หนานกงเยี่ยถูกโมเดลนั้นดึงดูดตั้งแต่แวบแรก จากนั้นเขาก็เดินไปแล้วเอาขึ้นมาหมุนดู
แต่ก่อนเขาเคยคิดว่าเหลิ่งรั่วปิงเกิดในครอบครัวสถาปนิก ก็ต้องมีพื้นฐานที่ดี แล้วเธอยังกล้ามาวอนหาเรื่องเขา เพื่อของตำแหน่งสถาปนิกจากเขา คิดว่าเธอก็คงมีพื้นฐานอยู่บ้าง ทว่าเขาไม่เคยคิดเลยว่า มาตรฐานในการดีไซน์ของเธอกลับสูงขนาดนี้
แค่มองจากโมเดล เธอสามารถดีไซน์โรงแรมอิมพิเรียลออกมาได้อย่างแตกต่างและเสมือนจริง ทำให้คนมองแล้วเหมือนมันกำลังจะกางปีก และถ้ามองอย่างละเอียดถี่ถ้วนก็เหมือนเกล็ดปลาที่เปล่งประกาย ทว่าถ้าคุณไม่ระวังเผลอคลาดสายตาไปแวบเดียว มันเหมือนจะขยับได้ และทำให้คนรู้สึกอยากมีอิสระภาพและอยากมีช่องว่างแห่งความเป็นส่วนตัว
เธอเป็นผู้หญิงที่มีความรู้ความสามารถจริงๆ
นี่เป็นการดีไซน์ที่แปลกใหม่และพิเศษ เขาไม่เคยเห็นมาก่อน ทำให้เขารู้สึกน่าทึ่งมากๆ
หลังจากที่ตั้งใจชื่นชมไปสักพัก หนานกงเยี่ยไม่พูดไม่ได้จริงๆ ว่า เหลิ่งรั่วปิงเป็นผู้หญิงที่มีความสามารถ ผู้หญิงแบบนี้สมควรได้รับการดูแลเอาใจใส่
ตรงหน้าของเขาจึงมีภาพที่เธอตั้งใจทำงานผุดขึ้นมา ในใจอขงเขาหวั่นไหวขึ้นมา ผู้หญิงน่าอัศจรรย์ที่โดดเด่นคนนี้ กลับกลายเป็นผู้หญิงของเขา งั้นช่วงเวลาในสองเดือนนี้ หากเขาจะรักใคร่เธอขึ้นมาแล้วจะทำไม
พอคิดถึงแบบนี้ หนานกงเยี่ยจึงได้วางโมเดลลงเบาๆ จากนั้นก็หันหลังเดินออกจากห้องทำงาน แล้วเดินไปห้องน้ำอีกห้องเพื่ออาบน้ำให้เสร็จโดยเร็ว จากนั้นก็เข้าห้องของเหลิ่งรั่วปิงไป
ไฟในห้องนอนของเหลิ่งรั่วปิงปิดไปแล้ว ทว่าไฟตรงหัวเตียงกลับสว่างอยู่ เธอนอนหลับอยู่บนเตียง ในมือยังถือหนังสือไว้หนึ่งเล่ม ลมหายใจของเธอแผ่วเบามากๆ ถ้าไม่ตั้งใจฟังจะไม่ได้ยิน เรือนร่างของเธอผอมบางมีผ้าห่มขนห่านห่อหุ้มอยู่ และกำลังห่อเป็นเกลียว ใบหน้าเรียวเล็กของเธอแดงระเรื่อเล็กน้อย ริมฝีปากของเธออวบอิ่มและดูแวววาวเหมือนผลไม้ลูกสด ตรงริมฝีปากยังมีรอยแผลที่เขากัดเธอเมื่อเช้านี้
