บทที่ 32 คนไร้ยางอาย

จางซิ่วเอ๋อมองแม่เฒ่าจางอย่างขบขัน “ถ้าท่านย่าจะพูดเช่นนี้ งั้นเราไปให้ศาลตัดสินกัน”

นางประพฤติตนอยู่ในทำนองคลองธรรม ไม่กลัวไปศาลหรอก

แต่แม่เฒ่าจางนั้นไม่เหมือนกัน พอนางเห็นว่าจางซิ่วเอ๋อจะขึ้นศาล และท่าทางไม่ใช่แค่ขู่เล่น ๆ แต่คิดจะไปจริง ๆ จึงบังเกิดความหวาดกลัวในใจ

“เรื่องนั้นไม่ต้องหรอก ถ้าเจ้าขโมยจริง ๆ ใต้เท้าสั่งลงโทษเจ้าก็จะขายขี้หน้าตระกูลจางเปล่า ๆ”แม่เฒ่าจางพึมพำ

“เรื่องนั้นท่านย่าไม่ต้องห่วง ตอนนี้ต่อให้ท่านไม่อยากเอาความในเรื่องที่ข้าขโมยเงิน ข้าก็อยากจะเอาความในเรื่องที่ท่านใส่ร้ายข้า!”จางซิ่วเอ๋อเอ่ยกลับ

เมื่อครู่นี้ที่จางซิ่วเอ๋อเค้นให้แม่เฒ่าจางพูดจำนวนเงินออกมาเพราะคิดว่านางคงพูดออกมาเป็นจำนวนเงินไม่น้อย เนื่องจากหากเป็นคดีเล็ก ๆ ที่บาดหมางกันด้วยเงินแค่ไม่กี่เหรียญ ทางการอาจจะไม่สนใจ

นางแค่ต้องการจะให้มีหลักฐานมัดตัวแม่เฒ่าจางในเรื่องที่ใส่ร้ายนาง

“ข้าไม่ไป!” แม่เฒ่าจางมีสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย

จางซิ่วเอ๋อชำเลืองมองนาง ถึงแม้ครั้งนี้นางจะจับผิดแม่เฒ่าจางได้ แต่ตอนนี้นางยังลากนางไปขึ้นศาลจริง ๆ ไม่ได้

ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่ต่อให้พิสูจน์ว่าผิดจริง แม่เฒ่าจางก็แค่โดนตีไม่กี่ทีแล้วกลับบ้านได้เท่านั้น

ถ้านางส่งย่าแท้ ๆ ของตัวเองไปขึ้นศาลจริง ๆ ไม่ว่าจะด้วยเรื่องอะไรหรือสาเหตุอะไรก็ตาม มันก็ทำให้คนอื่นรู้สึกว่านางอกตัญญูอยู่ดี

ลงทุนเยอะแต่ผลตอบแทนน้อยแบบนี้ จางซิ่วเอ๋อไม่ทำหรอก

ครั้งนี้นางก็แค่อยากขู่แม่เฒ่าจางเท่านั้น เป็นการบอกนางว่าอย่ามาหาเรื่องตน

“ในเมื่อท่านย่าไม่ไป งั้นวันหลังก็เลิกกล่าวหาว่าข้าเอาเงินตำลึงที่บ้านไปได้แล้ว ถ้าตระกูลจางต้องขายขี้หน้าขึ้นมา มันจะดีกับท่านหรือดีกับข้ากันแน่ล่ะ?” จางซิ่วเอ๋อแค่นเสียงเอ่ย

แม่เฒ่าจางเริ่มหน้าเสีย นางไม่ยอมไปกับจางซิ่วเอ๋อ ก็เหมือนยอมรับว่าจางซิ่วเอ๋อไม่ได้เอาเงินตำลึงไป

แต่เมื่อครู่นางยังอยากใช้เรื่องนี้เพื่อบีบให้จางซิ่วเอ๋อกลับบ้านแล้วเอาไปขายอยู่เลย! คิดแล้วก็อดเจ็บใจไม่ได้ แต่ตอนนี้ก็นึกกลัวทางการขึ้นมา จึงเงียบไม่พูดจา

จางซิ่วเอ๋อก้มลงจะไปหยิบซาลาเปาในมือแม่เฒ่าจางที่แย่งไป นางไม่ยอมให้ของที่แม้แต่ตัวเองยังไม่กล้ากินให้กับแม่เฒ่าจางหรอก!

