ดวงตาของพี่สะใภ้ใหญ่งดงามเหลือเกิน น้ำเสียงก็อ่อนโยนยิ่งนัก เซียวจื่อเมิ่งรู้สึกชอบมากจริงๆ
นางพยักหน้าไม่หยุด กล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนหวานน่ารัก “ชอบ ชอบมากๆ เจ้าค่ะ!”
เซี่ยยวี่หลัวโอบกอดนางแน่นขึ้น “ถ้าชอบ เช่นนั้นพรุ่งนี้จะเล่าให้เจ้าฟังต่อ นิทานเรื่องนี้ยาวมาก พี่สะใภ้ใหญ่ต้องเล่าให้เจ้าฟังนานมากถึงจะเล่าจบ แต่จื่อเมิ่งตัวน้อยวางใจได้ คืนพรุ่งนี้พี่สะใภ้ใหญ่ยังจะเล่าให้เจ้าฟังอีก!”
เหมือนกลัวว่าเซียวจื่อเมิ่งจะไม่เชื่อ เซี่ยยวี่หลัวจึงกล่าวเสริม “ต่อไปพี่สะใภ้ใหญ่จะเล่านิทานให้เจ้าฟังทุกคืน!”
เซียวจื่อเมิ่งรู้สึกยินดียิ่ง “จริงหรือ? พี่สะใภ้ใหญ่ พรุ่งนี้จะเล่านิทานให้จื่อเมิ่งฟังอีกหรือ?”
“แน่นอน” เซี่ยยวี่หลัวยิ้มพร้อมกล่าว ใช้มือเคาะศีรษะของคนตัวเล็กเบาๆ กล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “นี่ก็ดึกแล้ว พวกเรารีบนอนกันเถอะ”
เซียวจื่อเมิ่งมองเซี่ยยวี่หลัว ก่อนปิดตาคู่โตทันที ผ่านไปครู่หนึ่งก็ลืมตาอีก มองเซี่ยยวี่หลัวที่กำลังหลับตาพริ้ม นางจึงหลับตาลง แต่ไม่นานก็ลืมตาอีกครั้ง เซี่ยยวี่หลัวมีความรู้สึกไวมาก ตอนที่นางลืมตา ก็เห็นเซียวจื่อเมิ่งที่กำลังเบิกตากว้างมองพินิจนางอยู่เข้าพอดี
เซี่ยยวี่หลัวนึกว่าเป็นเพราะนิทานที่ตัวเองเล่าสนุกเกินไป ทำให้เด็กคนนี้นอนไม่หลับ จึงกล่าว “จื่อเมิ่งวางใจได้ พรุ่งนี้พี่สะใภ้ใหญ่จะเล่าให้เจ้าฟังแน่นอน”
เซียวจื่อเมิ่งหลับตา ก่อนลืมตาอีกครั้ง จากนั้นจึงเอื้อมมือเล็กไปสัมผัสสันจมูกโด่งของเซี่ยยวี่หลัวอย่างระมัดระวัง เซี่ยยวี่หลัวหัวเราะ “มีอะไรหรือ?”
“พี่สะใภ้ใหญ่ จื่อเมิ่งคล้ายกำลังฝันอยู่เจ้าค่ะ!” เซียวจื่อเมิ่งไม่กล้าเชื่อจริงๆ ว่าพี่สะใภ้ใหญ่ที่ตอนนี้ดีกับนางถึงเพียงนี้ เป็นพี่สะใภ้ใหญ่ของนางจริงหรือ?
หรือว่าหลังจากลืมตาตื่นขึ้น พี่สะใภ้ใหญ่คนเดิมที่ทั้งดุและร้ายกาจจะกลับมาอีก!