เขายืนอยู่ตรงข้างเตียงนอนแล้วสังเกตมองเธอไปสักพัก จากนั้นหนานกงเยี่ยจึงขึ้นไปบนเตียงเบาๆ แล้วดึงหนังสือในมือของเธอออกมา พลางเอาตัวเองเข้าไปในผ้าห่ม ในผ้าห่มนั้นอบอุ่นมากๆ และเต็มไปด้วยกลิ่นหอมของเธอ
หนานกงเยี่ยรู้สึกร่างกายอบอุ่นและใจของเขาก็รู้สึกอบอุ่น
ไม่ว่าจะยังไง เธอคือความงดงาม ความงดงามของเธอสามารถดึงดูดเขาให้ลุ่มหลงมากๆ
ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนทำให้เขาเป็นแบบนี้มาก่อน ตอนที่เขาไม่เจอเธอก็จะคิดถึงเธอ ตอนที่เจอเธอก็ไม่สามารถควบคุมตัวเองไว้ได้ ทว่าเธอกลับยืนอยู่ตรงที่เดิมด้วยความเงียบสงบ และไม่ได้มีความรู้สึกและความคลั่งไคล้ในตัวเขาเลย นี่เป็นเหตุผลที่ทำให้เขารู้สึกโกรธ เขารู้สึกว่าตัวเองไม่สามารถฉุดรั้งเธอไว้ แต่ว่าไหนๆ สองเดือนนี้เขาก็ตัดสินใจที่จะรักและเอาใจใส่เธอแล้ว ถ้าอย่างนั้นก็ไม่ควรไปคิดถึงเรื่องพวกนี้
หนานกงเยี่ยยื่นมือขวาออกไป แล้วยื่นผ่านลำคอและเส้นผมของเธอไป จากนั้นก็ดึงเธอเข้ามากอด แล้วเริ่มหอมหน้าผากและจมูกของเธอ
จริงๆ แล้วเหลิ่งรั่วปิงไม่ได้หลับ แค่ได้ยินเสียงฝีเท้าของหนานกงเยี่ย เธอจึงรีบแกล้งหลับไป ตอนนี้เธอเดาไม่ถูกว่าทำไมเขาถึงโมโหในตอนเช้า เธอต้องการสังเกตเพื่อมองการตอบสนองของเขาอย่างเงียบๆ จากนั้นจึงจะสามารถตอบสนองในแบบที่เขาต้องการได้ แต่สิ่งที่ทำให้เธอนึกไม่ถึงก็คือเขาเหมือนจะไม่โกรธ และยังทำท่าทีที่อ่อนโยนกับเธอ
หนานกงเยี่ยยิ่งหอมยิ่งจูบเธอก็ยิ่งรู้สึกคลั่งไคล้ในตัวเธอมากขึ้น จากนั้นตอนที่กำลังจะประกบจูบลงบนริมฝีปากของเธอ เหลิ่งรั่วปิงจึงไม่แกล้งหลับอีกต่อไป เธอรีบลืมตาขึ้น”คุณหนานกงคะ”
“อืม” หนานกงเยี่ยตอบกลับสั้นๆ จากนั้นก็จูบหน้าผากเธอเบาๆ ต่อ พลางพูดด้วยเสียงต่ำ “ไม่ใช่บอกว่า…จะรายงานงานออกแบบของคุณให้ผมฟังหรอ”
จู่ๆ ในใจของเธอจึงรู้สึกตื่นเต้นดีใจมากๆ เวลานี้หนานกงเยี่ยให้เธอรายงานงานของเธอ งั้นแสดงว่าเขาให้โอกาสเธอ แน่นอนว่าเธอเองก็ไม่ปล่อยให้โอกาสหลุดมือไป
การที่เธอคุยธุระกับผู้ชายคนหนึ่งคนเตียง ก็ย่อมดีกว่าคุยตรงหน้าโต๊ะทำงาน ตอนที่ผู้ชายคนนี้เกิดอารมณ์อยากได้ จึงจะเป็นช่วงเวลาที่จิตใจของเขาอ่อนโยนมากที่สุด