ตอนที่ 35 เลี้ยงสุนัขไว้เฝ้าสวน
ซูตานหงรดน้ำต้นกล้าไม้ผลทั้งหมดบนภูเขาด้วยน้ำพุวิเศษ ซึ่งแต่ละต้นใช้น้ำนี้ไม่มากนัก แค่หนึ่งชามต่อต้นก็พอแล้ว
จนถึงตอนนี้ ต้นกล้าไม้ผลเหล่านี้ต่างก็เติบโตได้ดี อย่างน้อยก็ไม่มีปัญหาใหญ่
แน่นอนว่าตอนนี้ยังเป็นช่วงสั้น ๆ ถ้าจะดูว่าปลูกได้ผลหรือไม่ยังคงต้องใช้เวลา
เมื่อเธอกลับมา เธอก็พบกับคุณแม่จี้ที่รอเธออยู่นอกประตูบ้าน
“ตานหง เธอขึ้นไปบนภูเขาเหรอ” คุณแม่จี้ถาม
“ค่ะ คุณแม่มาที่นี่ทำไมเหรอคะ?” ซูตานหงพยักหน้าและเปิดประตูให้นางเข้าไป
“ แม่แค่อยากจะแวะมาถามว่าเธออยากปลูกผักชนิดไหนบ้างในสวนนั้น เธอมีที่ดินที่บ้านอยู่แล้ว จะได้ไม่ต้องออกไปซื้อน่ะจ้ะ” คุณแม่จี้บอก
“ได้ทุกอย่างค่ะ คุณแม่จะปลูกอะไรก็ได้” ซูตานหงบอก เธอไม่ต้องการอะไรมากนัก เธอกินผักได้ทุกชนิด ผักชีเธอก็ชอบกินเหมือนกัน
“ไม่เป็นไร งั้นแม่จะปลูกผักให้เธอดู” คุณแม่จี้ยิ้มเมื่อได้ยินดังนั้น และบอกเธอก่อนที่จะออกไป” ครั้งต่อไปที่เธอขึ้นไปบนภูเขาอย่าลืมพาเสี่ยวเฮยไปด้วยนะ”
“ค่ะแม่” ซูตานหงรู้ว่านางกำลังคิดถึงความปลอดภัยของเธอเองจึงพยักหน้ารับคำ
เวลาครึ่งเดือนก็ได้ผ่านพ้นไป
ชีวิตในหมู่บ้านมักจะเงียบเหงาและน่าเบื่อแม้จะมีสิ่งต่าง ๆ เกิดขึ้นก็ตาม อย่างเช่นหญิงม่ายคนหนึ่งตรงท้ายหมู่บ้านที่มีผู้ชายคนหนึ่งเข้าออกบ้านอย่างไม่ขาด และทุกคนก็รู้ว่าชายคนนั้นมาจากบ้านใด
สิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องธรรมดาที่เกิดขึ้นในชนบท แต่มันก็ไม่ได้รบกวนช่วงเวลาดี ๆ ของซูตานหงได้
ตอนนี้ทั้งหมู่บ้านมีใครไม่รู้บ้างว่าซูตานหงได้เลี้ยงสุนัขสีดำตัวใหญ่ที่ทั้งปราดเปรียวและดุร้ายไว้ ซึ่งบางครั้งเธอจะปล่อยมันออกมาโดยไม่ได้ล่ามสายจูง แต่ทุกครั้งที่มันออกมา มันก็จะไม่ไปไหน คอยแต่จะคอยติดตามเธอไปตลอด
ใครก็ตามที่เข้ามาใกล้ซูตานหง สุนัขตัวใหญ่สีดำตัวนี้ก็จะแยกเขี้ยวใส่ ด้วยขนอันเงางามเป็นมันปลาบ ทำให้มันดูราวกับลูกวัวตัวหนึ่งเลยทีเดียว
คนในหมู่บ้านบางคนมีความประสงค์ร้ายและใช้กระดูกหลอกล่อเสี่ยวเฮยที่ตอนนี้มีชื่อใหม่ว่าต้าเฮย แต่เรื่องนี้ก็ทำให้สุนัขตัวอื่น ๆ ต้องมองด้วยตาเป็นประกายกับกระดูกที่ต้าเฮยไม่แม้แต่จะชายตามอง
วันหนึ่งมีชายหนุ่มโสดในหมู่บ้านคนหนึ่งได้ผิวปากแซวซูตานหง ซึ่งซูตานหงในตอนนี้นับว่าเหมือนได้เกิดใหม่โดยแท้จริง ผิวของเธอดูเปล่งปลั่งมีน้ำมีนวล แม้แต่โครงคิ้วและดวงตายังดูนุ่มนวลอ่อนโยน แม้ว่าเธอจะใส่เสื้อผ้าธรรมดาเหมือนคนอื่น ๆ แต่เธอก็สามารถทำให้มันดูแตกต่างจากคนอื่น ๆ ได้
เธอดูเปล่งปลั่งไปทั่วทั้งตัวเสียจนดึงดูดบรรดาหนุ่มวัยรุ่นในหมู่บ้าน ซึ่งบรรดาหนุ่มรุ่นที่ยังโสดเหล่านั้นต่างก็มีดวงตาเป็นประกาย
