ตอนที่ 59 งานพบปะ (4) / ตอนที่ 60 หมักเหล้าวิเศษ (1)

เฟิงหรูชิง องค์หญิงหมอเทวดา

ตอนที่ 59 งานพบปะ (4)

 

 

“เพราะน่าหลานไต้เอ๋อร์พ่ะย่ะค่ะ”

 

 

สุดท้ายเจาหยางก็เปิดปากพูด

 

 

กว่าจะพูดประโยคนี้ออกมาได้ เขาต้องรวบรวมความกล้าทั้งหมด

 

 

ผู้คนต่างรู้ดีว่าที่น่าหลานไต้เอ๋อร์มีสภาพแบบนั้นก็เพราะเฟิงหรูชิงเป็นต้นเหตุ แต่พวกเขากลับช่วยคนที่เฟิงหรูชิงเคยทำร้าย นี่เท่ากับเป็นการตบหน้าเฟิงหรูชิง

 

 

ทุกคนต่างกลัว มองหน้าเจาหยางด้วยความเป็นห่วง

 

 

“แม่ทัพเฒ่ากรำศึกเพื่อแคว้นหลิวอวิ๋นมานานหลายปี แม้อายุมากแล้วก็ยังไม่ยอมวางมือ น่าหลานฮองเฮาเคยสาบานไว้ว่าจะปกป้องบ้านเมืองด้วยชีวิต แคว้นหลิวอวิ๋นเราอยู่อย่างสงบสุขได้ก็เพราะพวกเขา พวกเราจะปล่อยให้ใบหน้าไต้เอ๋อร์เป็นแบบนี้ไปตลอดไม่ได้พ่ะย่ะค่ะ”

 

 

ถึงแม้เฟิงเทียนอวี้จะให้หมอหลวงตรวจดูอาการให้น่าหลานไต้เอ๋อร์แล้ว แต่สุดท้ายก็ไม่มีหนทางรักษาใบหน้าของนางให้กลับมาเป็นเช่นเดิม

 

 

ไต้เอ๋อร์สติปัญญาไม่สมบูรณ์อยู่แล้ว จะปล่อยให้นางมีใบหน้าแบบนี้ไปตลอดชีวิตอีกไม่ได้

 

 

เฟิงหรูชิงรู้สึกประหลาดใจ นางรู้สึกถึงความอบอุ่นและคิดไม่ถึงว่าที่คนพวกนี้วิจารณ์วิจัยเรื่องการแพทย์ ก็เพื่อน่าหลานไต้เอ๋อร์

 

 

“แล้วยาพวกนี้…พวกเจ้าผสมอย่างไรล่ะ”

 

 

เจาหยางมองเฟิงหรูชิง “องค์หญิงหรูซวงช่วยพวกเราผสม ยาที่ใส่ลงไปทั้งหมดก็มาจากคำแนะนำของนาง ถ้าไม่ใช่นางที่ริเริ่มงานพบปะ พวกเราคงคิดไม่ถึงว่าจะใช้วิธีแบบนี้ช่วยไต้เอ๋อร์ องค์หญิงหรูซวงเป็นคนดี ขอองค์หญิงปล่อยนางไปด้วยเถิดพ่ะย่ะค่ะ”

 

 

ยาพวกนี้องค์หญิงหรูซวงถามมาจากหมอหลวงแล้วนำมาบอกพวกเขา ไม่อย่างนั้น พวกเขาก็ไม่กล้าทำแบบนี้ เพียงแต่พวกเขาอยากให้สกุลน่าหลานรู้สึกประหลาดใจ จึงไม่ได้ให้หมอหลวงเข้ามาร่วมด้วย ทุกขั้นตอนพวกเขาสื่อสารกับองค์หญิงหรูซวงเท่านั้น

 

 

แต่ในตำรับยานี้ เหมือนขาดอะไรไป จึงทำให้ไม่เห็นผล แถมยังทำให้เกิดอาการแพ้ขึ้นหลายครั้ง

