บทที่ 33 แย่งซาลาเปา
แม่เฒ่าจางมองซาลาเปาตรงหน้าอย่างเสียดาย ราวกับไม่ได้ยินเสียงพูดของคนรอบข้าง
ซาลาเปานี่ทำจากแป้งขาวเลยนะ แถมไส้หมูล้วนด้วย ข้างในยังมีน้ำมันเยิ้ม….
แม่เฒ่าจางยิ่งคิดยิ่งอยาก น้ำลายไหลออกมา สุดท้ายก็หยิบซาลาเปาลูกนึงแล้วกัดอย่างรวดเร็ว ก่อนจะยื่นซาลาเปาที่เหลือให้จางซิ่วเอ๋อ “เห็นแก่ที่เจ้าทำเพื่อชุนเถา ข้าไม่แก่งแย่งกับเจ้าแล้ว ซาลาเปานี่ข้าเอาไว้ลูกเดียว ที่เหลือสองลูกพอให้ชุนเถากินแล้วล่ะ”
จางซิ่วเอ๋อโกรธจนแทบหายใจไม่ทัน ทำไมแม่เฒ่าจางถึงหน้าด้านขนาดนี้นะ?
นางอยากจะเข้าไปตบกับแม่เฒ่าจางสักทีจริง ๆ!
จางซิ่วเอ๋อกัดฟันรับซาลาเปาสองลูกที่เหลือมา นางรับประกันได้เลยว่าถ้าตัวเองไม่รับซาลาเปานี่ไว้ แม่เฒ่าจางต้องรีบกัดลูกอื่นไปด้วยแน่!
จางซิ่วเอ๋อเก็บของที่ตกกระจัดกระจายเงียบ ๆ และแบกตะกร้าขึ้นหลัง
แม่นางน้อยโค้งคำนับให้เหล่าคนที่ช่วยตำหนิแม่เฒ่าจาง และเอ่ยขึ้น “ท่านป้าท่านยายทั้งหลาย เรื่องเมื่อครู่ต้องขอบคุณพวกท่านมากนะเจ้าคะ”
บรรดาผู้คนที่ตอนแรกแค่มุงดูอย่างนึกสนุกเห็นจางซิ่วเอ๋อมีมารยาทขนาดนี้ ก็รู้สึกผิดขึ้นมา
มีคนหนึ่งพูดขึ้นอย่างอดไม่ได้ “ซิ่วเอ๋อ พวกเรารู้ว่าเจ้าเป็นเด็กดี รีบกลับไปเถอะ ไม่ต้องสนใจย่าเจ้า”
จางซิ่วเอ๋อได้ฟังก็พยักหน้า ก่อนจะหันไปมองแม่เฒ่าจางด้วยสายตาล้ำลึก
สายตานั้นทั้งผิดหวัง และเหนื่อยใจ
ทุกคนเห็นก็อดอุทานไม่ได้ ช่างเป็นเด็กดีเหลือเกิน ที่ตอนนี้นางแข็งกร้าวขึ้นขนาดนี้ก็เพราะถูกแม่เฒ่าจางทำให้เจ็บช้ำน้ำใจเหลือประมาณแล้ว
ใครจะไปทนย่าตัวเองแบบนี้ไหว ช่างเป็นเวรกรรมเสียจริง ๆ!
ทุกคนนึกถึงเรื่องที่จางซิ่วเอ๋อฆ่าตัวตายขึ้นมาอีกครั้ง และเกิดความคิดอย่างอื่น
ตอนแรกพวกเขาก็แค่คิดว่าจางซิ่วเอ๋อรับไม่ได้ที่ตัวเองเป็นแม่ม่ายถึงได้ทำแบบนั้น แต่ตอนนี้มาคิดดูดี ๆ ก็เกรงว่าตัวจางซิ่วเอ๋อเองคงไม่อยากแต่งงานตั้งแต่แรก แต่ขัดขืนแม่เฒ่าจางไม่ได้ จึงถูกบังคับแต่ง
บ้านตระกูลเนี่ยผู้เป็นเจ้าของที่นั้นดีก็จริง แต่เหตุที่บุตรชายเจ้าของที่ดินตระกูลเนี่ยป่วยก็ไม่ใช่เรื่องที่เพิ่งจะเกิดขึ้นเพียงวันสองวัน ทุกคนรู้กันหมดว่าคุณชายเนี่ยมีลมหายใจแผ่วรวยรินแล้ว บ้านปกติใครจะอยากให้บุตรสาวตนเองแต่งเข้าไป?