“เช่นนั้นเจ้าชอบพี่สะใภ้ใหญ่ในตอนนี้หรือพี่สะใภ้ใหญ่คนเดิม?” เซี่ยยวี่หลัวหยอกนาง
“ต้องเป็นพี่สะใภ้ใหญ่ในตอนนี้อยู่แล้ว!” เซียวจื่อเมิ่งพูดโพล่งออกมา ไม่นานก็รู้สึกว่าคำพูดของตัวเองไม่ถูกต้อง กัดริมฝีปาก มองเซี่ยยวี่หลัวด้วยความรู้สึกผิด “พี่สะใภ้ใหญ่คนเดิมและพี่สะใภ้ใหญ่ในตอนนี้ ล้วนเป็นพี่สะใภ้ใหญ่”
เพียงแต่…
นางก็ยังชอบพี่สะใภ้ใหญ่ในตอนนี้อยู่ดี
เมื่อเห็นสีหน้าของเด็กคนนี้ที่ตั้งตารอคอยและหวาดกลัว หัวใจของเซี่ยยวี่หลัวแทบละลาย ทำไมถึงมีเด็กที่น่ารักได้ถึงเพียงนี้
นางตบหลังซูบผอมของเซียวจื่อเมิ่งเบาๆ พลางกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “เด็กโง่ นอนเถอะ พรุ่งนี้เช้าพี่สะใภ้ใหญ่จะทำไข่ตุ๋นหมูสับให้กิน”
เซียวจื่อเมิ่งหลับตาด้วยความดีใจ คราวนี้ไม่ได้ลืมตาอีก อาจเพราะอาบน้ำแล้ว สะอาดและสบายตัว ใต้ผ้านวมก็อบอุ่น ไม่นานเซียวจื่อเมิ่งก็หายใจด้วยจังหวะสม่ำเสมอ นอนหลับไปแล้ว
แต่เซี่ยยวี่หลัวกลับนอนไม่หลับ
นางลืมตาขึ้นมองเด็กที่อยู่ในอ้อมแขนตัวเอง ตอนนี้นางรู้สึกสงสัย เซี่ยยวี่หลัวตัวจริง ไปไหนแล้ว?
วันใดวันหนึ่งที่นางลืมตาตื่นขึ้น เซี่ยยวี่หลัวที่เป็นเจ้าของร่างนี้ จะกลับเข้ามาในร่างนี้อีกครั้ง กลับเข้าสู่บทบาทเดิมของนาง กลับมาเป็นพี่สะใภ้ใหญ่ที่โหดร้ายเหมือนเดิมหรือไม่?
แม้ว่าเซี่ยยวี่หลัวจะรู้สึกผิดที่ยึดร่างกายนี้ไว้ แต่…
เมื่อคิดถึงชะตากรรมที่เด็กสองคนนี้ต้องเผชิญในภายหลัง จู่ๆ นางก็เกิดความปรารถนาเสี้ยวหนึ่ง เซี่ยยวี่หลัว เจ้าอย่าได้กลับมาอีกเลย
เซี่ยยวี่หลัวสะลึมสะลือและหลับไปหลังเที่ยงคืน เซียวจื่อเซวียนที่อยู่ห้องข้างๆ ก็พลิกตัวไปมา ทำอย่างไรก็หลับไม่สนิท
ผ้านวมที่ผ่านการตากแดดวันนี้ ทั้งอบอุ่นและสะอาด ห่มอยู่บนตัวรู้สึกอุ่นไปทั้งตัว
ตั้งแต่ท่านพ่อท่านแม่ล้มป่วย เซียวจื่อเซวียนก็ไม่เคยได้นอนในผ้านวมที่อบอุ่นและสะอาดเช่นนี้อีก
เตียงที่เดิมทีแข็งกระด้าง ปูด้วยผ้าปูเตียงบางๆ หนึ่งชั้น เมื่อถึงช่วงหลังเที่ยงคืน ก็หนาวจนสั่นไปทั้งตัว แต่ตอนนี้ แม้จะนอนไม่หลับ แต่กลับไม่หนาวสักนิด ตั้งแต่หัวจรดเท้า แม้แต่ปลายนิ้วเท้ายังอบอุ่น
เซี่ยยวี่หลัวเก็บกวาดห้องให้พวกเขาได้ดีถึงเพียงนี้ ถือเป็นปาฏิหาริย์ชัดๆ!
