
“ไม่เป็นไร” เริ่นเสี่ยวซู่ผลักหัวเหยียนลิ่วหยวนกลับไปในกระท่อม
เริ่นเสี่ยวซู่ลองนึกดูก็จำได้ว่าตอนออกจากเมืองนั้นตนไม่ได้ใช้เส้นทางหลัก ถ้าจำไม่ผิดนอกจากเหยียนลิ่วหยวนแล้วก็ไม่มีใครรู้อีกว่าตนออกจากเมืองไป
ทหารยืนกั้นอยู่หน้าทางเข้าเมือง หลังจากนั้นไม่นานทหารนายอื่นๆ ก็กลับเข้าเมืองมา คนในเมืองเฝ้ามองดูพวกเขา จากนั้นพวกทหารจากกองกำลังส่วนตัวก็เข้ามาค้นข้าวของของทุกบ้าน
พวกเขากำลังหา…ปืน
ทันใดนั้นก็มีเสียงคุ้นหูดังขึ้นมา “ฉันรู้ว่าใครออกไปกลางดึก”
เริ่นเสี่ยวซู่หันไปมอง ก็เห็นอวี่ถง หมอของคลินิกกำลังฉีกยิ้มมองเริ่นเสี่ยวซู่ เขายืนห่างออกไปไม่น้อย ราวกับกลัวว่าเริ่นเสี่ยวซู่จะกระโจนมาฆ่าเขาอย่างไรอย่างนั้น
นายทหารจากกองกำลังส่วนตัวเข้าไปถาม “ใคร”
“เป็นเขา เริ่นเสี่ยวซู่ ฉันเห็นเขาออกเมืองไปด้วยตาตัวเอง” อวี่ถงยิ้มเย่อหยิ่ง
เริ่นเสี่ยวซู่ไม่ปฏิเสธ ยอมรับออกมาตรงๆ “ก็ตอนนั้นเหอซงใช้ส้วมสาธารณะอยู่ ฉันเลยต้องออกไปปลดทุกข์ข้างนอก”
“ใครคือเหอซง เขาพูดจริงหรือเปล่า” นายทหารตะโกนถาม
เหอซงที่ยืนอยู่ไม่ไกล เผยสีหน้างุนงง จู่ๆ ตนเองก็มีเอี่ยวเฉยเลย เขาพูดเสียงอ่อนแรงว่า “จริง คืนนี้ฉันท้องเสีย มีหลายคนเป็นพยานได้…”
นายทหารหันกลับมามองเริ่นเสี่ยวซู่ แค่นเสียงพูด “ค้น”
พูดจบ หวังฟู่กุ้ยก็พุ่งออกมาก่อนที่ทหารจะเข้าไปค้นในกระท่อมของเริ่นเสี่ยวซู่ “เดี๋ยวก่อน ชนชั้นสูงคนหนึ่งในป้อมปราการสั่งให้ดูแลเขา นายจะทำแบบนี้กับเขาไม่ได้”
นายทหารนิ่งไป “หมายความว่ายังไง”
“เมื่อตอนบ่ายเถ้าแก่หลัว หลัวหลานจากในป้อมปราการสั่งเป็นพิเศษว่าให้ดูแลเขา เรื่องนี้แม้แต่เริ่นเสี่ยวซู่ยังไม่รู้เลย! ส่วนที่ว่าทำไมเถ้าแก่หลัวถึงทำแบบนี้ นายคงต้องไปถามเขาด้วยตัวเองแล้ว ฉันเปิดเผยให้นายรู้ไม่ได้หรอก” หวังฟู่กุ้ยพูดรัวเร็ว
“เถ้าแก่หลัว?” นายทหารประหลาดใจขึ้นมา ทุกคนเห็นอาการเขาก็บอกได้ทันทีว่าเขารู้จักเถ้าแก่ที่ชื่อหลัวหลานผู้นั้น แถมดูเหมือนว่าเถ้าแก่คนนี้จะไม่ธรรมดาในป้อมปราการเสียด้วย
นายทหารคิดพิจารณาอยู่พักหนึ่ง “ต่อให้เขาเป็นคนของเถ้าแก่หลัว พวกเราก็ยังต้องค้นอยู่ดี นี่เป็นเรื่องร้ายแรง คืนนี้ฉันจะไปขออภัยเถ้าแก่หลัวด้วยตัวเอง”
พูดจบพวกทหารก็พุ่งเข้าไปในกระท่อมของเริ่นเสี่ยวซู่ ค้นข้าวของเขาทั่วทุกตารางนิ้ว ทหารอีกสองนายเข้ามาค้นตัวเริ่นเสี่ยวซู่
สองนาทีให้หลัง เหล่าทหารต่างส่ายหน้า ค้นไม่เจออะไร
นายทหารมองหน้าเริ่นเสี่ยวซู่ “พาไปตรงจุดที่นายถ่าย”
เริ่นเสี่ยวซู่ขมวดคิ้วแน่น นำทางออกจากเมือง เขาไม่คิดเลยว่านายทหารผู้นี้จะกัดไม่ปล่อย ไม่ยอมพลาดไปแม้แต่รายละเอียดเดียวแบบนี้! เหยียนลิ่วหยวนที่อยู่ข้างหลังพยายามจะวิ่งเข้ามา เริ่นเสี่ยวซู่หันไปมองแล้วตวาดเสียงเข้ม “กลับเข้าไป!”
เหยียนลิ่วหยวนตาแดงก่ำ
เริ่นเสี่ยวซู่พานายทหารกับเหล่าพลทหารออกจากเมือง ชี้ไปยังอุจจาระกองหนึ่ง “ยังร้อนๆ อยู่เลย”
นายทหารเหลือบมอง และสั่งทหารที่เหลือไปค้นบ้านอื่นต่อ ไม่สนใจไยดีอะไรเริ่นเสี่ยวซู่อีก
เริ่นเสี่ยวซู่ถอนหายใจออกมายกใหญ่ โชคดีที่ตนเองเตรียมพร้อมเสร็จสรรพ ก่อนออกจากเมืองก็สำรวจรอบๆ และหาเหตุผลขากลับมาแล้ว นอกจากขุดหลุมฝังปืนนอกเมือง เขายังสร้างพยานหลักฐานสุดท้ายปกปิดคำโกหกของตน…ด้วยการอุจจาระนอกเมืองเสียตรงนั้นเลย
เขาหันกลับไปจ้องอวี่ถงที่ตามมาติดๆ อวี่ถงที่เห็นสายตาอำมหิตของเริ่นเสี่ยวซู่ก็ฉี่ราดกางเกงตัวเองทันที