เล่ม 1 ตอนที่ 27 มอบของขวัญตอบแทน

ยอดหญิงลิขิตสวรรค์

ทุกคนต่างตกตะลึงอ้าปากค้าง

นางพูดว่าอะไรนะ

นางกล้าต่อสู้กับอสูรงูเหลือมทองคำนั่นจริงหรือ

นี่ไม่ได้เรียกว่ากล้าหาญ แต่นี่นางเสียสติไปแล้วต่างหาก!

อย่าว่าแต่นางเลย ต่อให้เป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นที่สาม หากต้องการปราบเจ้างูเหลือมทองสัตว์อสูรระดับสามนี่ให้อยู่หมัดเพียงลำพัง ก็ไม่แน่ว่าจะสำเร็จหรือไม่!

นี่นางไม่ต้องการมีชีวิตอยู่ต่อแล้วใช่หรือไม่!

“เยว่เอ๋อร์!”

ฉู่หนิงตื่นตระหนกแล้วรีบดึงแขนเสื้อฉู่หลิวเยว่เอาไว้

“อสูรงูเหลือมทองคำตัวนี้ดุร้ายมาก และร้ายกาจยิ่งกว่าสัตว์อสูรระดับสามทั่วไป ลูกจะ…”

แต่ฉู่หลิวเยว่กลับมองเขาด้วยรอยยิ้ม

“ท่านพ่อ วางใจ”

เพียงคำพูดแค่สี่คำ แต่กลับทำให้ฉู่หนิงคลายความวิตกกังวลได้อย่างน่าอัศจรรย์ใจ

ดูเหมือนนางจะมีพลังเวทมนตร์บางอย่างที่สามารถทำให้ผู้อื่นเชื่อคำพูดของนางโดยไม่รู้ตัว

นางบอกให้เขาวางใจ เช่นนั้นแล้วนางจะต้องไม่เป็นอะไรแน่นอน!

ฉู่หนิงขยับปากเพื่อต้องการพูดอะไรสักอย่าง

เขาพอจะเดาออกว่าชีพจรเดิมในร่างกายของผู้เป็นบุตรสาวได้รับการฟื้นฟูโดยสมบูรณ์แล้ว หรือบางทีนางอาจจะเริ่มต้นฝึกพลังยุทธ์แล้วก็เป็นได้ แต่เพียงระยะเวลาอันแสนสั้น นางจะสามารถต่อสู้กับสัตว์อสูรระดับสามได้อย่างไร

หลังจากที่ใคร่ครวญในใจแล้ว ในที่สุดฉู่หนิงก็กลืนคำพูดเหล่านั้นลงไป และทำได้เพียงพยักหน้าให้นางอย่างหนักแน่น

“พ่อเชื่อลูก”

ฉู่หลิวเยว่รู้สึกอุ่นวาบในใจ

ความรู้สึกของการได้รับความเชื่อใจโดยไม่มีข้อแม้นั้น ช่างทำให้เกิดความมั่นใจได้มากที่สุด

แน่นอนว่าหรงเจินไม่ยอมปล่อยโอกาสนี้ให้หลุดมือ นางจึงรีบเอ่ยขึ้น

“นี่ก็ถือว่าเจ้าตกปากรับคำเอง! ไม่ว่าผลจะออกมาเป็นเช่นไร ก็ไม่เกี่ยวข้องกับข้า!”

ฉู่หลิวเยว่แอบประชดในใจ

การกระทำไร้ยางอายต่อหน้าธารกำนัลเช่นนี้ คนธรรมดาก็ไม่สามารถทำได้

จักรพรรดิจยาเหวินลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แล้วหันไปสบตากับฮองเฮา

ฮองเฮาส่ายพระพักตร์เบาๆ แล้วตรัสด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล

“ฝ่าบาท ถึงอย่างไรเรื่องนี้ก็มีส่วนเกี่ยวข้องกับหน้าตาของราชวงศ์ ให้นางได้รับบทเรียนสักหน่อยแล้วส่งคนลงไปคุ้มครองนาง ดีหรือไม่เพคะ”

จักรพรรดิจยาเหวินเห็นด้วยอย่างยิ่งจึงส่งทหารไปคอยคุ้มกันด้านข้าง หากพบว่ามีเหตุการณ์ไม่ชอบมาพากลจะได้รีบช่วยชีวิตฉู่หลิวเยว่ทันที

กระนั้นทุกคนก็ยังคงมองในแง่ร้ายอยู่ดี

กระทำการเช่นนี้ก็เท่ากับว่าส่งฉู่หลิวเยว่ให้ไปตาย!

