ทุกคนต่างตกตะลึงอ้าปากค้าง
นางพูดว่าอะไรนะ
นางกล้าต่อสู้กับอสูรงูเหลือมทองคำนั่นจริงหรือ
นี่ไม่ได้เรียกว่ากล้าหาญ แต่นี่นางเสียสติไปแล้วต่างหาก!
อย่าว่าแต่นางเลย ต่อให้เป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นที่สาม หากต้องการปราบเจ้างูเหลือมทองสัตว์อสูรระดับสามนี่ให้อยู่หมัดเพียงลำพัง ก็ไม่แน่ว่าจะสำเร็จหรือไม่!
นี่นางไม่ต้องการมีชีวิตอยู่ต่อแล้วใช่หรือไม่!
“เยว่เอ๋อร์!”
ฉู่หนิงตื่นตระหนกแล้วรีบดึงแขนเสื้อฉู่หลิวเยว่เอาไว้
“อสูรงูเหลือมทองคำตัวนี้ดุร้ายมาก และร้ายกาจยิ่งกว่าสัตว์อสูรระดับสามทั่วไป ลูกจะ…”
แต่ฉู่หลิวเยว่กลับมองเขาด้วยรอยยิ้ม
“ท่านพ่อ วางใจ”
เพียงคำพูดแค่สี่คำ แต่กลับทำให้ฉู่หนิงคลายความวิตกกังวลได้อย่างน่าอัศจรรย์ใจ
ดูเหมือนนางจะมีพลังเวทมนตร์บางอย่างที่สามารถทำให้ผู้อื่นเชื่อคำพูดของนางโดยไม่รู้ตัว
นางบอกให้เขาวางใจ เช่นนั้นแล้วนางจะต้องไม่เป็นอะไรแน่นอน!
ฉู่หนิงขยับปากเพื่อต้องการพูดอะไรสักอย่าง
เขาพอจะเดาออกว่าชีพจรเดิมในร่างกายของผู้เป็นบุตรสาวได้รับการฟื้นฟูโดยสมบูรณ์แล้ว หรือบางทีนางอาจจะเริ่มต้นฝึกพลังยุทธ์แล้วก็เป็นได้ แต่เพียงระยะเวลาอันแสนสั้น นางจะสามารถต่อสู้กับสัตว์อสูรระดับสามได้อย่างไร
หลังจากที่ใคร่ครวญในใจแล้ว ในที่สุดฉู่หนิงก็กลืนคำพูดเหล่านั้นลงไป และทำได้เพียงพยักหน้าให้นางอย่างหนักแน่น
“พ่อเชื่อลูก”
ฉู่หลิวเยว่รู้สึกอุ่นวาบในใจ
ความรู้สึกของการได้รับความเชื่อใจโดยไม่มีข้อแม้นั้น ช่างทำให้เกิดความมั่นใจได้มากที่สุด
แน่นอนว่าหรงเจินไม่ยอมปล่อยโอกาสนี้ให้หลุดมือ นางจึงรีบเอ่ยขึ้น
“นี่ก็ถือว่าเจ้าตกปากรับคำเอง! ไม่ว่าผลจะออกมาเป็นเช่นไร ก็ไม่เกี่ยวข้องกับข้า!”
ฉู่หลิวเยว่แอบประชดในใจ
การกระทำไร้ยางอายต่อหน้าธารกำนัลเช่นนี้ คนธรรมดาก็ไม่สามารถทำได้
จักรพรรดิจยาเหวินลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แล้วหันไปสบตากับฮองเฮา
ฮองเฮาส่ายพระพักตร์เบาๆ แล้วตรัสด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล
“ฝ่าบาท ถึงอย่างไรเรื่องนี้ก็มีส่วนเกี่ยวข้องกับหน้าตาของราชวงศ์ ให้นางได้รับบทเรียนสักหน่อยแล้วส่งคนลงไปคุ้มครองนาง ดีหรือไม่เพคะ”
จักรพรรดิจยาเหวินเห็นด้วยอย่างยิ่งจึงส่งทหารไปคอยคุ้มกันด้านข้าง หากพบว่ามีเหตุการณ์ไม่ชอบมาพากลจะได้รีบช่วยชีวิตฉู่หลิวเยว่ทันที
กระนั้นทุกคนก็ยังคงมองในแง่ร้ายอยู่ดี
กระทำการเช่นนี้ก็เท่ากับว่าส่งฉู่หลิวเยว่ให้ไปตาย!
