โจวเหว่ยชิงไม่กล้าทำตัวชักช้า เขารีบยกมือขึ้นมาต่อหน้าซ่างกวนปิงเอ๋อร์ หลังจากตรวจดูมณีธาตุบนข้อมือซ้ายของโจวเหว่ยชิงอย่างถี่ถ้วนแล้ว ซ่างกวนปิงเอ๋อร์ก็อดสั่นสะท้านไม่ได้ ดวงตาที่เคยเต็มไปด้วยความเกลียดชังนั้นดูราวกับตกอยู่ในภวังค์ “ไพฑูรย์…ไพฑูรย์…ตาแมว…สองสี มันคือไพฑูรย์ตาแมวสองสีจริงๆ!”
“ทำไมกัน? สวรรค์ทำไมต้องเล่นตลกกับข้าด้วย! ทำไมเจ้าบ้านี่ถึงมีไพฑูรย์ตาแมวสองสี!!” เธอพูดด้วยน้ำเสียงเย้ยหยันกับตนเอง
การเปลี่ยนหัวข้อสนทนาย่อมเป็นหนึ่งในวิธีที่ดีที่สุดในการระงับความโกรธ และโจวเหว่ยชิงก็รีบคว้าโอกาสนี้อย่างรวดเร็ว เขาถามเสียงเบา “ท่านผู้บัญชาการกองพัน ไพฑูรย์ตาแมวสองสีนี้คืออะไรหรือ? ทำไมข้าไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย?”
ซ่างกวนปิงเอ๋อร์พูดอย่างสับสน “ไพฑูรย์ตาแมวสองสีเป็นมณีที่พิเศษมาก มันจัดอยู่ในตระกูลเดียวกันกับไพฑูรย์สีทอง แต่ความพิเศษของมันคือ หากมันอยู่ภายใต้แสงอาทิตย์ มันจะมีสีเขียวอมน้ำเงิน ซึ่งนั่นควรจะเป็นสีที่งดงามที่สุดของหยกมรกต ทว่าภายใต้แสงเทียนหรือแสงโคมตอนกลางคืน มณีนี้จะมีสีแดงกุหลาบหรือสีแดงอมม่วง ดังนั้น มันจึงเป็นที่รู้จักกันในนาม “มรกตยามทิวา ทับทิมยามราตรี” ในบรรดามณีทั้งหมด มันคือมณีที่หายากที่สุด และถ้าไพฑูรย์สองสีนี้มีสัญลักษณ์ตาแมวพาดผ่านด้วย มันก็จะกลายเป็นไพฑูรย์ตาแมวสองสี ซึ่งเป็นอัญมณีที่มีค่าที่สุดในโลก และนั่นหมายถึงมันมีค่ามากกว่าเพชรถึงร้อยเท่า!!!”
โจวเหว่ยชิงไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับไพฑูรย์ตาแมวสองสีมาก่อน แต่เมื่อเขาตรวจดูอย่างละเอียดก็พบว่าสีของมัน กำลังค่อยๆ เปลี่ยนไปขณะที่ดวงอาทิตย์กำลังโผล่ขึ้นมานี่เอง สีน้ำเงินเข้มที่เขาเห็นก่อนหน้าก็กำลังค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีเขียว และสัญลักษณ์ตาแมวก็ดูจะชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ
“‘งั้นท่านหมายความว่า มณีธาตุของข้าเป็นไพฑูรย์ตาแมวสองสี? แล้วทักษะธาตุของมันคืออะไรล่ะ?” โจวเหว่ยชิงถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น ลืมแม้กระทั่งลูกศรที่จ่อลำคอของเขาอยู่
ซ่างกวนปิงเอ๋อร์ยังคงตกอยู่ในความสับสน เธอกล่าวว่า “ไพฑูรย์สองสีเป็นมณีธาตุที่สามารถเกิดขึ้นได้กับจ้าวมณีสวรรค์เท่านั้น นอกจากมันจะมีพลังและทักษะธาตุที่แข็งแกร่งมากกว่าปกติแล้ว มันก็ยังมีความเป็นไปได้อีกอย่าง ซึ่งนั่นก็คือการมีทักษะธาตุหลากหลายชนิดในคนๆ เดียว นั่นหมายถึง หากจ้าวมณีสวรรค์คนหนึ่งมีทักษะธาตุมากกว่า 2 ชนิดขึ้นไป ก็สัญนิษฐานได้ว่ามณีของเขาคือไพฑูรย์สองสีนั่นเอง”
โจวเหว่ยชิงกะพริบตา และกล่าวว่า “นั่นหมายความว่าข้าจะมีทักษะธาตุมากกว่า 2 ชนิดงั้นหรือ ? แล้วนั่นมันดีกว่าการมีทักษะธาตุเดียวอย่างไร?”
