ตอนที่ 32 เขาเปลี่ยนเป็นรักและตามใจขึ้นมาก

เดิมพันเสน่หา

ดังนั้น เหลิ่งรั่วปิงจึงพยายามปรับอารมณ์ของตนเอง จากนั้นพูดเสียงค่อย “งานออกแบบของฉันเสร็จเรียบร้อยแล้วค่ะ แบบแปลนอาคารและภาพประกอบทางเทคนิคก็เสร็จแล้วเหมือน อีกทั้งฉันยังได้ทำโมเดลแบบจำลองขึ้นมา การประเมินราคาค่าใช้จ่ายก็ได้ข้อสรุปแล้วค่ะ” 

 

 

ถึงแม้ว่าเธอจะพยายามควบคุมอารมณ์ของตนเองแล้ว แต่น้ำเสียงของเธอที่พูดออกมานั้นเคล้าไปด้วยความรู้สึก ทำให้เธอรู้สึกอายมาก จนหน้าของเธอแดงระเรื่อขึ้นมามากกว่าเดิม 

 

 

หนานกงเยี่ยพอใจกับปฏิกิริยาของเธอ สำหรับผู้ชายคนหนึ่งนั้น สิ่งนี้ทำให้เขารู้สึกมีศักดิ์ศรีมาก 

 

 

เงยหน้าขึ้นมองใบหน้าเล็กๆ ที่แดงระเรื่อ มุมปากของเขากระตุกยิ้มอย่างมีเลศนัย “โมเดลของคุณผมดูแล้ว ไม่เลวหนิ ไว้วันจันทร์เอาไปให้แผนกวางแผนและแผนกเทคนิคช่วยตรวจสอบประเมินผล จากนั้นค่อยไปพูดกันในที่ประชุม 

 

 

เหลิ่งรั่วปิงรู้ดี หนานกงเยี่ยยอมรับในความสามารถของเธอแล้ว ด้วยเหตุนี้เธอจึงพูดอย่างดีใจ “ขอบคุณนะคะ คุณหนานกง” 

 

 

“อืม” หนานกงเยี่ยขานรับเสียงเรียบ ภายในใจของเขาถูกรอยยิ้มของเธอทำให้ละลาย นิ้วโป้งของเขาสัมผัสไปยังริมฝีปากของเธอ จากนั้นลูบบาดแผลบริเวณริมฝีปากอย่างเบามือ เขารู้สึกสงสารและทะนุถนอมเธอขึ้นมาเล็กน้อย สุดท้าย เขาก็ก้มหน้าลงแล้วประทับจุมพิตลงไปด้วยความแผ่วเบาและอ่อนโยน 

 

 

เหลิ่งรั่วปิงเข้าใจแล้ว ผู้ชายคนนี้เขากำลังรู้สึกผิดในสิ่งที่ตนทำเอาไว้เมื่อตอนเช้า แต่ว่าเขาเป็นผู้ชายที่หยิ่งยโส ต่อให้จะรู้สึกผิดยังไงก็ไม่มีวันพูดออกมา จึงทำได้เพียงใช้วิธีนี้เพื่อปลอบประโลมโดยไร้ซึ่งคำพูดใดๆ 

 

 

ความเป็นจริงเขาไม่ได้เป็นผู้ชายที่น่ารังเกียจ ในทางตรงกันข้ามเขาเป็นผู้ชายที่มีเสน่ห์ด้วยซ้ำไป เขาสามารถทำให้ผู้หญิงทุกคนบนโลกใบนี้บ้าคลั่งเพราะเขา ถ้าหากไม่ใช่เพราะเธอตัดสินใจแต่แรกแล้วว่าวันหนึ่งจะไปจากที่นี่ และจะไม่มีความรู้สึกอะไรกับที่แห่งนี้ เกรงว่าเธอคงถูกเสน่ห์ของเขาดึงดูดไปแล้ว 

 

 

การที่ต้องอยู่ข้างๆ ผู้ชายที่มากความสามารถแบบนี้ อีกทั้งยังต้องคอยทำเรื่องอย่างว่ากับเขา เธอจำเป็นต้องรักษาหัวใจตัวเองเอาไว้ให้ดี 

 