หรงเจินยิ้มด้วยความสาแก่ใจ ในขณะที่นางกำลังหันกลับไปยังที่ประทับของตนเองอยู่นั้น ก็กลับถูกฉู่หลิวเยว่เรียกเพื่อรั้งนางเอาไว้”
“ช้าก่อนองค์หญิงสี่”
หรงเจินหันหลังไปอย่างช่วยไม่ได้
“ยังมีเรื่องอะไรอีก”
“องค์หญิงสี่พระราชทานของขวัญชิ้นใหญ่ให้เช่นนี้ ฉู่หลิวเยว่รู้สึกซาบซึ้งในน้ำพระทัยยิ่งนัก ดังนั้นหม่อมฉันจึงได้เตรียมของขวัญตอบแทนหนึ่งชิ้น อีกประเดี๋ยวหม่อมฉันจะนำถวาย องค์หญิงสี่โปรดรับเอาไว้ด้วยนะเพคะ”
หรงเจินหัวเราะเยาะแล้วเอ่ยขึ้นด้วยความเหยียดหยาม
“น้ำหน้าอย่างเจ้า…ก็ได้ เดี๋ยวเจ้าค่อยเอามาให้ข้าก็แล้วกัน!”
แค่คนไร้ค่าที่ถูกตระกูลทอดทิ้ง จะมีสิ่งของอะไรดีมาให้ข้าได้เล่า น่าขำชำมัด!
นางเดินกลับไปหาหรงจิ้นแล้วขยิบตาให้อย่างมีชัย
มุมปากของหรงจิ้นยกยิ้มเล็กน้อยแล้วส่งสายตามั่นใจให้กับนาง จากนั้นก็เก็บสีหน้าระรื่นกลับไป
ใจกลางตำหนักใหญ่จึงเหลือเพียงฉู่หลิวเยว่กับอสูรงูเหลือมทองขำที่ถูกขังในกรงดำขนาดใหญ่
ฉู่หลิวเยว่เยื้องกรายเข้าไปหยุดอยู่ตรงหน้าอสูรงูเหลือมทองคำ
คนหนึ่งคนกับสัตว์อสูตรหนึ่งตัวกำลังประจันหน้ากัน
“ไม่ดูสารรูปตัวเอง”
ฉู่เซียนหมิ่นพอจะคลายความโมโหลงบ้างเมื่อเห็นเหตุการณ์เป็นเยี่ยงนี้
ไม่ต้องให้นางลงมือเอง ก็มีคนมาจัดการฉู่หลิวเยว่แทนนางแล้ว!
ตอนนี้ทุกคนต่างเงียบสงบโดยไม่รู้ตัว
…
เดิมทีอสูรงูเหลือมทองคำตัวนี้ก็มีนิสัยดุร้ายอยู่แล้ว ประกอบกับการที่หรงเจินได้มันมาโดยมิได้พึ่งความสามารถจริงๆ ของตน แต่กลับใช้วิธีดักล้อมแล้วฉวยโอกาสจับมันมา
อีกอย่าง หลายวันมานี้หรงเจินจงใจปล่อยให้มันหิวโซ เจ้างูเหลือมทองคำตัวนี้หงุดหงิดเต็มทีแล้วพร้อมระเบิดได้ทุกเมื่อ!
มันดุร้ายและอันตรายกว่าอสูรงูเหลือมทองคำทั่วไปเสียอีก!
ตอนแรกหรงเจินตั้งใจจะสั่งสอนและแกล้งหยอกอสูรงูเหลือมทองคำตัวนี้สักหน่อย แต่วันนี้นางได้ยินเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับหรงจิ้นพอดี และยิ่งทราบว่าฉู่หลิวเยว่จะได้มาร่วมงานเลี้ยงค่ำคืนนี้ นางจึงให้คนนำมันเข้ามาโดยเฉพาะ
คราวนี้แหละ ก็จะเป็นการสั่งสอนฉู่หลิวเยว่แทน!
ฉู่หลิวเยว่มองปราดหนึ่งก็รู้แล้วว่าหรงเจินจงใจเล่นงานนาง
“แฮ่ๆ!”