ซูตานหงไม่สนใจกับเสียงผิวปากเรียกในครั้งแรก ครั้งที่สองเธอก็ยังไม่สนใจเช่นกัน แต่พอถึงครั้งที่สาม เธอก็ได้สั่งให้ต้าเฮยไปกัดชายคนนั้น
ชายโสดคนนั้นถูกกัดเสียจนขาข้างหนึ่งแทบเดี้ยง และเรื่องนี้ก็เข้าหูหัวหน้าหมู่บ้าน
แต่ในที่สุดก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น และซูตานหงก็ไม่ต้องจ่ายค่าทำขวัญแม้แต่แดงเดียว
หนุ่มโสดคนนั้นเป็นที่รู้จักกันทั่วหมู่บ้าน และพอจะมีฝีมือต่อสู้อยู่เหมือนกัน แต่เขากลับไม่ใช่คู่ต่อสู้ที่น่ากลัวของต้าเฮยเลยแม้แต่นิดเดียว ความจริงถ้าไม่ใช่เพราะซูตานหงห้ามแล้ว ลำพังต้าเฮยตัวเดียวก็สังหารเขาได้
ต่อให้มันเป็นสุนัขบ้าน แต่มันก็ดุร้ายไม่ต่างจากสุนัขป่าเลย
นอกจากนี้ยังมีเจี้ยนอวิ๋นของบ้านเธออีกคนที่เป็นคนคอยขวางไว้แม้ว่าตัวจะไม่อยู่ก็ตาม เขาเป็นชายหนุ่มที่แข็งแกร่งที่สุด และหลายคนก็ได้เห็นเขาแล้วในตอนที่เขากลับมาที่นี่ในช่วงปีใหม่ ใครก็ตามที่กล้ามาเกาะแกะกับภรรยาของเขาอย่าคิดที่จะได้ลิ้มลองรสหวานเลยในตอนที่เขากลับมา
วันนี้ซูตานหงมาเรียนวิธีการทำรองเท้ากับคุณป้าหยาง เธอตัดเสื้อผ้าได้ก็จริง แต่ยังทำรองเท้าไม่ได้ คุณป้าหยางจึงเป็นคนสอนให้เธอ และนางก็อยู่ในบ้านที่ติดกับบ้านเธอนี่เอง
“ตอนนี้ต้นกล้าผลไม้บนภูเขาเป็นอย่างไรบ้างจ๊ะ?” คุณป้าหยางถาม
“พวกมันแตกยอดอ่อนออกมาแล้วค่ะ คิดว่าน่าจะรอด” ซูตานหงยิ้ม
ดวงตาของคุณป้าหยางเบิกกว้างเมื่อได้ยินดังนี้ “แตกยอดอ่อนทั้งหมดเลยเหรอจ๊ะ?”
ซูตานหงพยักหน้า “ค่ะ ทุกต้นเลย บางต้นก็มากบางต้นก็น้อย แต่คิดว่าน่าจะรอดหมดทุกต้นเลยค่ะ”
“นั่นดีแล้วล่ะจ้ะ อย่างไรนี่ก็เป็นสวนของเธอเอง ถ้าเธอปลูกรอด อนาคตเธอก็จะได้ผลผลิตดีแน่จ้ะ” คุณป้าหยางพูด
ซูตานหงยิ้ม “ฉันไม่แน่ใจหรอกค่ะว่าจะได้ผลผลิตดีหรือเปล่า ฉันแค่อยากจะปลูกอะไรบนภูเขาลูกนั้นไว้บ้าง ฉันปล่อยให้มันทิ้งร้างอยู่แบบนั้นไม่ได้หรอกค่ะถูกไหม?”
ไม่ใช่อย่างนั้นหรอกจ้ะ แม่สามีเธอกับคนอื่น ๆ ต่างใช้ความพยายามในการปลูกอย่างมากเมื่อหลายปีที่แล้ว แต่พวกเขาก็ปลูกอะไรไม่ขึ้นเลย แต่สะใภ้แสนประเสริฐคนนี้ของบ้านนี้กลับต่างจากพวกเขา เธอปลูกทุกอย่างขึ้นหมดเลย” คุณป้าหยางเอ่ยชื่นชมเธอ
“คุณป้าหยางอย่าเพิ่งชมฉันเลยค่ะ ฉันยังไม่ใช่ครอบครัวแสนประเสริฐที่ว่าหรอก” ซูตานหงกล่าว
คุณป้าหยางลดเสียงลงต่ำ “ตานหง ป้ารู้ว่าเธอเป็นคนดี แต่เธอต้องจำสิ่งนี้ให้ขึ้นใจ เธอคิดว่าพื้นที่ว่างที่เหลือบนภูเขาจะปลอดจากคนอื่น ๆ เหรอ? ถ้าเธอยังไม่แบ่งเขตให้เป็นสัดเป็นส่วนดี ๆ เธอก็ต้องรีบกั้นรั้วเสีย หากสิ่งที่เธอทำมาทั้งหมดสูญเปล่า พี่น้องสะใภ้อีกสามคนของเธอจะต้องรอซ้ำเติมแน่!”
