ตอนที่ 30 นั่นใช่แฟนฉินหร่านหรือเปล่า

เผยตัวตนลับ จับหัวใจเธอ

“ดาวโรงเรียนเปลี่ยนคนแล้วเหรอ” มู่หยิงเพิ่งรู้ข่าวช่วงปิดเทอมฤดูร้อนที่ผ่านนี้เอง เธอจึงสงสัย “เปลี่ยนเป็นใครอ้ะ” 

 

 

หลี่อวี้หันถอนสายตาอย่างจำยอม แล้วคลี่ยิ้ม “เปลี่ยนเป็นรุ่นพี่มอหกที่เพิ่งย้ายมาใหม่ นามสกุลฉินเหมือนกัน เคยมีรูปนักเลงสาวหน้าสวยคนนั้นอยู่ในกระทู้โรงเรียน แต่ถูกลบไปแล้ว เพราะฉะนั้นหากเธออยากเห็นหน้า จะต้องไปที่ตึกมอหกเท่านั้น เอ่อ จริงสิ ดาวโรงเรียนคนใหม่อยู่ห้องเดียวกับเดือนโรงเรียนสวีด้วย ได้ยินมาว่า เดี๋ยวนี้ที่ห้องนั้นจะมีเด็กจากห้องอื่นมากันเต็มไปหมด” 

 

 

เพื่อนอีกคนไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดีตอนนี้ 

 

 

เธอน่าจะรู้ตั้งแต่แรก แม่ของเธอเคยพูดไว้ก่อนหน้านี้แล้วว่า หากพูดถึงหน้าตาแล้ว ไม่มีคนไหนในตระกูลหนิงที่จะสวยเทียบฉินหร่านได้ 

 

 

มู่หยิงเม้มปาก แล้วครุ่นคิดกับตัวเองด้วยที่พยักหน้า 

 

 

เด็กสาวทั้งสองเดินอย่างช้าๆ  

 

 

ทั้งเดือนโรงเรียนและอดีตดาวกำลังจะเดินผ่านสองสาวไป 

 

 

เด็กสาวชมรมวารสารบีบมือเพื่อนใหม่ไว้แน่นกว่าเดิม แล้วพูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น “ฉันอยู่ใกล้พวกเขาขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย?!” 

 

 

เพื่อนอีกคนก็คิดแบบนั้นเช่นกัน 

 

 

เมื่อมองเห็นฉินอวี่กับสวีเหยากวง เธออ้าปาก กำลังจะเรียกชื่อลูกพี่ลูกน้องออกมา แต่ไม่คิดว่า ลูกพี่ลูกน้องคนดังกลับเดินผ่านไปหน้าตาเฉย 

 

 

“มู่หยิง มู่หยิง เธอเป็นอะไรไปน่ะ” เมื่อเห็นฉินอวี่และทั้งสามคนเดินลับตาไป หลี่อวี้หันจึงหันมาตบบ่าเพื่อนใหม่ที่กำลังน้ำตาไหลอยู่ 

 

 

 

 

 

เด็กสาวที่ร้องไห้นำผมไปทัดหู เมื่อได้สติ เธอก็มองไปทางทิศทางที่คนดังเพิ่งเดินไป “ไม่มีอะไรหรอก” 

 

 

เด็กสาวทั้งสองเปิดประตูออก และเห็นรถสองคันอยู่ไม่ไกล เป็นรถบีเอ็มดับบลิว และเมย์บาค 

 

 

เป็นรถสำหรับคุณหนูฉินและคุณชายเฉี่ยว ส่วนหนุ่มหล่ออีกคนอยู่หอโรงเรียน 

 

 

“ฉันอยากชวนเธอไปดื่มชานม” เด็กชมรมวารสารลากเพื่อนไปที่ร้านชานมที่อยู่ฝั่งตรงข้าม “ร้านชานมข้างๆ อร่อยมาก เสียดายที่วันนี้มีคนรอคิวเยอะเกิน เราไปร้านที่คนน้อยกว่านี้ดีกว่า” 

 

 

** 

 

 

ฉินหร่านไม่เคยรีบร้อนออกจากห้องหลังโรงเรียนเลิก เพราะคนเยอะและเสียงดังเกินไป 

 

 

เด็กสาวจึงยังนั่งอยู่ในห้องต่ออีกครู่ใหญ่ 

 

 

ปรากฏว่าอาจารย์วิชาชีววิทยารีบเข้ามาหยิบการบ้าน เขาไม่ได้เข้ามาในห้อง และมองเห็นเด็กสาวกำลังเดินออกไป เนื่องจากอาจารย์สอนเด็กหลายห้องและนักเรียนแต่ละห้องก็มีจำนวนมาก เขาจึงไม่ได้จำชื่อเด็กได้ทุกคน  

