“แต่ว่า…”
“ข้าคิดว่าที่คุณหนูห้าตระกูลกู้พูดมาก็มีเหตุผล การพนันคราวนี้องค์หญิงอย่างข้าจะต้องเป็นผู้ชนะแน่นอน ไม่เห็นมีอะไรต้องกลัว”
พูดจบนางก็หยิบพู่กันขึ้นมาลงนาม
กู้ชูหลานกลัวว่ากู้ชูหน่วนจะนึกเสียใจทีหลังจึงรีบบอกให้นางลงนาม กู้ชูหน่วนจ้องมองพู่กันที่นางส่งมาให้อยู่นาน ในที่สุดก็เลือกที่จะประทับรอยนิ้วมือลงไปแทน
ทุกคนหัวเราะครื้นเครงขึ้นมาอีกครั้ง
“แม้แต่ชื่อตัวเองยังเขียนไม่ได้ ยังคิดจะไปแข่งเข้ารอบชิงชนะเลิศอีก ฝันกลางวันชัดๆ”
“นี่ ถ้าต้องตกอยู่ในเงื้อมมือขององค์หญิงตังตังสู้ตายเสียยังจะดีกว่า จะได้ไม่ต้องทนทุกข์”
หลิ่วเย่ว์และคนอื่นๆ เกลี้ยกล่อมทว่ากลับไม่เป็นผล ดังนั้นจึงได้แต่กังวล เหตุใดวันนี้ลูกพี่เซี่ยวอวี่เซวียนของพวกเขาจึงมาช้าเช่นนี้
ทุกคนคิดว่ากู้ชูหน่วนจะต้องแพ้แน่ๆ มีเพียงกู้ชูอวิ๋นเท่านั้นที่ยังนึกสงสัยอยู่ในใจ
นางไม่ได้จะเกลี้ยกล่อมองค์หญิงตังตังจริงๆ เพียงแต่แสดงความเห็นไปเท่านั้น
องค์หญิงตังตังยิ้มอย่างลำพองใจ “ถ้าเจ้าแพ้ ข้าจะให้เจ้าตบตัวเองห้าร้อยครั้งที่หน้าประตูสำนักศึกษาวังหลวง แล้วข้าจะส่งเจ้าไปที่สนามประลองให้เจ้าเล่นเกมกับสัตว์ร้าย แล้วข้าก็จะ…”
“องค์หญิง ไว้รอท่านชนะก่อนค่อยคุยโม้ดีหรือไม่ ถ้าหากท่านแพ้ขึ้นมาเล่า ระวังจะเสียหน้าแย่นะ”
“ข้าจะแพ้ได้อย่างไร”
“เอาน่า ถ้าเรียกว่าเสด็จอาให้ฟังสักหน่อย ข้าอาจจะลดจำนวนเงินลงหน่อยก็ได้”
องค์หญิงตังตังขึ้นเสียงอย่างโกรธเคือง “กู้ชูหน่วน”
“ว่าไง ข้าอยู่นี่”
“เจ้า… ฮึ่ม รอให้ข้าชนะก่อนเถิด คอยดูว่าข้าจะทรมานเจ้าอย่างไร”
องค์หญิงตังตังข่มกลั้นความโกรธเอาไว้และเดินฮึ่มฮั่มเข้าไปในสำนักศึกษา
กู้ชูหลานยิ้มเยาะ “ทำตัวเองเอง สมน้ำหน้า”
กู้ชูหน่วนขวางทางนางไว้พลางลูบคางตัวเอง เอ่ยยิ้มๆ ว่า “น้องห้า ดูเหมือนเจ้าจะมีความคิดเห็นต่อข้าลึกซึ้งมาก”
ไร้สาระ ความเห็นของนางจะไม่ลึกซึ้งได้อย่างไร
ถ้าไม่ใช่เพราะนาง นางคงไม่สูญเสียความบริสุทธิ์ ซย่าอวี่ซึ่งเป็นมือขวาของอี๋เหนียงก็คงไม่ตายอย่างชอกช้ำ นางมีบัญชีมากมายหลายเรื่องที่ต้องมาคิดกับกู้ชูหน่วน
“ถ้าเช่นนั้นเรามาพนันกันสักทีไหมล่ะ”
“พนันยังไง”
“เจ้าเป็นเพียงแค่บุตรีของอนุ ถึงอย่างไรก็คงไม่ได้มีเงินมากนัก พนันแค่สองแสนตำลึงก็พอ ถ้าข้าชนะ เจ้าต้องจ่ายเงินให้ข้าสองแสนตำลึง”
กู้ชูหลานแทบจะกระอักเลือด
แม้ว่านางจะเป็นเพียงลูกของอนุภรรยา แต่สถานะภายในจวนของนางยังสูงกว่าบุตรีของฮูหยินใหญ่ไม่รู้ตั้งกี่เท่า
แต่ว่าสองแสนตำลึง…
ต่อให้เอาทั้งจวนอัครเสนาบดีมารวมกันก็เกรงว่าคงไม่ถึงสองแสนตำลึงด้วยซ้ำ
ไม่ใช่ว่าตั้งใจจะทำให้นางอับอายขายหน้าหรอกหรือ
หรือนางจะรู้ว่าท่านตามอบทรัพย์สมบัติทั้งหมดให้นางดูแล ดังนั้นจึงจงใจพูดถึงเงินสองแสนตำลึง?
กู้ชูหลานยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่าเป็นไปได้ ไม่อย่างนั้นนางซึ่งเป็นเพียงลูกของอนุภรรยา ต่อให้ได้รับความโปรดปรานก็จริง แต่นางจะหาเงินสองแสนตำลึงได้จากที่ไหน
ทุกคนคิดว่ากู้ชูหน่วนบ้าไปแล้ว
บุตรของอนุภรรยาคนหนึ่งจะหาเงินสองแสนตำลึงมาจากที่ไหน อย่าว่าแต่นางจะไม่มี คนอื่นๆ ณ ที่แห่งนี้เองก็ไม่มีทางลงมือหาเงินสองแสนตำลึงมาได้ง่ายๆ
กู้ชูหน่วนกะพริบตาปริบๆ อย่างไร้เดียงสา “ถ้าไม่กล้าอย่างข้าก็ไม่เป็นไร ข้าเองก็ไม่คิดจะสู้กับคนขี้ขลาดอยู่แล้ว”
“เจ้าว่าใครขี้ขลาด”
“ใครไม่กล้าสู้ก็คนนั้นละ”
“แล้วถ้าเจ้าแพ้ล่ะ จะให้เงินสองแสนตำลึงแก่ข้าด้วยหรือไม่”
“ข้าไม่มีทางแพ้”
“ฮึ ถ้าเจ้าแพ้ ข้าจะตัดมือตัดขาเจ้าทิ้ง”
“ได้ซี่ คำพูดก็แค่ลมปาก มาลงชื่อเป็นหลักฐานดีกว่า เผื่อเจ้าปัดความรับผิดชอบไม่ยอมให้เงินสองแสนตำลึงแก่ข้า อ้อ อีกอย่างนะ เวลาเขียนหลักฐานอย่าลืมเขียนว่าเป็นการเดิมพันกับพระชายาหานล่ะ”