เสียงแผ่วเบาทำหัวใจเธอเต้นระส่ำ 

 

 

เธอไม่รู้มาก่อนเลยว่าจะมีใครเอื้อนเอ่ยชื่อของเธอได้อบอุ่นถึงเพียงนี้ 

 

 

และเป็นครั้งแรกที่รับรู้ว่าที่คุณแม่เคยบอกว่าชื่อของเธอนั้นเป็นชื่อที่ไพเราะนั่นคือเรื่องจริง 

 

 

ฝานซิง… 

 

 

ฟังตอนนี้แล้วรู้สึกว่ามันเพราะจริงๆ 

 

 

เธอไม่ไหวติง โดยปล่อยให้เขากุมเอาไว้และปล่อยให้เขาเอื้อนเอ่ยชื่อของตัวเอง 

 

 

ลืมไปหมดแล้วว่าเธอยอมให้เขาสามารถไล่ตามเธอได้แต่ไม่ต้องการให้เขาก้าวได้เร็วขนาดนี้ 

 

 

“วันสองวันนี้นี้ผมคงจะยุ่งหน่อย คุณเองก็พักผ่อนมากๆ ไว้ผมจะโทรหา” 

 

 

ฝ่ามือที่กุมมือเธอไว้ค่อนข้างแน่น เสียงทุ้มต่ำในลำคอเปี่ยมไปด้วยความอาลัยอาวรณ์ 

 

 

“อืม” เธอครางรับเบาคล้อยตามแบบที่หาได้ยาก 

 

 

เขายิ้ม นัยน์ตาราวบ่อน้ำลึกเกิดระลอกคลื่นบางๆ ที่สามารถทำให้หัวใจสั่นคลอน 

 

 

เธอขยับมือพยายามจะดึงกลับมา ในเมื่อพูดจบไปตั้งนานแล้วเธอก็ควรจะลงจากรถได้แล้ว 

 

 

แต่ป๋อจิ่งชวนกลับไม่ยอมปล่อยเธอแถมยังกระชับฝ่ามือแน่นขึ้นกว่าเดิม 

 

 

“ศุกร์หน้าทำตัวให้ว่างไว้นะ” 

 

 

“ทำไมคะ มีอะไรงั้นเหรอ” 

 

 

ป๋อจิ่งชวนพยักหน้ารับเบาๆ 

 

 

“อืม ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร” 

 

 

“งั้น…” 

 

 

“จะปฏิเสธผม?” 

 

 

เขาจ้องเธอ ความกระจ่างแจ้งปรากฏชัดในดวงตาสีนิล 

 

 

เธอเม้มปาก “จะไปไหน” 

 

 

เบาเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยจนแทบไม่สังเกตเห็น “เมื่อถึงเวลานั้นผมจะให้อวี๋ซงมารับคุณเอง” 

 

 

“…ค่ะ” 

 

 

เธอตอบรับ แต่มือที่กลับโดนอีกคนกุมไว้ไม่ยอมปล่อย 

 

 

เธอก้มลงมองสองมือที่เกี่ยวรัดกันอยู่อย่างอดใจไม่ไหว บนมือเธอมีกาวติดอยู่หรือไงนะ 

 

 

ถึงทำให้แกะยากแกะเย็นขนาดนี้ 

 

 

“เอ่อ…รู้สึกว่าครั้งต่อไปจะไม่ได้จับง่ายๆ แบบนี้แล้ว” 

 

 

ป๋อจิ่งชวนไขข้อสงสัยให้เธอ 

 

 

คุณไปเรียนวิชาอ่านใจมาหรือไงนะ 

 

 

เธอได้พูดสักคำหรือยัง 

 

 

ในฐานะผู้นำตัวเล็กๆ เฉินฝานซิงชอบคนที่ฉลาดมาตั้งแต่ไหนแต่ไร ในฐานะพนักงานและผู้ช่วยตัวเองนั้นเป็นเรื่องที่หาได้ยากเย็น 

 

 

ทว่าตั้งแต่วินาทีที่รู้ว่ายังมีผู้ชายที่ชื่อป๋อจิ่งชวนคนนี้อยู่บนโลก มีหลายครั้งหลายคราที่ทำให้เธอต้องเป็นความคิดของตัวเอง 

 

 

บางครั้งมนุษย์ก็ฉลาดเกินไปก็ใช่ว่าจะเป็นเรื่องดี 

 

 

เธอออกแรงดึงมือกลับยื้อยุดอยู่นานจนหน้าขึ้นสี 

 

 

“ฉันจะลงไปล่ะ” 

 

 

ป๋อจิ่งชวนเก็บมือกลับมาวางไว้บนพนักแขนอย่างง่ายดาย จ้องมองเธอด้วยรอยยิ้มอบอุ่น 

 

 

“โอเค ไปเถอะระวังฝนด้วย” 

 

 

“อืม” 

 

 

เฉินฝานซิงเปิดประตูแล้วพุ่งออกไปอย่างไม่รีรอ 

 

 

ไอความหนาวเย็นพัดโชยเข้ามา ตามมาด้วยเสียงฝนตกปรอยๆ ทำให้เธอผงะไปเล็กน้อย 

 

 

อากาศที่อบอุ่นและบรรยากาศเงียบสงบ นาทีที่เปิดประตูออกเสียงระงมและความหนาวเย็นอย่างกับโลกน้ำแข็งก็ทะลักเข้ามา 

 

 

อวี๋ซงรีบเอาร่มมาบังศีรษะของเธอไว้ไม่ปล่อยให้หยาดฝนได้สัมผัสโดนเธอแม้แต่น้อย 

 

 

หัวใจที่เริ่มหนาวเย็นเมื่อสักครู่ได้สงบลงทันใด 

 

 

“ระวังครับคุณหนูเฉิน” 

 

 

อวี๋ซงใช้น้ำเสียงนอบน้อมเป็นพิเศษ ถึงขนาดว่าดวงตาทั้งคู่จ้องเธอไม่วางตาราวกับกลัวว่าเธอจะมีรอยขีดข่วน 

 

 

“ขอบคุณค่ะ” 

 

 

เธอก้มตัวลงจากรถพร้อมทั้งปิดประตูในเวลาเดียว 

 

 

ประตูรถที่ปิดสนิทตัดขาดจากความหวานเย็นที่ลอดผ่านเข้ามาจนในรถกลับมาอุ่นอีกครั้ง 

 

 

ป๋อจิ่งชวนนั่งอยู่ในรถ แสงวูบวาบปรากฏขึ้นจางๆ ในดวงตาสีดำขลับ มุมปากบางยกขึ้นสูง 

 

 

ผู้หญิงน่ารัก