 

 

แต่เขารู้จักเด็กคนนี้ เป็นเด็กเข้าใหม่ที่ผลการเรียนแย่ แต่หน้าตาดี “ฉินหร่าน ช่วยนำการบ้านไปส่งให้จ้งต๋า แล้วให้เขารับกลับมาที่นี่คืนนี้ กระดาษคำตอบอยู่ด้านบน ให้เขาเขียนลงไปที่กระดานดำ” 

 

 

ฉินหร่านหยิบอมยิ้มออกมาจากกล่อง ค่อยๆ แกะซองออก ก่อนนำเข้าปากไป รสชาติหวานของมันทำให้รสขมในปากเธอหายไป 

 

 

เด็กสาวนำการบ้านมาไว้ที่โต๊ะจ้งต๋า 

 

 

และเห็นคะแนนตัวเองอีกครั้ง 

 

 

ยี่สิบสี่คะแนน 

 

 

ฉินหร่านเพียงนัดกระดาษไว้ตรงรูบนโต๊ะ ทันทีที่เด็กสาวเปิดประตูห้องออกมา เธอเห็นเด็กผู้ชายยืนพิงกำแพงตรงทางเดินอยู่ 

 

 

ริมฝีปากบางคู่นั้นเม้มแน่น ใบหน้าเฉยชาและดูเย่อหยิ่ง 

 

 

เขาคือ มู่หนาน 

 

 

“ให้เธอ!” พอเห็นลูกพี่ลูกน้อง เด็กหนุ่มที่ยืนพิงกำเพียงจึงเปลี่ยนมายืนตัวตรง แล้วยื่นสมุดเป็นกองๆ ให้ 

 

 

อีกฝ่ายจาม แล้วรับสมุดมา เสียงดูอู้อี้เล็กน้อย “อะไรเนี่ย” 

 

 

“สมุดไง” เด็กหนุ่มตอบอย่างเย็นขา 

 

 

พอเห็นว่าลูกพี่ลูกน้องยังไม่เข้าใจ เขาเลยพูดต่อ “ฉันไปตามหาพี่ซ่งจนได้สมุดพวกนี้มา เธอไม่ได้พูดหรอกเหรอว่า อยากไปเรียนที่มหา’ลัยปักกิ่ง” 

 

 

มือที่ถือสมุดของเด็กสาวนิ่งไป 

 

 

เธอพูดว่าอยากไปเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยปักกิ่ง ผู้เป็นแม่ดุว่าให้ดูความเป็นจริงด้วย ส่วนน้องสาวก็เย้ยหยัน แม้แต่ป้าหนิงก็ดูไม่ได้เชื่อเธอ ทุกคนคงคิดว่าฉินหร่านแค่ล้อเล่น 

 

 

ดาวโรงเรียนไม่ได้คาดคิดว่าลูกพี่ลูกน้องคนนี้จะมุ่งมั่นขนาดนี้ 

 

 

เด็กหน้าสวยเปิดดูสมุด เป็นสีจากหมึกที่เขียนใหม่ และบันทึกอย่างชัดเจน โดยที่มู่หนานเป็นคนเขียนเรียบเรียงใหม่ให้ 

 

 

เด็กสาวมองตาสีดำของพี่น้องหนุ่ม เธอหรี่ตาลงเล็กน้อย “ขอบใจนะ” 

 

 

“ไม่ต้องขอบใจฉันหรอก ฉันน่ะอยากจะจัดระเบียบสมุดของน้องสาวด้วย” เขาพูดนิ่งๆ “แค่ลอกมาให้เธออ่านง่ายเท่านั้น ไปละ” 

 

 

“เดี๋ยวสิ” ฉินหร่านยิ้ม เธอกลับเข้าไปในห้องเรียน แล้วเก็บสมุดลงบนโต๊ะ ก่อนเดินออกมา 

 

 

มู่หนานยังรอพี่น้องที่ทางลงบันได 

 

 

วันนี้เด็กสาวเดินช้า 

 

 

แม้ว่าไข้จะลดลงแล้ว แต่ใบหน้าของเด็กสาวยังคงแดงผิดปกติเล็กน้อย 

 

 

ลูกพี่ลูกน้องชำเลืองมองมาหลายครั้ง พร้อมขมวดคิ้ว 

 

 

ทันทีที่พวกเขาเดินออกจากโรงเรียน รถโฟล์กสีดำก็บังเอิญแล่นผ่านมาช้าๆ 

 

 

เด็กหนุ่มก้าวหลบด้านข้าง แล้วดึงแขนพี่น้องเขาไว้ แต่ไม่คาดคิดว่ารถสีดำคันเดิมจะเลี้ยว แล้วมาจอดข้างถนน 