ต้องรู้ว่าเซี่ยยวี่หลัวในอดีต ถูกบีบบังคับให้แต่งเข้าบ้านพวกเขา มองอะไรก็ขวางหูขวางตา นางเองไม่ยอมทำอะไรสักอย่าง ให้เขาและจื่อเมิ่งดูแลนาง ปรนนิบัตินาง หากมีอะไรที่ทำไม่ได้ดั่งใจนางแม้เพียงน้อยนิด สถานเบาคือถูกด่า สถานหนักคือลงมือทุบตี บางครั้งพี่ใหญ่โมโหนางแทบกระอักเลือดแต่กลับทำอะไรไม่ได้
ใครให้นางเป็นผู้มีพระคุณช่วยชีวิตของท่านพ่อท่านแม่ในตอนนั้น หากไม่ใช่เพราะท่านตาของเซี่ยยวี่หลัว ท่านพ่อท่านแม่จะฝืนทนต่ออีกครึ่งปีได้อย่างไร!
เมื่อเซียวจื่อเซวียนคิดถึงบิดามารดา ขอบตาก็ชื้นแฉะขึ้นมา หากท่านพ่อท่านแม่ไม่ได้จากไปเร็วขนาดนั้น พวกเขาก็คงไม่ต้องตกอยู่ในสถานการณ์อย่างทุกวันนี้
เขาเป็นเพียงเด็กอายุแปดขวบ เมื่อคิดถึงบิดามารดา จึงส่งเสียงสะอื้นไห้ออกมา จนถึงช่วงหลังเที่ยงคืนจึงหลับไปด้วยความเหน็ดเหนื่อย
วันรุ่งขึ้น เซี่ยยวี่หลัวตื่นขึ้นเพราะความเจ็บปวด
ท้องน้อยเหมือนถูกอะไรบางอย่างดึงรั้งเอาไว้ ภายในท้องเหมือนมีอะไรจะหลุดออกมา เจ็บปวดจนนางรู้สึกเหมือนร่างกายจะแยกออกเป็นชิ้นๆ เซี่ยยวี่หลัวรีบลุกขึ้น เห็นคราบเลือดสีแดงบนกางเกงชั้นใน เจ็บปวดจนแทบหมดสติ
นี่มันร่างกายอะไรกัน ทำไมแค่ประจำเดือนมา ถึงทำให้เจ็บปวดเจียนตายแบบนี้ได้
เซี่ยยวี่หลัวจำได้ว่าภายในตู้มีสายคล้องแถบผ้าที่ทำขึ้นเองอยู่ ยังดีที่เซี่ยยวี่หลัวผู้นี้เป็นคนพิถีพิถันอยู่แล้ว ไม่ได้เหมือนคนอื่นที่ใช้เพียงขี้เถ้า ซักสายคล้องแถบผ้าจนสะอาดและวางไว้ภายในตู้ น่าจะยังไม่เคยใช้
เซี่ยยวี่หลัวนำมาใช้หนึ่งชิ้น จากนั้นจึงกุมท้องขึ้นเตียงไป
ท้องฟ้าด้านนอกยังมืดสลัว เซี่ยยวี่หลัวหลับตาเพลงเอามือกุมท้อง พลิกตัวไปอีกด้าน ก่อนจะนอนต่อ
เมื่อนางตื่นขึ้นอีกครั้ง ท้องฟ้าด้านนอกก็สว่างแล้ว
เซียวจื่อเมิ่งที่อยู่ข้างๆ หายไปนานแล้ว พับผ้านวมไว้อย่างเรียบร้อย เซี่ยยวี่หลัวพลิกตัวด้วยท่าทางเอื่อยเฉื่อย ด้านล่างมีน้ำไหลออกมาเหมือนน้ำพุก็มิปาน นางกลัวว่าจะทำให้ผ้าปูเตียงเลอะ จึงรีบลุกขึ้นมาเปลี่ยนสายคล้องแถบผ้าอีกหนึ่งชิ้น