 

 

“เฟิงหรูซวง?” เฟิงหรูชิงหยีตา

 

 

ตอนนั้น ที่ไต้เอ๋อร์ถูกลวกอย่างสาหัส เฟิงหรูซวงก็มีส่วนร่วมด้วย

 

 

ถึงแม้องค์หญิงคนเดิมจะแบกรับความผิดทั้งหมดไว้เองแบบโง่ๆ แต่คนของจวนแม่ทัพก็รู้ว่าเฟิงหรูซวงมีส่วนกับเรื่องที่เกิดขึ้น มีเพียงคนอื่นที่ไม่รู้ การที่องค์หญิงแบกรับความผิดไว้เอง คนของจวนแม่ทัพก็หมดหนทางที่จะเอาเรื่องเฟิงหรูซวง

 

 

อีกอย่าง เพราะถูกหรงกุ้ยเฟยหลอกเอาป้ายเลือดเหล็กไป จึงทำให้ชื่อเสียงของเฟิงหรูชิงที่ร่ำลือไปไม่ค่อยดีนัก คนทั้งหลายยังรู้สึกดีกับเฟิงหรูซวง จึงทำให้คนเหล่านี้คิดไปว่าเฟิงหรูซวงหวังดีคิดช่วยน่าหลานไต้เอ๋อร์

 

 

ผู้หญิงคนนั้น…ไม่ทำลายไต้เอ๋อร์ก็ดีเท่าไรแล้ว มีหรือที่จะคิดหวังดีกับนาง

 

 

“เจาหยาง!” หลินเยว่อิ่งรีบดึงตัวเจาหยาง นางแหงนหน้ามองดูเฟิงหรูชิง “องค์หญิงเพคะ เจาหยางก็แค่หวังดี หากเขาพูดอะไรผิดไป ขอองค์หญิงได้โปรดอภัยด้วยเพคะ”

 

 

เฟิงหรูชิงเลิกขมวดคิ้ว นางพูดด้วยรอยยิ้ม “พวกเจ้ารู้จักซงลู่หิมะหรือไม่”

 

 

ซงลู่หิมะ เป็นสายพันธุ์หนึ่งของซงลู่ เพราะมันหน้าตาเหมือนเกล็ดหิมะจึงถูกเรียกว่าซงลู่หิมะ มันเติบโตในเขตตอนเหนือสุดเท่านั้น แต่ว่า…ร้านขายยาทั่วไปก็พอหาซื้อได้

 

 

“พวกเจ้าให้หอแห่งแรกเอาซงลู่หิมะต้มกับขาหมู แล้วใส่หุยเซียง หญ้าซงลู่ โสมขมต้มหนึ่งชั่วยาม จากนั้นลองกินดู?”

 

 

อาหารบำรุงสุขภาพชนิดนี้ นางปรับมาจากสูตรอาหารบำรุงสุขภาพวิเศษ ถึงอย่างไรอาหารบำรุงสุขภาพวิเศษก็มีฤทธิ์รักษาอย่างน่าอัศจรรย์ เมื่อกินเข้าไป รอยแผลเป็นของนางต้องหายเป็นปลิดทิ้ง เช่นเดียวกัน ที่ต้องใช้คือซงลู่ยาวิเศษระดับสามต่างหาก

 

 

แม้จะเป็นยาวิเศษคนละตัว แต่มันก็ช่วยลบเลือนรอยแผลเป็นได้อย่างค่อยเป็นค่อยไป ยาวิเศษทุกชนิดล้วนมีพลังวิเศษ และช่วยฟื้นฟูร่างกายที่สึกหรอ เพียงแค่เห็นผลช้ามาก ต้องกินต่อเนื่องเป็นเวลานาน

 

 