“เจ้าจะทำอะไร?” แม่เฒ่าจางมองจางซิ่วเอ๋ออย่างตกใจ

จางซิ่วเอ๋อชี้ซาลาเปาในมือแม่เฒ่าจางพลางเอ่ยปาก “ซาลาเปานี่ของข้า”

“โอ๊ย นังหลานอกตัญญู เมื่อกี้ชนข้าจนล้มลงกับพื้น ตอนนี้ยังไม่ยอมเอาซาลาเปานี่ชดใช้ให้ข้าอีก ต่อให้ยกซาลาเปานี่ให้ข้าเฉย ๆ เพื่อทดแทนคุณก็เป็นเรื่องที่สมควรแล้วหรือเปล่า!” แม่เฒ่าจางโอดครวญด้วยสีหน้าปวดใจ

จางซิ่วเอ๋อมองแม่เฒ่าจางด้วยสีหน้าลำบากใจ “ข้าก็อยากจะทดแทนพระคุณท่านย่า แต่ข้าซื้อยาไปแล้ว พอซื้อยากับซาลาเปาเสร็จก็ไม่เหลือเงินแล้ว ท่านย่าก็รู้ว่าชุนเถาบาดเจ็บไม่เบา ตอนนี้เพิ่งจะดีขึ้นพอกินข้าวได้บ้าง ข้าถึงได้กัดฟันซื้อซาลาเปาให้ชุนเถา 3 ลูก…..”

“ท่านที่เป็นย่าคงไม่แย่งซาลาเปากับชุนเถาใช่ไหมเจ้าคะ? ถ้าเป็นปกติท่านจะกินก็กินไปเถอะ แต่ชุนเถาโขกกำแพงจนหัวแตกก็เพราะเรื่องที่ท่านจะขายนาง นี่เพิ่งจะอาการดีขึ้น กำลังต้องการของบำรุง….”

“วันนี้ก่อนข้าออกมา ข้าก็บอกชุนเถาไว้ว่าจะเอาซาลาเปากลับไปให้ ท่านจะไม่ให้ข้าเอาอะไรกลับไปเลยหรือ? ตอนนี้นางยังอาการร่อแร่ ข้าทำใจหลอกนางไม่ลงหรอกเจ้าค่ะ….”

หน้าตาของจางซิ่วเอ๋อเปี่ยมด้วยความเป็นห่วงน้องสาว น้ำเสียงก็ฟังดูเศร้าสร้อย น่าสงสารสุด ๆ

คำพูดของจางซิ่วเอ๋อเป็นการบอกกล่าวว่าตัวเองนั้นใช้เงินตำลึงไปจนหมดแล้ว ทำให้คนบางคนไม่หมายตาอะไร

เรื่องนี้ไม่มีใครสงสัยอะไรจริง ๆ เพราะในตะกร้าของจางซิ่วเอ๋อเต็มไปด้วยห่อยาจากโรงยาหุยชุน แล้วก็มีอยู่หลายห่อ!

นอกจากยาก็เหลือแค่ซาลาเปา 3 ลูก ซึ่งซาลาเปาแค่ 3 ลูกเท่านี้จางซิ่วเอ๋อกับจางชุนเถาสองคนจะกินพอได้อย่างไร? เห็นได้ชัดว่าจางซิ่วเอ๋อซื้อให้น้องสาว ส่วนตัวเองนั้นยอมอดเอา

ดังนั้นจึงไม่มีใครสงสัยว่าจางซิ่วเอ๋อซื้อซาลาเปาให้แค่ตัวเองโดยไม่เผื่อจางชุนเถา

ไม่เห็นห่อยาพวกนั้นหรือ? ถ้าจางซิ่วเอ๋อไม่รักน้องสาวตัวเอง ก็ไม่จำเป็นต้องซื้อยาพวกนี้

จางซิ่วเอ๋อแสร้งทำตัวให้ดูน่าสงสาร เพื่อให้คนอื่นคิดว่าแม่เฒ่าจางกำลังบีบคั้นนาง

เรื่องจึงกลายเป็นว่าแม่เฒ่าจางช่างหน้าด้านไร้ยางอาย จะเอาซาลาเปาที่จางซิ่วเอ๋อซื้อมาบำรุงน้องสาวไป!

นี่มันเกินไปแล้ว มีอย่างที่ไหนกันที่คนเป็นย่าจะทำแบบนี้

หลานสาวถูกบีบคั้นจนถึงขั้นนี้ ต่อให้ไม่ดูแลหลาน ก็ไม่ควรแย่งของกินหลานนะถูกไหม?