ด้านนอกเงียบสนิท เซี่ยยวี่หลัวทรมานเจียนตาย นางเปลี่ยนเสร็จก็ขึ้นเตียงไปพักผ่อนต่อ
เพราะเซี่ยยวี่หลัวไม่ได้ลุกขึ้น จึงไม่ได้ทำอาหารเช้า เซียวจื่อเซวียนและเซียวจื่อเมิ่งทำอาหารไม่เป็น ในห้องครัวยังมีเกี๊ยว แต่เซียวจื่อเซวียนต้มไม่เป็น และไม่กล้าแตะต้องส่งเดช ได้แต่ใช้น้ำต้มผักจี้ช่ายกินกับเซียวจื่อเมิ่งคนละหนึ่งชาม
ตอนเซียวจื่อเมิ่งลุกขึ้น เห็นเซี่ยยวี่หลัวหลับสนิท จึงไม่กล้าปลุกนาง เมื่อเห็นผักจี้ช่ายในชามตรงหน้า เซียวจื่อเมิ่งเอ่ยถาม “พี่รอง พี่สะใภ้ใหญ่ยังไม่ตื่นเลยเจ้าค่ะ”
เซียวจื่อเซวียนใช้ตะเกียบคีบผักจี้ช่ายกำลังจะใส่เข้าปาก จู่ๆ ก็หยุดนิ่ง “อาหารเหล่านั้นที่นางอยากกิน ข้าก็ทำไม่เป็น”
เซียวจื่อเมิ่งดึงมือเซียวจื่อเซวียน ร้องไห้พลางเอ่ยถาม “พี่รอง เหตุใดวันนี้พี่สะใภ้ใหญ่ถึงไม่ลุกขึ้นมาล่ะ?”
เมื่อคืนนางบอกแล้ว ว่าตอนเช้าจะลุกขึ้นมาทำอาหารอร่อยให้นางกิน!
เซียวจื่อเซวียนรู้ว่าน้องสาวอายุยังน้อย หลังจากได้รับการดูแลเอาใจใส่จากเซี่ยยวี่หลัวมาหลายวัน จะมีใจพึ่งพาเซี่ยยวี่หลัวเป็นอย่างมาก วันนี้นางไม่ได้ลุกขึ้นมาทำสิ่งที่นางทำสองวันที่ผ่านมา เซียวจื่อเมิ่งก็กระวนกระวายใจแล้ว
แม้ว่าภายในใจเซียวจื่อเซวียนจะรู้สึกหดหู่ แต่เพราะก่อนหน้านี้มีใจคิดสงสัยมาตลอด ดังนั้น เมื่อเห็นว่าเซี่ยยวี่หลัว “เผยธาตุแท้” อีกครั้ง จึงไม่ได้รู้สึกผิดหวังสักเท่าไร
นับตั้งแต่วันที่เซี่ยยวี่หลัวแต่งเข้ามา ก็เป็นคนแบบนี้ เพียงต่างจากเดิมไม่กี่วัน เขาจะเชื่อสตรีที่เห็นแก่ตัวแบบนั้นมาตลอดได้อย่างไร?
เดิมทีนางก็เป็นสตรีเห็นแก่ตัวอยู่แล้ว เป็นเช่นนี้เสมอมา!
แค่เปลี่ยนไปไม่กี่วันเท่านั้น
สันดอนขุดง่าย สันดานขุดยาก
ภายในใจเซียวจื่อเซวียนทั้งโมโหและร้อนรน เขาเกือบจมดิ่งเข้าไปในความอ่อนโยนของสตรีผู้นี้ที่เกิดขึ้นกะทันหันแล้ว ส่วนเซียวจื่อเมิ่งที่น่าสงสาร ถูกนางใส่ใจดูแลอยู่หลายวัน เห็นนางเป็นเหมือนคนในครอบครัวนานแล้ว ตอนนี้กลับสู่ความเย็นชาเหมือนก่อน จะให้เซียวจื่อเมิ่งทำอย่างไร?
