อวี้ไป่หันหนาวสั่นไปทั้งตัว เขาไม่เห็นด้วยเป็นอย่างมาก “โธ่ ฉันว่าเฉิงซี แกอย่าอะไรๆ ก็ฆ่าทิ้งได้ไหม ฆ่าผู้หญิงคนหนึ่งที่สวยเหมือนดอกไม้แบบนี้แกทำได้ลงคอหรอ ไม่รู้สึกว่ามันน่าเสียดายมากหรือไง”
“หึ สำหรับพวกผู้หญิง แค่ใจอ่อนไปชั่วพริบตา มีความเป็นไปได้ที่จะเกิดเรื่องร้ายๆ ตามมาอีกมากมาย” มู่เฉิงซีไม่เคยมีผู้หญิงมาก่อน และก็ไม่เคยมีแฟนมาก่อน เขาไม่เข้าใจในสิ่งที่ซ่อนเร้นเอาไว้ เขาเป็นตำรวจ วันๆ ก็เอาแต่จัดการพวกอันธพาลและพวกที่มีอำนาจและอิทธิพล สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการฆ่าทิ้งด้วยความเด็ดขาด เพราะมันทั้งรวดเร็วและได้ผล เหนื่อยครั้งเดียวแล้วไม่ต้องกังลอะไรอีก ดังนั้นการที่ได้ยินเขาพูดว่าจะฆ่าเหลิ่งรั่วปิงทิ้ง จึงเป็นเรื่องที่ไม่แปลกแม้แต่น้อย
ฆ่าเหลิ่งรั่วปิง? ความคิดนี้ผุดขึ้นมาในหัวของหนานกงเยี่ย ทั้งที่เป็นเพียงแค่คำพูดสั้นๆ แต่กลับทำให้เขาคิดพิจารณา
เขาจะฆ่าเธอไหม คำตอบคือไม่ ตั้งแต่ตอนที่เธอวางแผนล่อลวงเขาแล้ว แม้แต่ตอนนั้นเขายังไม่คิดที่จะฆ่าเธอ แล้วตอนนี้จะมีเหตุผลอะไรในการฆ่าเธอ
เธอทำหน้าที่ของตัวเองดีมาโดยตลอด เธอที่เป็นพนักงานก็ตั้งใจขยันทำงาน เธอที่เป็นเมียเก็บของเขาก็รูัจักสงบเสงี่ยมเจียมตัว เธอไม่ได้ทำอะไรผิด คนที่ผิดคือเขา เขาเป็นคนรนหาเรื่องปวดหัวเอง หรือว่าจะต้องฆ่าเธอทั้งที่เป็นความผิดของตัวเอง เป็นไปไม่ได้!
ทันใดนั้นเองเขาก็นึกถึงเรื่องที่น่ากลัวขึ้นมา ต่อให้เธอทำผิด เขาก็ไม่ลงมือฆ่าเธอ เธอทำลายกฎของเขาไปตั้งแต่แรกแล้ว ตอนนั้นถ้าเป็นคนอื่นเอารูปมาข่มขู่เขา เขาคงฆ่าคนคนนั้นทันทีโดยไม่ลังเล แต่ว่ากับเธอ เขากลับไม่มีความคิดที่จะฆ่าทิ้งแม้แต่น้อย
นี่คือความจริงที่น่ากลัวจริงๆ
แต่เขาก็มั่นใจมากว่า เขาไม่มีวันตกหลุมรักเธอ หรือจะพูดได้ว่าเขาไม่มีวันตกหลุมรักผู้หญิงคนไหน
อวี้ไป่หันมองดูหนานกงเยี่ยที่ขมวดคิ้วเป็นปม อดไม่ได้ที่จะพูดขึ้น “หนานกง ฉันขอเอาประสบการณ์ของฉันมาบอกกับแก การที่ผู้ชายคนหนึ่งว้าวุ่นใจเพราะผู้หญิงคนหนึ่งนั้นเป็นเรื่องปกติ ถ้าหากว่าไม่มีความรู้สึกอะไรกับผู้หญิงต่างหากถึงจะเรียกว่าผิดปกติ แต่ปัญหาตอนนี้ก็คือว่าผู้หญิงคนนี้จะทำให้แกสนใจในตัวเธอได้อีกนานแค่ไหน ตอนนี้แกก็ดื่มด่ำกับช่วงเวลาระหว่างที่แกรู้สึกสนใจในตัวเธอ ไว้รอตอนที่แกไม่ค่อยอยากจะสนใจเธอแล้วก็ค่อยสะบัดทิ้ง เรื่องมันก็ง่ายแค่ไหน ไม่มีอะไรให้คิดมาก”