 

 

“นี่—” กระจกรถถูกลดลง คนที่นั่งเบาะคนขับโผล่หน้าออกมา ตุ้มหูที่เขาใส่แวววับสุดๆ “ฉินหร่าน ทำไมถึงออกมาข้างนอก” 

 

 

ชายที่นั่งอยู่เบาะหลังที่กำลังหรี่ตาอย่างสบายใจ พอได้ยินประโยคนี้ เขาตาโตขึ้นมาทันที 

 

 

ลู่จ้าวอิ่งมองกระจกหลัง แล้วลูบคางตัวเอง พร้อมยิ้มกริ่มออกมา 

 

 

คุณชายเฉิงวางหมอนลง แล้วเปิดประตู เดินลงจากรถไป 

 

 

คุณหมอหน้าหล่อชำเลืองดูเด็กหนุ่มอีกคนด้วยท่าทีสุภาพ จากนั้นก็ก้มหน้าลงมองฉินหร่าน แล้วพูดเนิบๆ “จะออกไปข้างนอกกับเพื่อนเหรอ” 

 

 

“เปล่าค่ะ หนูอยากให้อะไรเขาหน่อย ทั้งสองคน รอแป๊บนะ” เด็กหน้าสวยขอให้ลูกพี่ลูกน้องเธอรอ จากนั้นก็เดินไปร้านชมนมฝั่งตรงข้าม 

 

 

คุณชายเฉิงพยักหน้าท่าทีนิ่งเรียบ 

 

 

เขาเอนหลัง ก้มหน้าต่ำเล็กน้อย แล้วปรายตามองเด็กนักเรียนชายอีกคน พร้อมเลิกคิ้วตัวเองเล็กน้อย คุณชายน้อยเป็นคนที่ถือตัวเสมอ และไม่ได้พูดอะไรออกมา 

 

 

ทั้งสองหนุ่มหน้าตาดีทั้งคู่ 

 

 

โดยเฉพาะเฉิงเจวี้ยน อวิ๋นเฉิงเป็นเมืองสโลว์ไลฟ์ ตอนกลางคืน เมื่ออาทิตย์ลับขอบฟ้า เมืองยิ่งดูอ่อนโยนขึ้น แต่เพราะท่าทีที่แข็งกร้าวของเขา จึงมาช่วยเติมความแข็งแกร่งและสีสันสดใสให้กับเมืองนี้ 

 

 

มู่หยิงและหลี่อวี้หันที่เพิ่งเดินออกมาจากร้านชานมถึงกับอึ้งไป 

 

 

ครั้งที่แล้ว พวกเขาเจอกันตอนกลางคืน เพราะฉะนั้นหน้าตาของคุณชายเจ้าของรถโฟล์กจึงดูไม่ชัดเพราะแสงไฟน้อย แต่ครั้งนี้ เนื่องจากมีแสงสว่างเยอะพอ จนมู่หยิงอึ้งกิมกี่ไป 

 

 

ภาพที่งดงามตระการตาที่สุดที่พวกเขาเคยเห็นในโลกความจริง คือ เดือนโรงเรียนสวีเหยากวง รองลงมาก็คือบรรดาดาราดัง 

 

 

ตามธรรมดา วงการบันเทิงมีคนหน้าตาดีเยอะแยะ แต่ทุกคนต่างมีตัวกรองเวลาที่อยู่ในจอ 

 

 

“อุ๊ย…คุณพระ” หลี่อวี้หันได้สติในที่สุด เนื่องจากยังไม่ได้เปิดฝาชานม เด็กสาวจึงหันไปคว้าแขนเพื่อน “นั่นหมอประจำโรงเรียนคนใหม่นี่นา เห็นกระทู้มากมายบอกว่าเขาหน้าตาหล่อ เป็นเขาจริงๆ ด้วย ในที่สุดก็เห็นเขาตัวเป็นๆ!” 

 

 

เด็กสาวใจเต้นอยู่นานก่อนจะเริ่มสงบสติลงได้ “ใครคือผู้ชายข้างคุณหมอน่ะ หน้าตาหล่อเหมือนกันน้า ใส่เครื่องแบบโรงเรียนเราด้วย พระเจ้าช่วย ฉันไม่เคยเห็นหน้าเขามาก่อนเลย เป็นเด็กใหม่ใช่ไหมนะ ทำไมพวกเด็กใหม่ปีนี้ถึงแซ่บขนาดนี้” 

 

 

“ฉันรู้จักพวกนั้น นั่นพี่ชายฉันเอง มู่หนาน เราเป็นแฝดเทียมน่ะ” มู่หยิงมองไปที่มือของเพื่อนสาว หัวใจยังเต้นแรง “เดี๋ยวฉันพาเดินไปที่นั่นเอง” 