เมื่ออสูรงูเหลือมทองคำสัมผัสได้ถึงลมหายใจของฉู่หลิวเยว่ มันก็ยิ่งเกิดความบ้าคลั่ง และแววตาก็เต็มไปด้วยสัญชาตญาณต่อต้าน
ฉู่หลิวเยว่ประสานมือระหว่างอกอย่างเคารพให้กับทหารองครักษ์คนหนึ่ง
“ข้าขอรบกวนยืมกระบี่ของท่าน”
องครักษ์คนนั้นอึ้งไปชั่วขณะ แล้วหันไปทางจักรพรรดิจยาเหวินโดยไม่รู้ตัว
จักรพรรดิจยาเหวินพยักหน้าตอบ
“เอาให้นางซะ”
องรักษ์คนนั้นปลดกระบี่คู่กายที่เหน็บเอวออกมาแล้วยื่นให้กับฉู่หลิวเยว่
“ขอบใจท่านมาก”
ฉู่หลิวเยว่รับกระบี่แล้วชักออกจากฝักอย่างรวดเร็ว
กระบี่หนักเกินไป ความคมไม่เพียงพอ และวัสดุตีขึ้นรูปไม่ดีพออีกด้วย
แต่ทว่าแค่นี้ก็ใช้ได้แล้ว
“ดูเหมือนว่านางพอจะมีหนทางอยู่บ้าง…”
“ก็แค่สวยแต่รูปจูบไม่หอมเท่านั้น ชีพจรพิการ แม้กระทั่งพลังยังดูดซับไม่ได้ นางจะมีปัญญาไปทำอะไร”
“ก็จริง…นางต้องการกระบี่ก็เพื่อเรียกขวัญกำลังใจให้ตัวเองกระมัง…”
ฉู่หลิวเยว่ไม่ได้สนใจเสียงนกเสียงกาเหล่านี้ นางถอยหลังไปครึ่งก้าว สองมือประคองด้ามกระบี่ไว้แน่น จากนั้นจึงกระโดดตัวขึ้นสูง
แล้วฟาดฟันลงไปอย่างแรงทันที
เคร้งๆ!
ทันใดนั้นโซ่ที่ล่ามกรงเอาไว้ก็ถูกตัดขาดทันที!
ทุกคนต่างตกตะลึงอยู่ในเหตุการณ์
นี่มัน…นี่นางกำลังจะทำอะไร
ไม่รอให้พวกเขาได้เข้าใจ เมื่อฉู่หลิวเยว่ขยับปลายกระบี่ ทันใดนั้นประตูกรงก็เปิดออกกว้าง
เมื่ออสูรงูเหลือมสีทองรู้ตัวว่ากรงได้ถูกเปิดออกแล้ว มันจึงกระโจนเลื้อยออกมา!
หัวขนาดใหญ่ของมันพุ่งเข้าใส่ฉู่หลิวเยว่โดยไม่ลังเลสักนิด
มันอ้าปากกว้าง เผยให้เห็นเขี้ยวคมของมัน
เพียงแค่โดนมันกัด หากไม่ตายก็ต้องพิการเป็นแน่!
ร่างอันใหญ่โตของมันเมื่อเทียบกับฉู่หลิวเยว่ที่ผอมบางแล้ว นางดูเหลือตัวนิดเดียวอย่างเห็นได้ชัด
ราวกับว่าอีกไม่นานนางก็คงถูกมันกลืนลงท้องเข้าไป
ในขณะนั้นเอง ฉู่หลิวเยว่ก็ไม่ได้ถอยหนีแต่อย่างใด นางเขย่งปลายเท้าออกแรงแล้วกระโจนขึ้นไปข้างหน้าด้วยความแข็งแกร่ง!
ขณะเดียวกันนางก็แทงกระบี่เข้าไปอย่างรวดเร็ว
กระบี่นั้นแทงเข้าที่ท้องของอสูรงูเหลือมทองคำพอดี
เกล็ดของมันแข็งมากจนยากที่จะแทงด้วยกระบี่ธรรมดา แต่เฉพาะส่วนท้องเท่านั้นที่นุ่มกว่าเล็กน้อย ซึ่งสามารถใช้เป็นจุดทะลุทะลวงได้
เมื่ออสูรงูเหลือมทองคำรับรู้ถึงเจตนาของฉู่หลิวเยว่ มันจึงเหวี่ยงหางตบฉู่หลิวเยว่อย่างรุนแรง
ความแข็งแกร่งทางกายภาพของมันนั้นทรงพลังอย่างมาก และหากมันเอาจริงเอาจังขึ้นมา ก็เกรงฉู่หลิวเยว่จะถูกฆ่าตายในทันที
แต่ถึงกระนั้นฉู่หลิวเยว่ก็เคลื่อนไหวฝีเท้าอย่างรวดเร็ว ไม่รู้ว่านางหลบหลีกการโจมตีที่อันตรายและอ้อมไปรอบตัวอสูรงูเหลือมทองคำนี้ไปได้อย่างไร
จากนั้นนางก็แทงมันเข้าไปโดยไม่ลังเลเลยสักนิด
ฉึกกก!