ซ่างกวนปิงเอ๋อร์เงยหน้าขึ้นช้าๆ ดวงตาที่สับสนของเธอก็หายไปแทนที่ด้วยท่าทางกรุ่นคิด เธอพลันส่ายหัว ลูกศรในมือของเธอขยับเล็กน้อย ความเจ็บปวดที่ลำคอนั้นสั่งให้เขาเงียบ โจวเหว่ยชิงพลันสั่นสะท้านด้วยความกลัว “ไม่ใช่ทักษะธาตุแค่ 2 ชนิด แต่มีเจ้ามีทักษะธาตุอย่างน้อย 4 ชนิด! ไพฑูรย์ตาแมวสองสีถือว่าเป็นมณีในตำนานสำหรับหมู่มณีธาตุ เมื่อมันปรากฏขึ้นย่อมหมายความว่าจ้าวมณีสวรรค์คนนั้นมีทักษะธาตุมากกว่า 4 ชนิดขึ้นไป…”
โจวเหว่ยชิงมองไปที่ซ่างกวนปิงเอ๋อร์อย่างมึนงง จากนั้นเขาก็เริ่มหัวเราะ “นี่ข้ากลายเป็นบุคคลในตำนานงั้นหรือ?!” เป็นเศษสวะมา 13 ปี แต่จู่ๆก็กลายเป็นจ้าวมณีสวรรค์ในตำนาน แม้ว่าเขาจะเพิ่งเผชิญหน้ากับความตายและการเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลัน จอมเจ้าเล่ห์คนนี้ก็ยังอดไม่ได้ที่จะภูมิใจในตนเอง
ตอนนี้ความรู้สึกของซ่างกวนปิงเอ๋อร์นั้นเต็มไปด้วยความสับสน แค่โจวเหว่ยชิงเป็นเพียงจ้าวมณีสวรรค์ธรรมดา เธอก็ไม่มีสิทธิ์จะฆ่าเขาแล้วด้วยซ้ำ
หลังจากที่เธอไล่ตามเขาออกมาจากกระโจม อารมณ์ของเธอก็ค่อยสงบลงบ้าง เห็นได้ชัดว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้เป็นเรื่องบังเอิญอย่างแท้จริง เมื่อวานตอนที่มณีสวรรค์ของโจวเหว่ยชิงตื่นขึ้น และเขากำลังต้องการเครื่องสังเวย จังหวะนั้นเธอกลับโผล่เข้าไปพอดี ขณะนั้นเธอรู้ว่าโจวเหว่ยชิงควบคุมตนเองไม่ได้ และผลที่ตามมาย่อมเป็นความตายของเธอ แต่อย่างไรก็ตาม เธอก็รอดชีวิตมาแล้ว นั่นหมายความว่าโจวเหว่ยชิงสามารถหยุดยั้งตนเองในวินาทีสุดท้าย นั่นทำให้เธอยังรอดชีวิตอยู่ในตอนนี้
เธอรู้ว่า แม้ว่าเขาจะทำผิดร้ายแรงต่อเธอ แต่เขาก็ไม่ได้มีสติควบคุมตัวขณะทำเช่นนั้นเนื่องจากถูกควบคุมโดยทักษะธาตุปีศาจขณะมณีสวรรค์ของเขาถูกปลุกขึ้นมา
แต่เธอจะปล่อยเรื่องนี้ไปอย่างนั้นหรือ? ซ่างกวนปิงเอ๋อร์ยังคงปล่อยวางเรื่องนี้ไม่ได้ และเธอก็จะไม่ปล่อยเรื่องนี้ไปด้วย! หญิงสาวคนใดไม่ใฝ่ฝันถึงความรักบ้าง? ตัวเธอเองนั้นมักจะวาดฝันเกี่ยวกับสามีในอนาคตของเธอว่าจะต้องเป็นเช่นไรบ้าง ต้องหล่อเหลา ถ่อมตัว สุภาพอ่อนโยน จิตใจดีงาม และหากเป็นจ้าวมณีสวรรค์ด้วยก็ย่อมดี ชายผู้นั้นต้องรักเธออย่างลึกซึ้ง ปฏิบัติต่อเธออย่างเคารพ และประคบประหงมเธอราวกับสิ่งมีค่า จากนั้นเธอก็จะมอบความบริสุทธิ์ของตนเองให้กับเขาในคืนวันแต่งงาน…
