ตอนที่ 33 การโดนคุณทำลายน้ำใจกลับเป็นสิ่งที่ตรงใจผมมากกว่าเสียอีก

ช้าก่อนคุณป๋อ! ครั้งนี้ขอเป็นรักสุดท้าย

“ผมต้องการคุณ!” 

 

 

คำพูดทุ้มต่ำและกระชับดังขึ้นอีกครั้ง 

 

 

แม้จะออกมาจากน้ำเสียงที่แผ่วเบา แต่ฤทธิ์ของมันร้ายแรงพอที่จะบีบรัดก้อนเนื้อกลางอกของเธอ 

 

 

หัวใจของเธอเต้นอย่างบ้าคลั่ง 

 

 

เธอรวบมือเข้ามาแล้วกลับมานั่งตัวตรงอีกครั้ง 

 

 

เหม่อมองสายฝนข้างนอกรถผ่านหน้าต่างที่ดูท่าแล้วว่าจะตกหนักขึ้นกว่าเก่า ใช้ความพยายามอยู่พักใหญ่เพื่อทำให้หัวใจที่เต้นไม่หยุดค่อยกลับมาเต้นในจังหวะปกติ 

 

 

ความเงียบเข้าปกคลุมในห้องโดยสาร หยาดฝนข้างนอกเกาะตัวเข้าด้วยกันค่อยๆ ไหลลงมาบนหน้าต่างรถ เบลอทัศนียภาพข้างนอกรถไปอย่างช้าๆ 

 

 

เป็นเวลาเนิ่นนานกว่าเธอจะเอ่ยขึ้นอีกครั้งในลำคอ 

 

 

“คุณพูดถูก ฉันควรจะเริ่มต้นใหม่ ยินดีด้วยที่คุณได้กลายเป็น…ผู้ชายคนแรกในชีวิตใหม่ของฉัน?” 

 

 

ป๋อจิ่งชวนเลิกคิ้ว 

 

 

“เปลี่ยนการพูดซะไหม ไม่ใช่ผู้ชายคนแรก ต้องเป็นผู้ชายคนเดียวเท่านั้น” 

 

 

เฉินฝานซิงกำมือที่วางอยู่หน้าลำตัวแน่น 

 

 

เธอลังเลอยู่สักพัก ในใจคิดถึงแต่สิ่งที่เขาเพิ่งพูดออกมา หัวใจก็อดที่สั่นไหวไม่ได้ 

 

 

“ป๋อจิ่งชวน…ฉันไม่รู้ว่าจะเชื่อใจคุณได้ยังไง” 

 

 

เธอพูดสิ่งที่ไม่ตรงกับใจออกมาอย่างยากลำบาก 

 

 

ไม่ใช่ว่าไม่อยากเชื่อใจ แต่เธอแค่ไม่อยากจะให้มันจบแบบครั้งที่ผ่านมา 

 

 

เธอเองก็เคยเชื่อใจซูเหิงอย่างไร้ข้อแม้มาก่อน เวลาแปดปีทำให้เธอไม่แคลงใจเลยแม้แต่น้อย 

 

 

แล้วสุดท้ายล่ะ 

 

 

แบบนี้จะทำให้เธอไว้ใจผู้ชายที่เจอกันเพราะพรหมลิขิตได้ยังไง 

 

 

จะให้เธอเอาชีวิตเป็นเดิมพันง่ายๆ แบบนี้? 