แน่นอนว่าถึงแม้อาหารบำรุงสุขภาพทั่วไปจะเห็นผลช้า แต่เมื่อกินต่อเนื่องเป็นเวลานาน ก็ย่อมเห็นผล โดยทั่วไปกินต่อเนื่องสามวัน ก็เริ่มมองเห็นการเปลี่ยนแปลง

 

 

แต่ถ้าจะให้หายเป็นปลิดทิ้ง เกรงว่าอย่างน้อยคงต้องใช้เวลาครึ่งปี

 

 

นี่คือความแตกต่างระหว่างยาวิเศษกับยาธรรมดาสามัญ หากจะทำยาธรรมดาสามัญให้กลายเป็นยาวิเศษ ก็ต้องใช้เวลาปลูกที่ยาวนานและพลังวิเศษที่เข้มข้น

 

 

ถ้าไม่มีวิธีการพิเศษแบบเฟิงหรูชิงก็คง…เป็นไปได้ยาก

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 60 หมักเหล้าวิเศษ (1)

 

 

สีหน้าของพวกเจาหยางดูประหลาดใจ เฟิงหรูชิงจะหวังดีช่วยพวกเขาขนาดนี้เชียวหรือ ไม่แน่ว่า นางอาจจงใจใช้ตำรับอาหารนี้ไปทำร้ายน่าหลานไต้เอ๋อร์ก็ได้แน่นอน เมื่อเฟิงหรูชิงพูดจบ นางก็เดินออกไป ปล่อยคนพวกนั้นให้มองดูนางเดินลับตาไปอย่างเหม่อลอย

 

 

“ข้ารู้สึกว่าองค์หญิง…ดูแตกต่างไปนะ” มู่ชิงเอ๋อร์ขมวดคิ้ว พูดงึมงำกับตัวเอง

 

 

เฟิงหรูชิงที่ผ่านๆ มา ถ้าได้ยินพวกเขาพูดนินทาลับหลัง ต้องโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ไม่มีทางมาดีเหมือนวันนี้แน่?

 

 

ทุกคนต่างเงียบ

 

 

คนที่อยู่ที่นี่ล้วนเป็นลูกหลานขุนนาง เคยเจรจาปราศรัยกับเฟิงหรูชิงมาไม่น้อย อันธพาลผู้นี้เมื่อก่อนเป็นอย่างไร มีหรือที่พวกเขาจะไม่รู้ แต่ว่านางในวันนี้ ดูเหมือนจะสูญสิ้นพลังชั่วร้ายไป ทำให้พวกเขาไม่รู้สึกรังเกียจเหมือนแต่ก่อน

 

 

“วิธีการที่องค์หญิงบอกพวกเรา พวกเราลองดูสักหน่อยหรือไม่” ฉินเยว่ลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะถามออกมา

 

 

เจาหยางส่ายหัวแล้วพูดว่า “ต่อให้นางเปลี่ยนไปแล้วอย่างไร นางก็ยังเป็นคนไม่เอาไหนเหมือนเดิม ไม่มีทางรักษาน่าหลานไต้เอ๋อร์ได้จริงหรอก พวกเราทำตามเฟิงหรูซวงจะเข้าท่ามากกว่า”

 

 

แต่ก่อนเฟิงหรูชิงทำเรื่องชั่วๆ ไว้มากเกินไป เวลาแค่ครู่เดียวไม่มีทางที่เขาจะเชื่อใจนางได้ เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว เฟิงหรูซวงที่ทำให้พวกเขารู้สึกดีมาตลอด ดูน่าเชื่อถือกว่า”

 

 

 

 

เมื่อออกจากหอแห่งแรกมา เฟิงหรูชิงก็กลับไปที่จวนองค์หญิง ยาวิเศษที่นางปลูกไว้พอเก็บเกี่ยวได้แล้ว ตอนนี้นำมาหมักเป็นเหล้าวิเศษได้

 

 