 

หนานกงเยี่ยไม่ได้ผิดคำพูด ตอนที่ไปทำงานในวันจันทร์ เขาก็สั่งให้ก่วงย่าโจว เอางานออกแบบของเหลิ่งรั่วปิง ไปให้กับแผนกวางแผนและแผนกเทคนิคเพื่อที่จะนำไปตรวจสอบประเมินผล อีกทั้งยังสั่งให้พวกเขาเขียนแสดงความคิดเห็นเป็นลายลักษณ์อักษร สถาปนิกที่เข้าร่วมการออกแบบโรงแรมอิมพีเรียลมีทั้งหมดหกคน หลังจากที่ทุกผลงานเข้าร่วมการประเมินผลในทุกรายการแล้วนั้น ก็จะมีการนำไปพูดหารือในที่ประชุม แล้วเลือกผลงานของสถาปนิกเพียงหนึ่งคน ซึ่งถือว่าเป็นการแข่งขันที่สูงมาก 

 

 

สถาปนิกอีกห้าคนนั้น ล้วนเป็นพนักงานเก่าแก่ของบริษัทหนานกง มีเพียงเหลิ่งรั่วปิงคนเดียว ที่เป็นเด็กใหม่ ความเป็นจริงนั้นไม่ได้มีใครเห็นเธออยู่ในสายตา และไม่คิดว่าเธอจะสามารถทำผลงานออกมาได้ดี ทุกคนล้วนเข้าใจว่าเธอเพียงแค่อาศัยเส้นสายในการทำงานไปวันๆ เท่านั้น 

 

 

แต่ผลงานการออกแบบของเหลิ่งรั่วปิง เมื่อนำไปที่แผนกเทคนิคและแผนกวางแผนแล้วนั้น ได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก ทั้งยังถูกชมไม่หยุด 

 

 

แต่ว่า ทุกงานออกแบบนั้น เวลาที่ประเมินต้องคำนึงถึงด้านการใช้งาน สภาพคล่องทางการเงิน ความสวยงามและเทคโนโลยีที่สามารถนำไปใช้ได้ อีกทั้งขั้นตอนในการทำงานนั้นยุ่งยากซับซ้อนมาก ด้วยเหตุนี้การที่จะประเมินผลงานของสถาปนิกทั้งหกคนด้วยความยุติธรรม ไม่ใช่สิ่งที่จะรู้ผลในวันเดียว 

 

 

ด้วยเหตุนี้ วันเวลาหลังจากนั้น เหลิ่งรั่วปิงจึงว่างมาก ตอนที่อยู่ในออฟฟิศ เธอใช้เวลาส่วนมากไปกับการอ่านหนังสือ เพื่อรอผลการกระเมิณอย่างเงียบๆ ทางด้านความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับหนานกงเยี่ยก็เป็นไปในทางที่ดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องบนเตียง หรือว่าเรื่องอื่นๆ เหมือนว่าเขาจะรักและตามใจเธอมากกว่าเดิม 

 

 

แต่ว่าเธอไม่ได้สนใจเรื่องพวกนี้แม้แต่น้อย เพราะว่าเธอไม่ได้รักเขา จึงไม่ได้สนใจเท่าไหร่ ตอนที่เขามาเธอก็ไม่ได้รู้สึกอะไร ตอนที่เขาไปเธอก็ไม่ได้สะทกสะท้าน 

 

 

และคล้ายว่าหนานกงเยี่ยจะเคยชินและปรับตัวกับความคิดของเธอได้แล้ว เขาจึงไม่ได้โมโหอีก ยังคงสวีทหวานกับเธอทุกคืนวัน ในตอนเช้าก็ยังคงตื่นแต่เช้า เพื่อไปบริหารจัดการงานของเขา 

 

 

ความสงบนี้ยังคงดำเนินต่อไปตลอดจนถึงคืนวันศุกร์ของสัปดาห์ที่สอง ทว่าอยู่ดีๆ กลับถูกทำลายลงเพราะมีเรื่องเกิดขึ้นโดยกะทันหัน เพียงชั่วพริบตาก็ทำให้ความสัมพันธ์ของพวกเขาถึงขั้นคอขาดบาดตาย