หนานกงเยี่ยรู้สึกว่าความหนักใจที่มีก่อนหน้านี้จู่ๆ ก็หายไป ใช่ เขาปฏิเสธไม่ได้ว่าเขาสนใจในตัวเหลิ่งรั่วปิง นับตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอกันเธอก็ดึงดูดสายตาของเขา แต่ความรู้สึกแบบนี้มันอยู่ได้ไม่นานหรอก เพราะปกติแล้วเขาจะสนใจผู้หญิงคนหนึ่งไม่เกินสองเดือน ในเมื่อตอนนี้เขามีความรู้สึกสนใจในตัวเธอ ถ้าอย่างนั้นเขาก็จะดื่มด่ำกับมัน หลังจากนั้นสองเดือน เขาก็ไม่ต้องรำคาญใจแล้ว
“ฉันไปก่อนนะ” หนานกงเยี่ยวางแก้วลงด้วยสีหน้าที่ไร้อารมณ์ แล้วเหยียดตัวลุกขึ้น เขามักจะเป็นแบบนี้ มีออร่าความเป็นราชาแผ่ซ่านไปทั้งตัว ทั้งยังไม่เคยขอความคิดเห็นจากคนอื่น สิ่งที่เขาพูดออกมานั้นถ้าไม่ใช่คำสั่ง ก็เป็นเพียงแค่การแจ้งให้ทราบเท่านั้น
“นี่ ไปแบบนี้เลย? ” อวี้ไป่หันมองดูแผ่นหลังของหนานกงเยี่ย พร้อมกับอ้าปากกว้าง แต่กลับหยุดพูด ทว่าสุดท้ายเขาก็พูดพึมพำออกมาหนึ่งคำ “หนานกงผิดปกตินิดหน่อย”
มู่เฉิงซีไม่ได้พูดอะไร มองดูแผ่นหลังของหนานกงเยี่ยด้วยแววตาเย็นชา เหมือนว่ากำลังคิดอะไรบางอย่าง
ตอนที่กลับไปถึงวิลล่าหย่าเก๋อ ก็ดึกมากแล้ว หนานกงเยี่ยรู้สึกเหมือนยกภูเขาออกจากอก เขาไม่ได้รู้สึกหนักใจเหมือนก่อนหน้านี้แล้ว
“คุณชายเยี่ย กลับมาแล้วหรอคะ” แม่บ้านรีบเดินขึ้นหน้ามารับเสื้อคลุมตัวนอกของหนานกงเยี่ย
“อืม แล้วเธอกำลังทำอะไรอยู่”
“ทำตามคำสั่งของคุณชาย ได้จัดเตรียมห้องทำงานให้คุณเหลิ่งแล้วค่ะ ตอนกลางวันคุณเหลิ่งอยู่ในห้องทำงานทั้งวันเลยค่ะ หลังจากที่กินมื้อเย็นเสร็จแล้วก็เข้านอนแต่เช้า”
เข้านอนแต่เช้า? หนานกงเยี่ยเลิกคิ้วขึ้นขมวด เธอไม่เคยมีนิสัยเข้านอนแต่เช้ามาก่อน ดูท่าวันนี้คงจะทำงานมาเหนื่อยทั้งวันแล้ว
หนานกงเยี่ยไม่ได้ไปที่ห้องของเหลิ่งรั่วปิง แต่ไปที่ห้องทำงานของเธอ
เมื่อไปถึงห้องทำงาน มองดูโมเดลที่ทำด้วยความละเอียด เป็นโมเดลที่มีเอกลักษณ์ วางอยู่บนโต๊ะตั้งตระหง่านอยู่ตรงนั้น