เซี่ยยวี่หลัวคนเดิมอาจโดนเถียนเอ๋อกล่าววาจายั่วยุจนลงโทษจื่อเซวียน แต่นางในตอนนี้ย่อมไม่ทำ ไม่เพียงแค่ไม่ทำ นางยังค่อนข้างลำเอียงด้วยซ้ำ
นางแสร้งทำทีเป็นโมโห เดินขึ้นหน้าไปดึงเถียนเอ๋อ “พอดีเลย ท่านลองเข้าไปดูจื่อเมิ่งก่อน ดูว่าจื่อเมิ่งเป็นอย่างไรบ้าง!”
เถียนเอ๋อจะกล้าไปได้อย่างไร คอยหลบอยู่ตลอด นางจะเข้าไปทำไม
ต้าหมินของนาง…
เถียนเอ๋อกล่าวเกินจริงไปบ้าง ต้าหมินมีไข้เสียที่ไหน แค่มีอาการเซื่องซึม ไม่มีแก่ใจจะทำอะไรเท่านั้น
หากเซียวจื่อเมิ่งมีไข้จริง…
เด็กๆ เหล่านั้นเห็นกับตา ว่าต้าหมินเป็นคนแกล้ง หากเซี่ยยวี่หลัวให้นางชดใช้ค่ายาค่ารักษา…
“ท่านป้าเทียนเอ๋อ ข้าชักไม่เข้าใจท่านแล้วสิ!” เซี่ยยวี่หลัวเห็นว่านางไม่กล้าเข้าไปกับตนเอง ก็คาดเดาได้แล้ว ว่าเซียวต้าหมินไม่เป็นอะไรแน่นอน
จู่ๆ นางก็ขึ้นเสียงสูง กล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ “จื่อเมิ่งก็เป็นไข้ ท่านไม่ลองคิดดูบ้าง ว่าจะมีสักกี่คนที่ไม่กลัวงู ต้าหมินของท่านยังตกใจขนาดนั้น แล้วจื่อเมิ่งบ้านข้าที่เป็นเด็กผู้หญิงตัวน้อยอายุแค่หกขวบ อายุน้อยกว่าต้าหมินตั้งหลายปี จะตกใจน้อยกว่าต้าหมินเชียวหรือ?”
“จริงด้วย จื่อเมิ่งยังเป็นแค่เด็กน้อย ย่อมขี้กลัวกว่าต้าหมินมาก ท่านป้าเถียน ท่านรีบเข้าไปดูเร็ว ท่านต้องรับผิดชอบด้วย!”
“ข้า…” คราวนี้เถียนเอ๋อตระหนักแล้วว่าอะไรคือไม่ได้กำไรแล้วยังพาตัวเองมาตกอยู่ในที่นั่งลำบากอีก เซี่ยยวี่หลัวผู้นี้ ไม่น่าคบหาเลย
หรือว่าตนเองต้องตีต้าหมินจริงๆ?
เช่นนั้นมิสู้ฆ่านางเสียให้รู้แล้วรู้รอด ลูกรักที่ตัวเองคลอดออกมา คอยเฝ้าฟูมฟัก ประคบประหงมอย่างดี อย่าว่าแต่ตีเลย นางไม่เคยตำหนิแม้แต่คำเดียวด้วยซ้ำ!
“ข้ายังไม่ได้ไปบ้านท่านคิดบัญชีกับต้าหมิน ท่านกลับมาหาเรื่องถึงที่ ทำไม เห็นว่าจื่อเซวียนจื่อเมิ่งไม่มีพ่อแม่คอยปกป้อง คิดอยากรังแกก็รังแกได้งั้นหรือ?”
น้ำเสียงของเซี่ยยวี่หลัวใสกังวาน กล่าวด้วยใบหน้าเย็นเยียบ น้ำเสียงไม่มีความอบอุ่นแม้แต่น้อย ทั้งยังแฝงเร้นด้วยกลิ่นอายตำหนิ
เถียนเอ๋อรู้สึกหายใจไม่ทัน “เจ้า…” สุดท้ายก็กล่าวอะไรไม่ออก
ชาวบ้านที่มุงดูต่างพยักหน้าอย่างเห็นพ้อง
“จริงด้วย ท่านป้าเถียน ต้าหมินของท่านเป็นสมบัติล้ำค่า แล้วเห็นจื่อเซวียนจื่อเมิ่งเป็นหญ้าข้างทางหรืออย่างไร? ต้าหมินของท่านแกล้งคนอื่นก่อน ท่านไม่ให้ต้าหมินมาขอขมา ยังคิดสั่งสอนเซียวจื่อเซวียน แบบนี้ไม่มีเหตุผลเสียเลย!”
เซี่ยยวี่หลัวในวันนี้ช่างประหลาดนัก ถึงกับพูดแก้ต่างแทนเซียวจื่อเซวียน พระอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันตกเป็นแน่!