เซียวจื่อเซวียนกลืนผักตีนไก่ในชามลงไปแทบไม่ได้เคี้ยว
ผักจี้ช่ายที่ไม่มีน้ำมันและเกลือ จะเทียบกับเกี๊ยวหมูใส่ผักตีนไก่ที่กินในช่วงหลายวันนี้ได้อย่างไร จะเทียบกับไข่ตุ๋นที่กินในช่วงหลายวันนี้ได้อย่างไร จะเทียบกับเกอต่าทังใส่ผักตีนไก่ได้อย่างไร ทว่า เซียวจื่อเซวียนก็กินผักตีนไก่ทั้งชามลงไป
“จื่อเมิ่ง รีบกิน กินเสร็จเราไปเก็บผักป่ากัน!” เซียวจื่อเซวียนกล่าวด้วยน้ำเสียงแข็งกระด้าง
เซียวจื่อเมิ่งกัดริมฝีปาก “พี่รอง ข้าจะไปดูพี่สะใภ้ใหญ่…”
เซียวจื่อเซวียนเงยหน้าขึ้นมองนาง น้ำเสียงค่อนข้างหยาบกระด้าง “จื่อเมิ่ง เจ้ากำลังคาดหวังอะไร?”
เซียวจื่อเซวียน แล้วเจ้ากำลังคาดหวังอะไรอยู่?
คาดหวังให้นางบอกว่าเราเป็นครอบครัวเดียวกัน คาดหวังให้นางบอกว่าพี่สะใภ้ใหญ่เปรียบเสมือนมารดา ต่อไปนางก็คือมารดาของพวกเขางอย่างนั้นหรือ?
นางเอ่ยวาจาน่าฟัง ทำได้ดูดี แต่ทนทำได้แค่กี่วัน?
เซียวจื่อเมิ่งมองพี่รองด้วยสีหน้าน่าสงสาร นางเบะปาก พยายามกลั้นน้ำตาของตัวเองไว้ น้ำเสียงน่าสงสารเสียยิ่งกว่าอะไร “พี่รอง พี่รอง เมื่อคืนพี่สะใภ้ใหญ่เล่านิทานให้ข้าฟังด้วย พี่สะใภ้ใหญ่บอกว่าต่อไปจะเล่านิทานให้ข้าฟังทุกคืน…”
“จื่อเมิ่ง รีบกิน กินเสร็จพวกเราก็ควรไปแล้ว” หากไม่ไปเก็บผักป่า เกรงว่าเที่ยงวันนี้คงไม่มีอะไรให้กิน
เล่านิทานแล้วอย่างไร เป็นแค่การเล่นละครหลอกเด็กเล็กก็เท่านั้น
แม้ว่าเซียวจื่อเมิ่งอายุยังน้อย แต่เพราะในบ้านประสบกับความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ต้องทนดูสีหน้าของคนอื่นมาไม่น้อย นางเบะปาก พยายามกลั้นน้ำตาไม่ให้ร้องไห้ ก้มหน้าลง กินผักตีนไก่ทีละคำ ได้แต่กลืนความรู้สึกอัดอั้นใจทั้งหมดลงท้องไป
นางไม่เชื่อ ว่าพี่สะใภ้ใหญ่ที่ดีกับนางขนาดนั้น จะเปลี่ยนกลับไปเป็นพี่สะใภ้ใหญ่คนเดิมอีกหรือ?
เซียวจื่อเซวียนรู้ว่าเมื่อครู่ตัวเองกล่าววาจาหนักเกินไป แต่จะทำอย่างไรได้?
เซี่ยยวี่หลัวก็คือเซี่ยยวี่หลัว ไม่ว่าจะเป็นตอนนี้ หรือเมื่อก่อน หรือแม้แต่ในอนาคต ก็ล้วนแต่เป็นเซี่ยยวี่หลัวคนเดียวกัน