“ขอบคุณคุณป้านะคะ แต่ฉันกับเจี้ยนอวิ๋นเป็นเจ้าของที่ดินทั้งหมดนี้แล้ว ไม่อย่างนั้นคงไม่ลงกล้าไม้ผลไว้ด้วยตัวเองหรอกค่ะ” ซูตานหงยิ้ม
“ถ้าอย่างนั้นก็ดีแล้วจ้ะ” คุณป้าหยางได้ยินก็พยักหน้า จากนั้นนางจึงพูดต่อ “ที่ดินบนภูเขานั้นไม่ใช่น้อย ๆ ในอนาคตถ้าเป็นสวนผลไม้ขึ้นมา ถึงตอนนั้นก็จะต้องจ้างคนงานด้วย นอกจากนี้ก็จะต้องมีสุนัขอย่างต้าเฮยเพิ่มขึ้นมาอีก ต่อให้ไม่มาดูแลนาน ๆ ก็จะไม่มีใครกล้ามาแตะสวนผลไม้นั่นแน่นอนจ้ะ”
ซูตานหงอึ้งไป แต่ก็รับฟังไว้
จริงอยู่ที่ว่าที่ดินผืนนั้นไม่ได้น้อย ๆ ต่อให้คุณพ่อจี้เริ่มจะไปเฝ้าที่ตรงหลังภูเขาแล้ว แต่เขาก็จำเป็นต้องเลี้ยงสุนัขตัวใหญ่อีกจำนวนหนึ่งถึงจะอยู่ได้!
ดังนั้นเมื่อคุณแม่จี้กลับมา ซูตานหงจึงนำเรื่องนี้มาเล่าให้นางฟัง
“เธอไม่จำเป็นต้องเลี้ยงสุนัขเพิ่มอีกหลายตัวหรอก นั่นไม่หมายความว่าต้องให้อาหารเยอะขึ้นเหรอ?”
ต้าเฮยเป็นสุนัขที่ดีก็จริง แต่นางเห็นปริมาณอาหารที่ต้าเฮยกินแล้ว ซึ่งมันกินจุพอ ๆ กับผู้ชายสองคนเลยทีเดียว!
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะคุณแม่ แค่ไปขอไว้ก่อน ถ้าเจอคนที่จะให้ได้แล้วก็ไปขอเขามาเลี้ยงอีก 3 ตัวนะคะ” ซูตานหงกล่าว
คุณแม่จี้คิดว่าหากสวนผลไม้นี้เกิดขึ้นจริงแล้วล่ะก็ มันจะต้องมีขโมยเหมือนอย่างที่คิดกังวลไว้แน่ ๆ แล้วสามีของนางก็ไปเฝ้าที่ตรงนั้นอยู่ แต่ถึงอย่างไรก็คงไม่ดีเท่ากับการมีสุนัขเฝ้าสวนหรอก
นางจึงพยักหน้าตกลงด้วยอาการลังเล
ภายใน 2 วันต่อมา นางก็กลับมาพร้อมกับสุนัขอีก 3 ตัว เป็นตัวผู้ 2 ตัวและตัวเมีย 1 ตัว
“แม่หมาตัวนี้จะเป็นภรรยาของต้าเฮยในอนาคต เลี้ยงดูมันดี ๆ ล่ะ” คุณแม่จี้บอก
ซูตานหงได้ยินก็รู้สึกเขิน นี่คิดจะให้ต้าเฮยผลิตทายาทแล้วงั้นเหรอ?
แต่เห็นได้ชัดว่าต้าเฮยต้อนรับสมาชิกใหม่ทั้งสามตัวเป็นอย่างดี แม้ว่าพวกมันจะยังขยาดกลัวและไม่กล้าเข้าหามันเลยก็ตาม
ซูตานหงจัดทำที่พักอาศัยให้พวกมัน และหาชามข้าวให้ทุกตัว ส่วนชามใส่น้ำนั้นเธอไม่ได้แยก ก่อนจะพูดกับต้าเฮย “พวกแกกินน้ำกันตรงนี้นะ”
“โฮ่ง” ต้าเฮยเห่าใส่เธอ
ซูตานหงรู้ว่ามันเข้าใจที่เธอพูด
กลายเป็นว่าบ้านนี้ได้สุนัขเพิ่มมาอีก 3 ตัว เป็นสีขาวเหลือง 2 ตัวและสีน้ำตาล 1 ตัว พวกมันต่างได้กินอาหารและพักอาศัยที่นี่ทั้งหมด
ในอนาคตพวกมันจะเป็นสุนัขเฝ้าสวน และซูตานหงก็ไม่มีทางปฏิบัติแย่ ๆ กับพวกมันแน่
และในเย็นวันนั้นเอง บุรุษไปรษณีย์จากในเมืองก็ได้มาส่งจดหมาย ซึ่งมันเป็นจดหมายที่ส่งมาจากจี้เจี้ยนอวิ๋น
_______________