ทว่าในตอนนี้ฝันกลางวันทั้งหมดของเธอก็แตกสลายไปหมดสิ้นแล้ว! และความบริสุทธิ์ของเธอก็ถูกทำลายโดยไอ้เจ้าคนที่ดูหน้าตาซื่อๆ แต่ข้างในกลับกลิ้งกลอกเช่นนั้น ผู้ชายหน้าตาบ้านๆ อย่างเจ้าอ้วนน้อยโจว! นี่ยังไม่ต้องพูดเกี่ยวกับความรักระหว่างพวกเขาเลย มันไม่มีความรู้สึกพิศวาสใดๆ ทั้งสิ้น!
เธออยากจะทำเหมือนไม่สนใจทุกอย่าง และฆ่าเขาทิ้งไปซะ แต่หากว่าเธอว่าถ้าเธอทำเช่นนั้นลงไปจริงๆ เธอก็ย่อมจะต้องเสียใจภายหลัง ท้ายที่สุดแล้วเขาก็เป็นจ้าวมณีสวรรค์ และยังเป็นผู้ครอบครองไพฑูรย์ตาแมวสองสีในตำนานอีกด้วย!!! เพื่ออาณาจักรของเธอแล้วเธอจึงไม่สามารถฆ่าเขาได้ ยิ่งไปกว่านั้น ในอนาคตเขาอาจจะก้าวขึ้นเป็นหนึ่งในสุดยอดจ้าวมณีสวรรค์ หรือแม้กระทั่งอาจจะเป็นจ้าวมณีสวรรค์อันดับหนึ่งในแผ่นดินก็เป็นได้ เธอจะทำลายอนาคตของผู้มีพรสวรรค์เช่นนี้ได้อย่างไร?
ซ่างกวนปิงเอ๋อร์สูดหายใจเข้าลึก เธอพยายามสงบสติ และดึงลูกธนูออกมาอย่างรวดเร็ว จากนั้นเธอก็ตะโกนเสียงดัง “ไปซะ! ออกไปให้พ้นสายตาข้าเดี๋ยวนี้!”
เมื่อซ่างกวนปิงเอ๋อร์ปลดลูกธนูที่คุกคามเขาออกไปแล้ว โจวเหว่ยชิงรู้สึกเหมือนได้รับการให้อภัย “ข้าจะไปเดี๋ยวนี้แหละ!” ในขณะที่พูดเขาก็ชิงหนีไปแล้ว
“ไอ้คนเจ้าเล่ห์! กลับมาเดี๋ยวนี้นะ ข้าบอกให้เจ้ากลับไปที่กระโจม!!!” ซ่างกวนปิงเอ๋อร์เห็นว่าเจ้าอ้วนน้อยโจว กำลังพยายามจะหนีอีกครั้ง เธอจึงโกรธขึ้นมาอีก เธอปล่อยลูกเตะพลังออกไปสกัดเขาไว้ นั่นทำให้โจวเหว่ยชิงสะดุดเกือบจะล้มทันที แต่ทว่าการออกแรงเช่นนั้นย่อมทำให้ร่างกายส่วนล่างของเธอเจ็บขึ้นมาอย่างฉับพลันด้วย ไอ้เจ้าคนทุเรศนั่นดูเหมือนจะทำให้เธอโมโหได้ตลอดจริงๆ!
โจวเหว่ยชิงคอตกราวกับยอมรับความผิด “อย่าโกรธเลย… ข้ากลับไปที่ค่ายตอนนี้เลยดีหรือไม่? ข้าสัญญา ไม่ว่าท่านจะทุบตีข้ายังไงข้าก็จะไม่ต่อต้านเด็ดขาด!”