กระบี่ยาวกรีดบนเกล็ดที่แข็งแรงของมันลงมา จนเกิดเสียงบาดแก้วหู!
หลังจากนั้นจึงเหลือเพียงรอยขีดข่วนสีขาว และไม่เห็นรอยเลือดเลยสักนิด
หรงเจินยิ้มเย้ยหยัน
“เสด็จพี่ ฉู่หลิวเยว่นี่โง่ไม่มีที่เปรียบจริงๆ คิดว่าตัวเองสามารถ…อะไรนะ!”
นางยังไม่ทันได้พูดเยาะเย้ยจบประโยค ก็เห็นการเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ที่พลิกผันฉับพลัน!
การโจมตีด้วยกระบี่ของฉู่หลิวเยว่ทำให้อสูรงูเหลือมทองคำโกรธเกรี้ยวเป็นอย่างมาก
มันสะบัดหางอย่างบ้าคลั่ง พยายามจะรัดตัวฉู่หลิวเยว่
แต่ทว่า จู่ๆ ฉู่หลิวเยว่กลับคลายด้ามกระบี่แล้วกระโดดปีนขึ้นไปบนตัวของมัน
ภายใต้แรงถีบส่งนี้ จึงทำให้ฉู่หลิวเยว่าสามารถกระโจนขึ้นไปยังส่วนหัวของอสูรงูเหลือมทองคำได้ทันที!
นางจับคอของอสูรงูเหลือมทองคำด้วยมือหนึ่งข้าง ส่วนมืออีกข้างก็รีบดึงปิ่นปักผมเพียงอันเดียวบนศีรษะของนางออกมา จากนั้นก็ปักปิ่นเจาะลึกเข้าไปในดวงตาของอสูรงูเหลือมทองคำทันที!
จุดอ่อนที่สำคัญที่สุดของมัน ก็คือดวงตาคู่นั้น
พรวดด!
เลือดคาวๆ ของมันกระจายไปทั่วสารทิศ
อสูรทองคำส่งเสียงร้องอันเจ็บปวดทุรนทุรายและเคียดแค้น แต่ฉู่หลิวเยว่กลับควักลูกตามันออกมาโดยไม่ลังเลสักนิด!
อสูรงูเหลือมทองคำสะบัดเหวี่ยงร่างของนางออกอย่างแรง แต่กลับไร้ซึ่งทางจัดการฉู่หลิวเยว่ตั้งแต่แรก
เพียงชั่วพริบตา ลูกตาที่สองก็ถูกควักออกมาด้วยเช่นกัน!
ร่างกายของอสูรงูเหลือมทองคำค่อยๆ อ่อนแรงลง
ฉู่หลิวเยว่กระโดดลงมาหยิบดาบบนพื้นขึ้น และเจาะเข้าไปในโพรงเลือดนั้นทันที!
นางฟันลงไปอย่างแรง
อสูรงูเหลือมทองคำถูกนางฆ่าตัดหัวตายไปเยี่ยงนี้เลย
“กรี๊ดดด!”
ฉากนองเลือดนี้ทำให้สตรีสูงศักดิ์ทั้งหลายส่งเสียงกรีดร้องขึ้นมา
แต่ทว่าฉู่หลิวเยว่กลับมีสีหน้าเช่นเดิมไม่เปลี่ยน นางเอื้อมมือออกไปแล้วพุ่งเข้าไปควักลูกปัดสีเขียวครามออกมาจากตัวมัน
มันคือแก่นปราณตันเถียนของอสูรงูเหลือมทองคำ
นางเดินไปตรงหน้าหรงเจินที่นั่งตัวแข็งทื่ออยู่ตั้งนานแล้ว จากนั้นจึงยื่นมือที่เต็มไปด้วยเลือดสดๆ ออกไปเพื่อถวายแก่นปราณให้กับหรงเจิน
“องค์หญิงสี่ นี่คือของขวัญตอบแทนของหม่อมฉัน ดูสิ พระองค์ชอบหรือไม่เพคะ”