“ข้า…” เถียนเอ๋อกล่าวอะไรไม่ออก
เซี่ยยวี่หลัวส่งเสียงเย็นในลำคอ “ท่านป้าเทียนเอ๋อ ท่านอย่าได้ลืมคำพูดของท่านเมื่อครู่นี้ ว่าเด็กทำผิดก็ต้องตี ระวังตอนเด็กกลั่นแกล้งคน โตมาจะฆ่าคนวางเพลิงได้ เราอย่าบ่ายเบี่ยงกันอีกเลย ทำผิดก็ต้องลงโทษ ท่านว่าจริงไหม?”
“ใช่!” เถียนเอ๋อฟังตามวาจาของเซี่ยยวี่หลัว ก่อนขานตอบทันที
แต่หลังจากขานตอบ นางก็นึกเสียใจแล้ว
“ได้ ให้เซียวต้าหมินมาขอขมาจื่อเมิ่ง ขอโทษและโดนตีแล้ว ข้าค่อยไปขอขมาต้าหมิน แต่ท่านพ่อท่านแม่ของข้าจากโลกนี้ไปนานแล้ว ไม่มีใครสั่งสอนข้า… แต่ก็ไม่เป็นอะไร รอให้พี่ชายจื่อเซวียนกลับมา พี่ชายเขาย่อมสั่งสอนข้าเอง”
กว่าเซียวยวี่จะกลับมา ก็ต้องรออีกหลายเดือน
เถียนเอ๋อรู้ว่าครั้งนี้ตัวเองพลาดท่าแล้ว นางไม่มีทางพาต้าหมินมาขอขมาจื่อเมิ่ง และไม่มีทางตีต้าหมิน นางถลึงตามองเซี่ยยวี่หลัวทีหนึ่ง ประหลาดใจที่ปกติสตรีผู้นี้ดูแคลนครอบครัวสกุลเซียวมาตลอดไม่ใช่หรือ เหตุใดถึงปกป้องเซียวจื่อเซวียนถึงเพียงนี้ล่ะ!
พระอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันตกเป็นแน่
แต่นางก็ไม่กล้าถาม และไม่กล้าสืบ เพียงกล่าวพึมพำ “ช่างเถอะ ช่างเถอะ” จากนั้นจึงเดินแทรกออกจากกลุ่มคนที่มุงดู หนีไปอย่างรวดเร็ว
เซี่ยยวี่หลัวรีบตามไปสองก้าว ตะโกนเสียงดัง “ท่านป้าเทียนเอ๋อ ท่านรีบไปพาเซียวต้าหมินมาขอขมาล่ะ ข้าจะรอท่าน ต้องการไม้หวายหรือไม่? ข้าจะไปหาอันใหม่ให้ท่านเอง!”
เมื่อครู่เถียนเอ๋อเพียงสาวเท้าก้าวเดินอย่างรวดเร็ว เมื่อได้ยินวาจาของเซี่ยยวี่หลัว ก็รีบออกตัววิ่งทันที
ราวกับกลัวว่าหากตัวเองเดินช้าไปแม้แต่ก้าวเดียว ก็จะโดนเซี่ยยวี่หลัวจับกลับไปอย่างไรอย่างนั้น
เมื่อเถียนเอ๋อไปแล้ว กลุ่มเด็กที่เป็นพยานซึ่งมาพร้อมนางต่างก็แยกย้ายกันไป กลัวว่าหากตัวเองเดินช้าแล้วจะโดนเซี่ยยวี่หลัวตำหนิสั่งสอน ครั้งนี้พวกเขาตระหนักแล้วว่า เซี่ยยวี่หลัวผู้นี้หน้าตางดงาม แต่จิตใจชั่วร้ายเสียยิ่งกว่าอะไร
ขุดหลุมพรางใหญ่ขนาดนั้นรอท่านป้าเถียนเอ๋อ อ้อมค้อมไปมา สุดท้ายท่านป้าเถียนเอ๋อก็เหมือนขุดหลุมฝังตัวเอง
ชั่วร้าย ชั่วร้ายนัก!