ขณะนี้ก็มีคนหนึ่งในฝูงชนออกตัวขึ้น “ข้าว่านะแม่เฒ่า ท่านทำแบบนี้ไม่ถูกต้อง ข้าเห็นซิ่วเอ๋อจะกินเองยังไม่กล้า ต้องยอมอดเพื่อให้ชุนเถากิน ท่านจะแย่งเด็กกินได้อย่างไร?”

จางซิ่วเอ๋อเหลือบมองคน ๆ นั้นอย่างขอบคุณ

คนที่พูดคือแม่เฒ่าหลิว เป็นคนมีหน้ามีตาอยู่ไม่น้อยในหมู่บ้านนี้ ขนาดคนแบบแม่เฒ่าจางยังไม่กล้าไปหาเรื่องด้วย

ที่แม่เฒ่าหลิวออกตัวตอนนี้ไม่ใช่เพราะสงสารจางซิ่วเอ๋อ แต่เพราะตัวนางเองไม่ชอบหน้าแม่เฒ่าจางอยู่มากจึงอยากหาเรื่อง ส่วนเรื่องของจางซิ่วเอ๋อก็ถือเป็นเหตุให้นางได้ด่าแม่เฒ่าจาง

แม่เฒ่าจางมองหน้าแม่เฒ่าหลิวอย่างเกลียดชัง “ทำไมข้าอยู่ที่ไหนก็เจอเจ้าที่นั่น? นี่มันเรื่องของตระกูลจาง! ไม่เกี่ยวกับเจ้า!”

แม่เฒ่าหลิวขบขันพรืด “เรื่องของตระกูลจางของพวกเจ้าก็จริง แต่ถ้ามองโดยภาพรวมแล้ว นี่ก็เป็นเรื่องของหมู่บ้านชิงสือของพวกเราด้วย!”

“เจ้ารังแกเด็ก ๆ ของหมู่บ้านชิงสือแบบนี้ พวกเราย่อมทนดูไม่ได้! อย่างนางชุนเถา ถ้ากลายเป็นคนเลอะเลือนมาจริง ๆ มีแค่คนเลอะเลือนเพียงคนเดียวในหมู่บ้านเราก็ทำให้เสียชื่อเสียงได้แล้ว! คนไม่รู้นึกว่าชุนเถาเลอะเลือนแต่เกิด อาจจะคิดว่าฮวงจุ้ยของหมู่บ้านชิงสือเราไม่ดีก็ได้! ถ้าหญิงสาวหมู่บ้านอื่นไม่ยอมแต่งเข้าจะทำอย่างไร? แล้วถ้าหญิงสาวหมู่บ้านเราแต่งออกไม่ได้จะทำอย่างไร? เจ้ามาแย่งซาลาเปาชุนเถาในเวลานี้มันไม่ถูก! เป็นการบ่อนทำลายทุกคน!” แม่เฒ่าหลิวแค่นเสียงด้วยสีหน้าไร้เหตุผล

จางซิ่วเอ๋อได้ยินคำพูดของแม่เฒ่าหลิวแล้วตาโต

คำอธิบายของแม่เฒ่าหลิวดูเกินจริงไปหรือไม่? เอาเรื่องที่ชุนเถาจะเป็นคนเลอะเลือนไปเกี่ยวกับฮวงจุ้ยของหมู่บ้านได้เนี่ยนะ แถมยังไปเกี่ยวพันกับผลประโยชน์ของทุกคนด้วย

จางซิ่วเอ๋อรู้สึกทันทีว่าต้องเอาแม่เฒ่าหลิวเป็นแบบอย่าง

สิ้นเสียงแม่เฒ่าหลิว คนอื่น ๆ ที่มุงดูอยู่ก็เริ่มต่อว่าแม่เฒ่าจาง

ตัวแม่เฒ่าจางเองก็ไม่ค่อยมีคนชอบหน้าอยู่แล้ว วันนี้ยังมาสร้างเรื่องแบบนี้ต่อหน้าทุกคนอีก ถ้าไม่มีคนเริ่มต่อว่าแม่เฒ่าจางก็ไม่มีอะไร แต่ในเมื่อมีคนออกตัวแล้วคนอื่นก็ย่อมไม่กลัว พูดกันไปต่าง ๆ นานา

………………………………