 

 

ทำไม่ได้ เธอทำไม่ได้จริงๆ 

 

 

การหลีกหนีจากความเจ็บปวดเป็นพื้นฐานของมนุษย์ ไม่มีจะมาบังลมบังฝนให้เธอได้ เธอจึงต้องปกป้องตัวเองเหมือนเม่นตัวหนึ่งก็ไม่เลวเหมือนกัน 

 

 

เขากวาดตามองเธออย่างราบเรียบก่อนพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบว่า 

 

 

“นั่นมันหน้าที่ของผม” 

 

 

“…” เธอแหงนหน้ามองเขา 

 

 

“จะทำให้คุณไว้ใจผมได้ยังไง เป็นหน้าที่ของผม” 

 

 

เขาทวนคำพูดอีกครั้งแล้วค่อยๆ คลี่ยิ้มออกมา ดวงตาสีดำขลับฉาบไปด้วยแสงสะท้อนจางๆ 

 

 

“ถ้าได้คุณมาง่ายๆ งั้นสายตาของผมก็คงจะมีปัญหาแล้วล่ะ การโดนคุณทำลายน้ำใจกลับเป็นสิ่งที่ตรงใจผมมากกว่าเสียอีก” 

 

 

เธอชะงักไปค่อนวัน รู้สึกว่าผู้ชายตรงหน้าเธอนี้จะกินแรงอยู่เอาการ 

 

 

เธอคง…รับมือได้ยากพอควร 

 

 

สุดท้ายเธอทำได้เพียงยกมือขึ้นกุมหน้าผากเกลี้ยงเกลาอย่างหน่ายใจ พ่นลมหายใจออกมาเบาๆ 

 

 

“แค่คุณสบายใจก็พอแล้ว” 

 

 

“รอคุณยอมรามือคงไม่ใช่เรื่องง่าย” 

 

 

เสียงในลำคอของเขาเปี่ยมไปด้วยความสุข บรรยากาศในรถที่เต็มไปด้วยแรงกดดันเมื่อครู่กลับมีชีวิตชีวาขึ้น 

 

 

“ฉันยังไม่ได้ตอบตกลงนะ” 

 

 

บรรยากาศดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดทำให้เฉินฝานซิงรู้สึกว่าอาการของเขาเหมือนชายหนุ่มที่เพิ่งขอหญิงสาวแต่งงานได้สำเร็จ 

 

 

“ผมรู้” รอยยิ้มของเขาไม่ได้กว้างน้อยไปกว่าเดิม 

 

 

“แล้วคุณดีใจอะไร” 

 

 

“สิ่งที่คุณพูดเมื่อกี้ ไม่ได้หมายความว่าคุณยอมให้ผมจีบคุณได้หรอกเหรอ” 

 

 

“…ลาก่อน” 

 

 

เฉินฝานซิงลอบขบริมฝีปาก ความเคอะเขินปรากฏขึ้นบนใบหน้าสวย 

 

 

รู้ว่าเขาฉลาดหลักแหลมแค่ไหน แต่การตอบโต้แบบนี้มันเร็วเกินไปแล้ว 

 

 

เธอก็แค่ไม่อยากรับมือกับเขาต่อ จะยอมหรือไม่เธอเลือกได้ที่ไหน 

 

 

ถ้าเธอไม่ยอมด้วยเขาจะยอมยกธงขาวว่างั้น? 

 

 

คำตอบคงไม่ต้องคิดนาน 

 

 

ว่าจบเธอก็หันไปเปิดประตู ทว่าป๋อจิ่งชวนกลับยื่นมือมารั้งมือเธอเอาไว้ 

 

 

ฝ่ามือใหญ่อบอุ่นกอบกุมเรียวนิ้วขาวนวลปานดอกโหรวถี ผิวหนังที่สัมผัสกันโดยตรงจนเธอแข็งทื่อไปทั้งตัว 

 

 

“คุณ…จะทำอะไร” 

 

 

“ฝานซิง” 

 

 

เสียงทุ้มต่ำและน่าหลงใหลค่อยๆ กังวานในห้องโดยสารรถยนต์แคบ 

 

 

สองคำดูเหมือนจะเคี่ยวอยู่ในลำคอของเขาเนิ่นนาน ริมฝีปากและฟันพึมพำด้วยเสียงต่ำเป็นธรรมชาติและชวนฟัง 

 

 

คิ้วของเธอกระตุกเบาๆ