มองเผิน ๆ เหมือนจะได้ดิบได้ดี แต่พอคิดดูดี ๆ ก็เป็นไปได้มากว่ายังไม่ทันจะได้ดี ก็เป็นแม่ม่ายเสียก่อน!
บุตรสาวจากตระกูลดี ๆ ที่ไหนจะอยากเสี่ยง?
จางซิ่วเอ๋อก็เป็นตัวอย่างแล้วไม่ใช่หรือ?
พอคิดได้ดังนี้ ทุกคนก็สงสารจางซิ่วเอ๋อมากขึ้นไปอีก
แต่แม่เฒ่าจางนั่นสิ หน้าด้านอย่างยิ่ง ขนาดโดนทุกคนมองด้วยสายตาดูถูกและตำหนิไปแล้ว นางก็ดูจะไม่รู้สึกรู้สาอะไรเลย
นางลุกขึ้นเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เอื้อมมือไปตบฝุ่นที่ก้นแล้วเดินบิดกลับไปพร้อมคาบซาลาเปาในปาก
พอมาถึงที่บ้าน ก็เอาซาลาเปาครึ่งลูกที่เหลือให้จางอวี่หมิน
“แม่ ท่านเอาซาลาเปานี่มาจากไหนน่ะ?” จางอวี่หมินมีดวงตาเป็นประกาย
แม่เฒ่าจางแค่นเสียง “ให้เจ้ากินแล้วเจ้าก็กินไป อย่าพูดมาก”
แม่เถาแห่งบ้านสามมองซาลาเปาในมือจางอวี่หมินแล้วพลันบังเกิดความอิจฉาปรากฏในแววตา แม่สามีชักจะลำเอียงไปแล้วนะ
ไม่ให้แม่โจวที่ออกไข่ดี ๆ ไม่ได้ไม่เท่าไร แต่นางเป็นคนที่สร้างคุณประโยชน์ให้บ้านนี้นะ มีลูกชายให้ตระกูลจางถึงสองคนด้วยกัน หากแม่เฒ่าจางไม่นึกถึงนาง ก็ต้องนึกถึงลูกชายของนางบ้างสิ
แม่เถามองจางอวี่หมินอย่างไม่พอใจ นางไม่พอใจจางอวี่หมินมานานแล้ว
เห็นชัดว่าเป็นบุตรสาวแท้ ๆ ช้าเร็วก็ต้องออกเรือน แต่กลับปีนเกลียวพี่ชายสองคนในบ้าน แถมโอหังใส่พี่สะใภ้สองคนสุด ๆ
นางเป็นบุตรสาวแขนขาอยู่ครบ ทว่าอยู่บ้านวัน ๆ กลับไม่ทำอะไรเลย แถมยังตะกละอีก นางจะดูสิว่าในอนาคตจางอวี่หมินจะหาสามีดี ๆ ได้ขนาดไหน
ปล่อยให้แม่เฒ่าจางตามใจนางไปให้สุดเถอะ เฮอะ ช้าเร็วก็ต้องเสียคนเพราะแบบนี้แหละ…แม่เถาคิดอย่างเคียดแค้น
“ท่านแม่ ข้าก็อยากกินซาลาเปา….” เด็กน้อยอายุ 5-6 ขวบคนหนึ่งมองซาลาเปาในมือจางอวี่หมินตาแป๋ว
คนที่พูดคือบุตรชายคนเล็กของแม่นางเถา ชื่อว่าสือโถว
“สือโถว เจ้าไปขออาเจ้าเถอะ!” แม่นางเถาแข็งใจเอ่ยขึ้น
สือโถวได้ฟังก็ไปอยู่ตรงหน้าจางอวี่หมิน “ท่านอาเล็ก ข้าอยากกินซาลาเปาขอรับ”
จางอวี่หมินเหลือบมองสือโถว “เจ้าไปซะ อย่ามาเกะกะลูกตาข้า”
สือโถวกลับยื่นมือไปจะคว้าซาลาเปา จางอวี่หมินจึงยกมือเลี่ยงมือของสือโถว
คราวนี้สือโถวไม่ยินยอมอีกต่อไป เขาเบะปากพลางร้องไห้ “ข้าอยากกินซาลาเปา!”