เมื่อเตรียมการหมักเหล้าวิเศษเสร็จเรียบร้อย นางก็เอาไหเหล้าเก็บไว้ในห้องใต้ดิน นางเช็ดเหงื่อบนหน้าผาก แล้วยิ้มเบิกบาน

 

 

“รอราวๆ ครึ่งเดือน เหล้าวิเศษก็คงได้ที่ ถึงเวลานั้น ข้าคงมีข้ออ้างไปเยี่ยมเยียนจวนแม่ทัพสักที”

 

 

พอนึกถึงปัญหาต่างๆ ที่องค์หญิงคนเดิมทิ้งไว้ให้นาง เฟิงหรูชิงก็ถอนหายใจ

 

 

ยังดีที่กั๋วซือไม่ได้รังเกียจอะไรนาง มิฉะนั้นนางคงหมดสิทธิ์ไปที่ป่าไผ่ทิศใต้อีก ถ้าเข้าไปที่ป่าไผ่ทิศใต้ไม่ได้ แล้วจะนอนกับเขาได้อย่างไร

 

 

“จะว่าไป ข้าต้องขอบคุณหรงกุ้ยเฟย ถ้าไม่เป็นเพราะนางขู่เฟิงหรูชิงคนก่อนไว้ นางคงไม่เดินก้มหน้าเวลาเห็นกั๋วซือ ถ้านางได้เห็นความงดงามของกั๋วซือ ไม่แน่ว่าอาจหิวกระหายจนเข้าไปตะครุบกินก็ได้”

 

 

เฟิงหรูชิงหยีตา ถ้าถึงเวลา นางคงต้องขอบคุณหรงกุ้ยเฟยสักหน่อยแล้ว!

 

 

“แต่กั๋วซือไปตั้งหลายวันแล้ว ไม่รู้ว่าจะกลับมาเมื่อไร”

 

 

นางคิดถึงกั๋วซือเหลือเกิน จะทำอย่างไรดี

 

 

นัยน์ตาของเฟิงหรูชิงมีประกาย จู่ๆ นางก็ยิ้มแล้วใช้มือลูบคาง “ไม่ได้เจอกั๋วซือ ไปคุยเล่นกับเจ้างูน้อยก็ไม่เลว ข้าไม่ได้เข้าวังมาหลายวันแล้ว กั๋วซือไม่ได้อยู่ที่ป่าไผ่ทิศใต้ เจ้างูน้อยต้องเบื่อแน่ มันต้องคิดถึงข้าแน่นอน”

 

 

 

 

ป่าไผ่ทิศใต้ งูเขียวตัวหนึ่งซึ่งกำลังแช่อยู่ในสระน้ำจามไม่หยุด มันรู้สึกเสียวสันหลัง ราวกับมีคนกำลังพูดถึงมัน?

 

 

ในระหว่างที่ชิงจู๋กำลังสงสัยหาคำตอบไม่ได้ ภาพกายของคนอ้วนก็สะท้อนเข้าไปในดวงตาของมัน มันตกใจเสียจนเกือบกระโดดขึ้นมาจากสระน้ำ นัยน์ตาของมันเต็มไปด้วยความหวาดผวา

 

 

ผู้…ผู้หญิงคนนี้มาได้อย่างไร ช่วยด้วย! ชิงจู๋ตกใจเสียจนอยากมุดเข้าไปอยู่ในดินแล้วไม่โผล่ออกมาอีก แต่ดินที่นี่มันแข็งเกินไป ไม่มีทางมุดเข้าไปได้

 

 

“เจ้างูน้อย ข้าเพิ่งเคยรู้ว่าที่แท้เวลาเจ้าเจอข้าจะตื่นเต้นขนาดนี้ ตื่นเต้นจนเอาหัวไปกระแทกพื้น”

 

 

ตื่นเต้นหรือ มันตื่นเต้นที่ไหนกันล่ะ!

 

 

ชิงจู๋ตัวสั่นไปทั้งตัว มันกลัวเสียจนเกือบจะร้องไห้