ระหว่างที่ซ่างกวนปิงเอ๋อร์ดึงลูกธนูกลับไปนั้น โจวเหว่ยชิงก็รู้สึกราวกับมีมีดมาแทงเข้าที่หัวใจของเขา นั่นทำให้เขารู้สึกปวดใจเป็นอย่างมาก
ซ่างกวนปิงเอ๋อร์จิตใจดีเกินไป แม้ว่าเขาจะทำเรื่องร้ายแรงกับเธอเช่นนั้น แต่เธอก็ยังคงไว้ชีวิตเขา…
ในขณะนั้น โจวเหว่ยชิงพลันค้นพบว่าตนเองตกหลุมรักซ่างกวนปิงเอ๋อร์เข้าเสียแล้ว!! หากบอกว่าก่อนหน้านี้เขารู้สึกว่าตนเองไม่คู่ควรกับเธอ ตอนนี้เด็กหนุ่มกลับไม่รู้สึกเช่นนั้นอีกแล้ว เพราะขณะนี้เขากลายเป็นเป็นจ้าวมณีสวรรค์ และยิ่งไปกว่านั้น ตนยังครอบครองไพฑูรย์ตาแมวสองสีในตำนานด้วย! โจวเหว่ยชิงเชื่อว่าหากเขาฝึกฝนอย่างหนัก วันหนึ่งเขาจะคู่ควรกับเธอ และเด็กหนุ่มสาบานในใจเงียบๆ ว่าจะดูแลเธอเป็นอย่างดี
แน่นอน ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม สมองของโจวเหว่ยชิงก็มักจะมีความคิดเจ้าเล่ห์ปะปนอยู่เสมอ ในขณะที่กำลังคิดใคร่ครวญอย่างลึกซึ้งอยู่นั้น เขาก็พลันเกิดความคิดอีกอย่างขึ้นมาเช่นกัน หากวันหนึ่งข้าพาซ่างกวนปิงเอ๋อร์ที่กลายเป็นภรรยาข้าไปพบกับบิดา สงสัยนักว่าบิดาที่ไม่เคยยิ้มแย้มนั้นจะแสดงสีหน้าตกใจแบบไหนออกมา? คงจะตลกน่าดูเชียว ฮิฮิ!
เมื่อเห็นโจวเหว่ยชิงมองมาด้วยความรู้สึกราวกับสงสาร ความรู้สึกของซ่างกวนปิงเอ๋อร์ก็พังทลายราวกับเขื่อนแตก เธอทรุดลงนั่ง ลูกศรในมือร่วงหลุดลงไปกับพื้น จากนั้นก็กอดเข่าร้องไห้สะอึกสะอื้นเสียงดัง เธอยังไม่ได้เป็นผู้ใหญ่เต็มตัวด้วยซ้ำ เหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนและการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เช่นนี้ทำให้เธอรู้สึกว่าตนนั้นทนรับไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว จากนั้นเธอจึงร้องไห้โฮออกมา
โจวเหว่ยชิงยังไม่ได้เดินไปไกลนัก เมื่อได้ยินเสียงร้องของซ่างกวนปิงเอ๋อร์ เขาก็พลันหยุดชะงัก จากนั้นเขาจึงเดินกลับไปหาเธออย่างระมัดระวัง หยิบลูกธนูขึ้นมาแล้วโยนมันทิ้งไป ก่อนที่จะนั่งยองๆ ข้างๆ เธออย่างระมัดระวัง เด็กหนุ่มไม่รู้ว่าจะปลอบใจเธอได้อย่างไร ดังนั้นจึงทำได้แค่นั่งอยู่ข้างๆ ในขณะเดียวกันนั้น โจวเหว่ยชิงก็กำลังคิดกับตัวเองว่า ซ่างกวนปิงเอ๋อร์สมควรได้รับการขนานนามว่าเป็นผู้ที่งดงามที่สุดในอาณาจักรจริงๆ! เพราะว่าแม้แต่ตอนที่เธอกำลังร้องไห้อยู่ เธอก็ยังดูงดงามมาก!!!
………………………………………………………………