 

 

“มู่หนาน” เธอพาเพื่อนสาวที่ยังใจเต้นแรงข้ามไปฝั่งตรงข้าม “นี่เพื่อนนายเหรอ” 

 

 

มู่หนานเย็นชาอยู่เสมอ เขามองน้องสาว แล้วพยักหน้าเล็กน้อย ไม่ได้พูดต่อ 

 

 

จากนั้น ก็หันไปมองที่ร้านชานมชื่อดังอีกครั้ง 

 

 

ฉินหร่านเร็วมาก เธอเข้าไปแค่นาทีเดียวก็เดินออกมา 

 

 

ทั้งเขาและหมอหน้าหล่อข้างๆ ต่างมองดูด้วยสายตาตั้งใจ มู่หยิงและเพื่อนสาวคนสดใสจึงมองตามไปที่ร้านโดยไม่รู้ตัว 

 

 

เมื่อมองไป พวกเขาเห็นเด็กผู้หญิงสวมใส่เครื่องแบบโรงเรียนตัวโคร่งออกมาจากร้าน หญิงคนนั้นมีถุงซื้อของในมือ คิ้วนั้นงามประณีต 

 

 

เด็กนักเรียนใหม่รีบข้ามถนนไปฝั่งตรงข้ามเพื่อช่วยเธอถือของ 

 

 

เขาเย็นชาและดูอวดดี เหมือนกับที่กระทู้บรรยายไว้เป๊ะ ดูเข้าไม่ถึง 

 

 

“ดาวโรงเรียนเหรอ” หลี่อวี้หันรู้สึกว่าวันนี้ตัวเองโชคดีพอควร 

 

 

พอมาถึงโรงเรียนวันแรก เธอก็ได้เจอคนสำคัญของโรงเรียนครบทุกคนเลย 

 

 

ผู้ช่วยลู่ที่นั่งอยู่เบาะคนขับรู้สึกราวกับตัวเองดูหนังอยู่ 

 

 

พูดตามจริงก็คือ นี่เป็นครั้งแรกที่ฉินหร่านอยู่ใกล้กับผู้ชาย ไม่ต้องพูดเรื่องที่เขาอยู่ใกล้ชิดเธอเลย เขายังจับมือเธออยู่ด้วยซ้ำ 

 

 

หากคนคนนั้นเป็นเขา ชายที่นั่งในรถคิด แม่เด็กนั่นต้องหักแขนเขาแหงๆ 

 

 

เขาสังเกตดูนายน้อยที่ยืนพิงหน้าต่างรถ แล้วหันไปมองเด็กชายที่ช่วยดาวโรงเรียนถือถุงด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง 

 

 

ชายหนุ่มอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ เขาลดกระจกคนขับลง มองไปข้างนอกที่ฉินหร่าน แล้วพูดขึ้นพร้อมคลี่ยิ้ม “ฉินหร่าน เธอเป็นใครถึงมาทำให้พวกเราต้องรอเนี่ย” 

 

 

จากนั้น คุณชายลู่ชำเลืองมองนายหนุ่ม หัวเราะหึๆ แล้วหันหน้าไปทางมู่หยิง พร้อมกระตุกมุมปากด้านหนึ่งยิ้มขึ้น “พวกเธอทุกคนรู้จักกันหมดเลยเหรอ เจ้านักเรียนนั่นเป็นแฟนฉินหร่านเหรอ” 

 

 

“มะ ไม่ใช่ค่ะ นั่นพี่หนูเอง ฉินหร่านเป็นลูกพี่ลูกน้องพวกเรา อายุมากกว่าพวกเราสามปี และเพิ่งย้ายมาที่นี่ปีนี้” คงจะหาโอกาสได้ยากที่จะได้พูดกับหนุ่มหล่อแบบนี้ มู่หยิงจึงพูดติดๆ ขัดๆ 

 

 

“อ้อ พวกเธอเป็นญาติกัน แก่กว่ากันสามปีเลยเหรอ” ลู่จ้าวอิ่งแอบดูหมอหนุ่ม หลังจากได้ที่มู่หยิงบอกว่า พวกเขาเป็นญาติกัน เขายิ้มอย่างสบายใจ “เธอข้ามชั้นเหรอ” 

 

 

มู่หยิงส่ายหน้า แล้วพูดเบาๆ “ มะ..ไม่ใช่ค่ะ พี่ฉินไม่ได้เรียนไปปีหนึ่ง เพราะ…เอาเป็นว่า โรงเรียนเก่าไม่รับเธอเข้าเรียน เลยย้ายมาเรียนที่อี่จงแทน”