หรงเจินยิ้มด้วยความสาแก่ใจ ในขณะที่นางกำลังหันกลับไปยังที่ประทับของตนเองอยู่นั้น ก็กลับถูกฉู่หลิวเยว่เรียกเพื่อรั้งนางเอาไว้”

“ช้าก่อนองค์หญิงสี่”

หรงเจินหันหลังไปอย่างช่วยไม่ได้

“ยังมีเรื่องอะไรอีก”

“องค์หญิงสี่พระราชทานของขวัญชิ้นใหญ่ให้เช่นนี้ ฉู่หลิวเยว่รู้สึกซาบซึ้งในน้ำพระทัยยิ่งนัก ดังนั้นหม่อมฉันจึงได้เตรียมของขวัญตอบแทนหนึ่งชิ้น อีกประเดี๋ยวหม่อมฉันจะนำถวาย องค์หญิงสี่โปรดรับเอาไว้ด้วยนะเพคะ”

หรงเจินหัวเราะเยาะแล้วเอ่ยขึ้นด้วยความเหยียดหยาม

“น้ำหน้าอย่างเจ้า…ก็ได้ เดี๋ยวเจ้าค่อยเอามาให้ข้าก็แล้วกัน!”

แค่คนไร้ค่าที่ถูกตระกูลทอดทิ้ง จะมีสิ่งของอะไรดีมาให้ข้าได้เล่า น่าขำชำมัด!

นางเดินกลับไปหาหรงจิ้นแล้วขยิบตาให้อย่างมีชัย

มุมปากของหรงจิ้นยกยิ้มเล็กน้อยแล้วส่งสายตามั่นใจให้กับนาง จากนั้นก็เก็บสีหน้าระรื่นกลับไป

ใจกลางตำหนักใหญ่จึงเหลือเพียงฉู่หลิวเยว่กับอสูรงูเหลือมทองขำที่ถูกขังในกรงดำขนาดใหญ่

ฉู่หลิวเยว่เยื้องกรายเข้าไปหยุดอยู่ตรงหน้าอสูรงูเหลือมทองคำ

คนหนึ่งคนกับสัตว์อสูตรหนึ่งตัวกำลังประจันหน้ากัน

“ไม่ดูสารรูปตัวเอง”

ฉู่เซียนหมิ่นพอจะคลายความโมโหลงบ้างเมื่อเห็นเหตุการณ์เป็นเยี่ยงนี้

ไม่ต้องให้นางลงมือเอง ก็มีคนมาจัดการฉู่หลิวเยว่แทนนางแล้ว!

ตอนนี้ทุกคนต่างเงียบสงบโดยไม่รู้ตัว

เดิมทีอสูรงูเหลือมทองคำตัวนี้ก็มีนิสัยดุร้ายอยู่แล้ว ประกอบกับการที่หรงเจินได้มันมาโดยมิได้พึ่งความสามารถจริงๆ ของตน แต่กลับใช้วิธีดักล้อมแล้วฉวยโอกาสจับมันมา

อีกอย่าง หลายวันมานี้หรงเจินจงใจปล่อยให้มันหิวโซ เจ้างูเหลือมทองคำตัวนี้หงุดหงิดเต็มทีแล้วพร้อมระเบิดได้ทุกเมื่อ!

มันดุร้ายและอันตรายกว่าอสูรงูเหลือมทองคำทั่วไปเสียอีก!

ตอนแรกหรงเจินตั้งใจจะสั่งสอนและแกล้งหยอกอสูรงูเหลือมทองคำตัวนี้สักหน่อย แต่วันนี้นางได้ยินเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับหรงจิ้นพอดี และยิ่งทราบว่าฉู่หลิวเยว่จะได้มาร่วมงานเลี้ยงค่ำคืนนี้ นางจึงให้คนนำมันเข้ามาโดยเฉพาะ

คราวนี้แหละ ก็จะเป็นการสั่งสอนฉู่หลิวเยว่แทน!

ฉู่หลิวเยว่มองปราดหนึ่งก็รู้แล้วว่าหรงเจินจงใจเล่นงานนาง

“แฮ่ๆ!”