เมื่อชาวบ้านที่มุงดูเห็นว่าเถียนเอ๋อพลาดท่า เซี่ยยวี่หลัวไม่เพียงไม่ได้ตีเซียวจื่อเซวียน กลับยังปกป้องเขา ต่างก็จ้องมองนางด้วยท่าทีสงสัย
เซี่ยยวี่หลัวรู้ว่ามีสายตาหลายคู่จ้องมองมาที่ตน เดิมทีนางคิดจะกล่าวทักทายเพื่อนบ้านเสียหน่อย แต่หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่งก็ไม่ได้ทำ หากทำตัวต่างจากเซี่ยยวี่หลัวคนเดิมมากเกินไปอาจทำให้คนจับพิรุธได้ ดังนั้นนางจึงเชิดหน้าขึ้น สายตามองตรง เดินกลับเข้าบ้านด้วยท่าทางเย่อหยิ่งท่ามกลางสายตาของทุกคนที่จ้องมอง ก่อนปิดประตูใหญ่เงียบๆ
แม่เจ้า นางร้ายนี่หยิ่งยโสและเย็นชาเกินไปแล้ว
จากนั้นชาวบ้านที่มุงดูจึงแยกย้ายกันไป
เพียงแต่เซียวหมิงจูที่หลบอยู่ไม่ห่างนักซึ่งแอบมองมาทางนี้คอยจ้องมองเซี่ยยวี่หลัวที่ทำตัวโดดเด่นด้วยความไม่พอใจ ผ้าเช็ดหน้าที่กำไว้ในมือ ถูกนางบีบจนแทบเปลี่ยนรูปร่าง
เซี่ยยวี่หลัวเข้าประตูบ้าน รีบเดินไปยังห้องของตัวเอง
เมื่อครู่นางและเซียวจื่อเมิ่งเล่นละคร ไม่ได้ให้เซียวจื่อเมิ่งปรากฏตัว ให้นางนอนอยู่บนเตียง “แสร้งทำทีเป็นป่วย”
และวาจาเมื่อครู่ของนาง เพียงแค่ต้องการทำให้เถียนเอ๋อคิดว่าเซียวจื่อเซวียนแกล้งเซียวต้าหมินจนตกใจจริง เพื่อหลอกล่อให้นางตกหลุมพรางเท่านั้น
ก่อนหน้านี้เซียวจื่อเมิ่งบอกนางว่า เถียนเอ๋อรักใคร่เอ็นดูบุตรชายของนางมาก มีหรือจะตีหรือด่าได้ลงคอ ดังนั้น นางจึงวางแผนซ้อนแผน
เซี่ยยวี่หลัวเดินเข้าไปในห้อง เซียวจื่อเซวียนที่เดิมทีนั่งอยู่ข้างเตียง เมื่อเห็นเซี่ยยวี่หลัวเข้ามา ก็รีบลุกขึ้น ถอยหลังสองก้าว
ส่วนเซียวจื่อเมิ่งหันมองเซี่ยยวี่หลัว ยังคงนอนอยู่บนเตียง ไม่กล่าวอะไรแม้แต่คำเดียว
เซี่ยยวี่หลัวยิ้มพร้อมกล่าว “เอาล่ะ คนไปแล้ว นางคงไม่มาหาเรื่องพวกเราแล้ว”
เซียวจื่อเซวียนเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย หันมองเซี่ยยวี่หลัว
ส่วนเซียวจื่อเมิ่งก็เปิดผ้านวมลุกขึ้นนั่ง กล่าวด้วยท่าทางตื่นเต้นดีใจ “พี่สะใภ้ใหญ่ ท่านเก่งกาจนัก”
เซี่ยยวี่หลัวลูบใบหน้าเซียวจื่อเมิ่ง “จื่อเมิ่งของข้าก็เก่งกาจ แสดงได้ไม่เลว แม้จะไม่ได้ออกโรง แต่เจ้าก็มีผลงาน!”
เซียวจื่อเมิ่งโอบคอเซี่ยยวี่หลัวไว้ พร้อมแย้มรอยยิ้มอ่อนหวาน
เซี่ยยวี่หลัวหยิบเสื้อผ้าที่วางไว้ข้างๆ มาสวมใส่ให้เซียวจื่อเมิ่ง เซียวจื่อเมิ่งกางแขน ปล่อยให้เซี่ยยวี่หลัวช่วยสวมเสื้อให้นาง
สวมเสื้อเสร็จแล้ว เซี่ยยวี่หลัวโน้มตัวลงช่วยสวมรองเท้าให้เซียวจื่อเมิ่งด้วยความใส่ใจ
ขณะทำสิ่งเหล่านี้ เซียวจื่อเมิ่งดูเป็นธรรมชาติมาก เซี่ยยวี่หลัวก็เป็นธรรมชาติมากเช่นกัน
เรื่องนี้ทำให้เซียวจื่อเซวียนรู้สึกผิดคาด
เขาออกจากบ้านไปแค่ช่วงบ่ายเท่านั้น ระหว่างนี้เกิดอะไรขึ้นกันแน่ ทำไมน้องสาวถึงชอบเซี่ยยวี่หลัวถึงเพียงนี้
ทว่า เซี่ยยวี่หลัวที่ตอนนี้ยกยิ้มเป็นประกาย เมื่อครู่อยู่ข้างนอกยังกล่าววาจาฉะฉานเพื่อปกป้องเขา เขาเองก็รู้สึก…
เซียวจื่อเซวียนกัดริมฝีปาก มองดูเซี่ยยวี่หลัวที่กำลังพูดคุยหยอกล้อกับจื่อเมิ่ง กำแพงแข็งกระด้างที่ขวางกั้นอยู่ภายในใจมาตลอด เหมือนกำลังค่อยๆ พังทลายลง