แม่เถาจึงยืนขึ้นเอ่ยในทันที “น้องเล็ก ในเมื่อเด็กอยากกิน เจ้าก็เอาที่เหลือให้เด็กกินหน่อยสิ”
จางอวี่หมินแค่นเสียง “ซาลาเปานี่น่ะแม่ข้าให้มา ลูกเจ้าอยากกินเจ้าก็ไปซื้อเองสิ! ทำไมต้องยุให้ลูกเจ้ามาแย่งซาลาเปาข้าด้วย?”
แม่เถายิ่งรู้สึกไม่ชอบใจเข้าไปใหญ่ นางกำลังจะปริปากพูดอะไรบางอย่าง แต่แม่เฒ่าจางสังเกตเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นตรงนี้แล้ว นางเลิกคิ้วและเอ่ยขึ้น “เดี๋ยวอวี่หมินก็จะออกเรือนแล้ว ของในบ้านนี้อีกหน่อยก็เป็นของพวกเจ้าหมดนั่นแหละ ตอนนี้ให้อวี่หมินได้กินของดี ๆ สักหน่อยจะเป็นอะไรเล่า?”
แม่เถาไม่กล้าพูดอะไรอีก นางรู้ว่าถ้าตัวเองเถียงต่อ แม่เฒ่าจางต้องไม่ยอมแน่
นางจึงข่มโทสะของตัวเองได้อย่างรวดเร็ว แต่สือโถวยังเด็ก จะไปควบคุมอารมณ์ตัวเองได้อย่างไรกัน ปกติเขาอยู่ที่ตระกูลจางก็เป็นคนเอาแต่ใจอยู่พอตัวเหมือนกัน ดังนั้นจึงเอาศีรษะโขกจางอวี่หมิน
จางอวี่หมินเซเล็กน้อย พอยืนทรงตัวได้ก็ผลักสือโถวอย่างแรง
อย่างไรเสียสือโถวก็อายุน้อย จึงโดนจางอวี่หมินผลักจนล้มกระแทกกับพื้น และร้องไห้โฮ
แม่เถาเห็นดังนั้นก็รีบอุ้มสือโถวขึ้นมา ฝ่ามือเด็กชายถลอกเป็นแผลใหญ่มีเลือดซึม
จางอวี่หมินกลับไม่รู้สึกผิดเลยสักนิด นางเอาซาลาเปาคำสุดท้ายเข้าปากแล้วเดินจากไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
สายตาแม่เถามืดครึ้มในบัดดล นางอยู่บ้านนี้ต่อไม่ได้แล้ว ถึงแม้สถานะตนในบ้านจะสูงกว่าแม่โจวเยอะ แต่ก็ยังต้องโดนแม่เฒ่าจางและจางอวี่หมินรังแกอยู่
“สือโถวไม่ร้องนะจ๊ะ…ไม่ร้อง…” แม่เถาปลอบสือโถวไปพลาง และไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ สีหน้านางมืดครึ้มเป็นอย่างมาก
กลับมาพูดถึงจางซิ่วเอ๋อบ้าง ตอนนี้นางกลับถึงบ้านผีสิงแล้ว พร้อมกับรู้สึกหัวร้อนสุด ๆ
ต่อให้ครั้งนี้แม่เฒ่าจางไม่ได้เปรียบอะไร แต่นางก็โดนแม่เฒ่าจางแย่งซาลาเปาไปได้ จะไม่ให้หงุดหงิดใจได้อย่างไร
เมื่อกลับไปถึงบ้าน นางต้องกินน้ำเย็นสองจอกรวดถึงจะพอข่มไฟโทสะในใจลงไปได้บ้าง
จางชุนเถาเห็นจางซิ่วเอ๋อมีสีหน้าไม่ดีก็เอ่ยถามอย่างระมัดระวัง แต่จางซิ่วเอ๋อไม่อยากพูดอะไรมาก
………………………………………………