เมื่ออสูรงูเหลือมทองคำสัมผัสได้ถึงลมหายใจของฉู่หลิวเยว่ มันก็ยิ่งเกิดความบ้าคลั่ง และแววตาก็เต็มไปด้วยสัญชาตญาณต่อต้าน

ฉู่หลิวเยว่ประสานมือระหว่างอกอย่างเคารพให้กับทหารองครักษ์คนหนึ่ง

“ข้าขอรบกวนยืมกระบี่ของท่าน”

องครักษ์คนนั้นอึ้งไปชั่วขณะ แล้วหันไปทางจักรพรรดิจยาเหวินโดยไม่รู้ตัว

จักรพรรดิจยาเหวินพยักหน้าตอบ

“เอาให้นางซะ”

องรักษ์คนนั้นปลดกระบี่คู่กายที่เหน็บเอวออกมาแล้วยื่นให้กับฉู่หลิวเยว่

“ขอบใจท่านมาก”

ฉู่หลิวเยว่รับกระบี่แล้วชักออกจากฝักอย่างรวดเร็ว

กระบี่หนักเกินไป ความคมไม่เพียงพอ และวัสดุตีขึ้นรูปไม่ดีพออีกด้วย

แต่ทว่าแค่นี้ก็ใช้ได้แล้ว

“ดูเหมือนว่านางพอจะมีหนทางอยู่บ้าง…”

“ก็แค่สวยแต่รูปจูบไม่หอมเท่านั้น ชีพจรพิการ แม้กระทั่งพลังยังดูดซับไม่ได้ นางจะมีปัญญาไปทำอะไร”

“ก็จริง…นางต้องการกระบี่ก็เพื่อเรียกขวัญกำลังใจให้ตัวเองกระมัง…”

ฉู่หลิวเยว่ไม่ได้สนใจเสียงนกเสียงกาเหล่านี้ นางถอยหลังไปครึ่งก้าว สองมือประคองด้ามกระบี่ไว้แน่น จากนั้นจึงกระโดดตัวขึ้นสูง

แล้วฟาดฟันลงไปอย่างแรงทันที

เคร้งๆ!

ทันใดนั้นโซ่ที่ล่ามกรงเอาไว้ก็ถูกตัดขาดทันที!

ทุกคนต่างตกตะลึงอยู่ในเหตุการณ์

นี่มัน…นี่นางกำลังจะทำอะไร

ไม่รอให้พวกเขาได้เข้าใจ เมื่อฉู่หลิวเยว่ขยับปลายกระบี่ ทันใดนั้นประตูกรงก็เปิดออกกว้าง

เมื่ออสูรงูเหลือมสีทองรู้ตัวว่ากรงได้ถูกเปิดออกแล้ว มันจึงกระโจนเลื้อยออกมา!

หัวขนาดใหญ่ของมันพุ่งเข้าใส่ฉู่หลิวเยว่โดยไม่ลังเลสักนิด

มันอ้าปากกว้าง เผยให้เห็นเขี้ยวคมของมัน

เพียงแค่โดนมันกัด หากไม่ตายก็ต้องพิการเป็นแน่!

ร่างอันใหญ่โตของมันเมื่อเทียบกับฉู่หลิวเยว่ที่ผอมบางแล้ว นางดูเหลือตัวนิดเดียวอย่างเห็นได้ชัด

ราวกับว่าอีกไม่นานนางก็คงถูกมันกลืนลงท้องเข้าไป

ในขณะนั้นเอง ฉู่หลิวเยว่ก็ไม่ได้ถอยหนีแต่อย่างใด นางเขย่งปลายเท้าออกแรงแล้วกระโจนขึ้นไปข้างหน้าด้วยความแข็งแกร่ง!

ขณะเดียวกันนางก็แทงกระบี่เข้าไปอย่างรวดเร็ว

กระบี่นั้นแทงเข้าที่ท้องของอสูรงูเหลือมทองคำพอดี

เกล็ดของมันแข็งมากจนยากที่จะแทงด้วยกระบี่ธรรมดา แต่เฉพาะส่วนท้องเท่านั้นที่นุ่มกว่าเล็กน้อย ซึ่งสามารถใช้เป็นจุดทะลุทะลวงได้

เมื่ออสูรงูเหลือมทองคำรับรู้ถึงเจตนาของฉู่หลิวเยว่ มันจึงเหวี่ยงหางตบฉู่หลิวเยว่อย่างรุนแรง

ความแข็งแกร่งทางกายภาพของมันนั้นทรงพลังอย่างมาก และหากมันเอาจริงเอาจังขึ้นมา ก็เกรงฉู่หลิวเยว่จะถูกฆ่าตายในทันที

แต่ถึงกระนั้นฉู่หลิวเยว่ก็เคลื่อนไหวฝีเท้าอย่างรวดเร็ว ไม่รู้ว่านางหลบหลีกการโจมตีที่อันตรายและอ้อมไปรอบตัวอสูรงูเหลือมทองคำนี้ไปได้อย่างไร

จากนั้นนางก็แทงมันเข้าไปโดยไม่ลังเลเลยสักนิด

ฉึกกก!

