“ฉันเพิ่งย้ายมาที่แผนกอื่น หลายวันก่อนมีผ่าตัดสำคัญตลอด วันนี้เย็นมีเวลาว่าง ไปกินข้าวกันได้สักมื้อ” เสียงเรียบเย็นของถานเปิงเปิงดังลอดมาจากในโทรศัพท์มือถือ
“งั้นฉันเลิกงานแล้วจะไปหาเธอนะ”
หลังจากนัดสถานที่นัดพบกับถานเปิงเปิงเรียบร้อย เหนียนเสี่ยวมู่ถึงวางโทรศัพท์ไป
เธออ่านข้อมูลบนคอมพิวเตอร์อีกครั้ง รอยยิ้มบนหน้าหายไปอีกแล้ว
ข้อมูลที่เย่หมิงหมิ่นให้เธอระบุเบอร์โทรศัพท์ผู้จัดการของซ่างซินเอาไว้ ทว่าอีกฝ่ายบอกว่าไม่สนใจทันที่ทีได้ยินเธออธิบายที่มา แล้ววางสายไป
ครั้นเธอลองโทรศัพท์ไปอีกครั้ง ก็เจอกับการโอนสายไปยังระบบฝากข้อความอัตโนมัติ
เธอถือข้อมูลไปถามเย่หมิงหมิ่น แต่ซูเปอร์ไวเซอร์สาวกลับบอกว่าเธอว่าไม่มีใครมีเบอร์โทรศัพท์ของซ่างซิน ต้องติดต่อผ่านผู้จัดการเท่านั้น ทำเอาเธอคิดไม่ตกเลยทีเดียว
เหนียนเสี่ยวมู่นั่งนิ่งหาทางออกมาไม่อยู่ตรงเก้าอี้ตัวเองจนกระทั่งถึงเวลาเลิกงาน
“เหนียนเสี่ยวมู่ เธอยังไม่ไปอีกเหรอ” มีเพื่อนร่วมงานผ่านตัวเธอไป จึงเอ่ยปากถาม
เมื่อได้ยินดังนั้น เหนียนเสี่ยวมู่ถึงจะดึงสติกลับมา และพบว่าใกล้ถึงเวลาที่นัดกับถานเปิงเปิงแล้ว
เธอหยิบกระเป๋า พลางโบกมือบ๊ายบายเพื่อนร่วมงานในแผนก แล้วออกจากบริษัทตระกูลอวี๋อย่างรวดเร็ว
จากนั้นเธอก็เรียกแท็กซี่ และบอกที่อยู่ของร้านอาหารกับคนขับรถ
“ที่รัก” เหนียนเสี่ยวมู่วิ่งห้อไปหาคนที่รอเธออยู่หน้าร้านอาหารทันทีที่ลงจากรถ
เธอกอดถานเปิงเปิง แล้วจุมพิตบนแก้มอีกฝ่ายครั้งหนึ่ง “ฉันคิดถึงเธอจังเลย โทรหาเธอตั้งหลายครั้งแล้ว แต่เธอไม่รับโทรศัพท์ฉันสักครั้งเลย ใจร้ายเกินไปแล้วนะ”
ปฏิกิริยาของถานเปิงเปิงเฉยชามากเมื่อเทียบกับความกระตือรือร้นของเธอ
หลังจากถูกจุ๊บไปครั้งหนึ่ง ถานเปิงเปิงหยิบกระดาษทิชชูออกมาจากกระเป๋าเสื้อนอก จากนั้นก็เช็ดหน้า
“ในน้ำลายคนมีจุลินทรีย์และแบคทีเรียมากกว่าหกร้อยชนิด เป็นแหล่งที่มาของโรคมากมาย อาจจะทำให้คนอื่นเกิดการติดเชื้อ…”
เหนียนเสี่ยวมู่ “…”
ไม่ฟังๆ บลา
โรคบ้างานของถานเปิงเปิงบ้าบอจนทำให้คนเดือดดาลแล้ว
มีแต่คนที่มีแรงต้านทานสูงแบบเธอ ถึงจะอยู่กับเธอได้นานขนาดนี้
“พวกเราเข้าไปกินข้าวกันก่อนไหม” เหนียนเสี่ยวมู่ขัดจังหวะเธอ จากนั้นค่อยลากคุณหมอสาวเดินเข้าไปในโรงอาหาร ซึ่งเป็นร้านที่ถานเปิงเปิงเลือกไว้
ร้านอาหารไม่ใหญ่มาก แต่เงียบสงบและสวยงาม ตกแต่งได้อย่างมีสีสัน
เหมือนสไตล์ของเธอ
ตอนอยู่ที่โรงพยาบาล เธอทำให้คนอื่นรู้สึกกลัวอย่างเป็นมืออาชีพ
ตอนออกจากโรงพยาบาล เธอก็เงียบเชียบจนทำให้คนรู้สึกกลัว
บางครั้งพวกเธอสองนั่งอยู่ด้วยกันทั้งวัน แต่ถานเปิงเปิงทำได้แม้กระทั่งไม่พูดสักคำ
ปล่อยให้เหนียนเสี่ยวมู่พูดพร่ำอยู่คนเดียว…
คนอื่นอาจจะคิดว่าเธอเงียบไปหน่อย มีแต่เหนียนเสี่ยวมู่ที่รู้ว่าเธอเป็นหมอที่มีเมตตามากที่สุดในใต้หล้า
“ชุดเอสองชุด กาแฟแก้วหนึ่ง นมแก้วหนึ่ง” ถานเปิงเปิงสั่งอาหารให้พวกเธอทั้งคู่ ขณะที่กำลังจะยื่นเมนูคืนให้บริกร เหนียนเสี่ยวมู่ก็กดมือของเธอเอาไว้
จากนั้นก็ทำหน้าตาขมขื่น “เปิงเปิง ตอนนี้มีแค่เด็กเท่านั้นแหละที่กินนมตอนกินข้าว ฉันโตแล้วนะ”
เหนียนเสี่ยวมู่กล่าว พร้อมทั้งยืดอก พิสูจน์ว่าไซส์ของตัวเองเป็นของผู้ใหญ่แน่นอน
ถานเปิงเปิงถลึงตามองหน้าอกของเธอ ก่อนจะเลิกคิ้วถาม “ได้เหรอ?”
“ฉันก็อยากกินกาแฟเหมือนกัน” เหนียนเสี่ยวมู่ตอบพร้อมรอยยิ้มกริ่มทันที
วินาทีต่อมากลับได้ยินถานเปิงเปิงพูดกับบริกรว่า “เอาน้ำมะนาวให้เธอแก้วหนึ่ง”
เหนียนเสี่ยวมู่ “…”
“วิเคราะห์จากมุมของหมอมืออาชีพคนหนึ่ง ร่างกายของเธอเพิ่งหายดี สภาพในตอนนี้ไม่เหมาะดื่มเครื่องดื่มที่มีฤทธิ์กระตุ้นประสาทประเภทกาแฟเป็นประจำ ไม่อย่างนั้นจะส่งผลถึง…”
มาอีกแล้ว…
เหนียนเสี่ยวมู่หนาวสั่นไปหมด
เธอรีบร้อนหันหน้าไปมองบริกร “เอาน้ำมะนาวให้ฉันแก้วหนึ่งด้วยค่ะ ขอบคุณค่ะ”