กระบี่ยาวกรีดบนเกล็ดที่แข็งแรงของมันลงมา จนเกิดเสียงบาดแก้วหู!

หลังจากนั้นจึงเหลือเพียงรอยขีดข่วนสีขาว และไม่เห็นรอยเลือดเลยสักนิด

หรงเจินยิ้มเย้ยหยัน

“เสด็จพี่ ฉู่หลิวเยว่นี่โง่ไม่มีที่เปรียบจริงๆ คิดว่าตัวเองสามารถ…อะไรนะ!”

นางยังไม่ทันได้พูดเยาะเย้ยจบประโยค ก็เห็นการเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ที่พลิกผันฉับพลัน!

การโจมตีด้วยกระบี่ของฉู่หลิวเยว่ทำให้อสูรงูเหลือมทองคำโกรธเกรี้ยวเป็นอย่างมาก

มันสะบัดหางอย่างบ้าคลั่ง พยายามจะรัดตัวฉู่หลิวเยว่

แต่ทว่า จู่ๆ ฉู่หลิวเยว่กลับคลายด้ามกระบี่แล้วกระโดดปีนขึ้นไปบนตัวของมัน

ภายใต้แรงถีบส่งนี้ จึงทำให้ฉู่หลิวเยว่าสามารถกระโจนขึ้นไปยังส่วนหัวของอสูรงูเหลือมทองคำได้ทันที!

นางจับคอของอสูรงูเหลือมทองคำด้วยมือหนึ่งข้าง ส่วนมืออีกข้างก็รีบดึงปิ่นปักผมเพียงอันเดียวบนศีรษะของนางออกมา จากนั้นก็ปักปิ่นเจาะลึกเข้าไปในดวงตาของอสูรงูเหลือมทองคำทันที!

จุดอ่อนที่สำคัญที่สุดของมัน ก็คือดวงตาคู่นั้น

พรวดด!

เลือดคาวๆ ของมันกระจายไปทั่วสารทิศ

อสูรทองคำส่งเสียงร้องอันเจ็บปวดทุรนทุรายและเคียดแค้น แต่ฉู่หลิวเยว่กลับควักลูกตามันออกมาโดยไม่ลังเลสักนิด!

อสูรงูเหลือมทองคำสะบัดเหวี่ยงร่างของนางออกอย่างแรง แต่กลับไร้ซึ่งทางจัดการฉู่หลิวเยว่ตั้งแต่แรก

เพียงชั่วพริบตา ลูกตาที่สองก็ถูกควักออกมาด้วยเช่นกัน!

ร่างกายของอสูรงูเหลือมทองคำค่อยๆ อ่อนแรงลง

ฉู่หลิวเยว่กระโดดลงมาหยิบดาบบนพื้นขึ้น และเจาะเข้าไปในโพรงเลือดนั้นทันที!

นางฟันลงไปอย่างแรง

อสูรงูเหลือมทองคำถูกนางฆ่าตัดหัวตายไปเยี่ยงนี้เลย

“กรี๊ดดด!”

ฉากนองเลือดนี้ทำให้สตรีสูงศักดิ์ทั้งหลายส่งเสียงกรีดร้องขึ้นมา

แต่ทว่าฉู่หลิวเยว่กลับมีสีหน้าเช่นเดิมไม่เปลี่ยน นางเอื้อมมือออกไปแล้วพุ่งเข้าไปควักลูกปัดสีเขียวครามออกมาจากตัวมัน

มันคือแก่นปราณตันเถียนของอสูรงูเหลือมทองคำ

นางเดินไปตรงหน้าหรงเจินที่นั่งตัวแข็งทื่ออยู่ตั้งนานแล้ว จากนั้นจึงยื่นมือที่เต็มไปด้วยเลือดสดๆ ออกไปเพื่อถวายแก่นปราณให้กับหรงเจิน

“องค์หญิงสี่ นี่คือของขวัญตอบแทนของหม่อมฉัน ดูสิ พระองค์ชอบหรือไม่เพคะ”