ตอนที่ 39 พี่ชายไว้ชีวิตข้าด้วย

แม่สาวเข็มเงิน

ตอนที่ 39 พี่ชายไว้ชีวิตข้าด้วย

“นายท่านขอรับ เหตุใดข้าจึงคุ้นหน้าเจ้าขอทานนี่นัก ?” เสียงเสียงหนึ่งดังขึ้นมาทำลายความเงียบที่นี่

เจียงปาวชิงขนลุกไปทั้งตัว ทว่าตอนนี้มือของนางคลำถูกเข็มสองสามเล่มที่อยู่ตรงบริเวณเอวแล้ว นางจึงรู้สึกมั่นใจขึ้นมาเล็กน้อย

เจียงป่าวชิงมองไปทางเสียงนั้น เมื่อเห็นภาพเหตุการณ์ตรงหน้า มันกลับทำให้นางแข็งทื่อไปทั้งตัว

ณ ต้นน้ำตรงลำธารเล็ก ๆ ริมลำธารที่อยู่ไม่ไกลจากนาง มีชายหนุ่มอยู่สามคน

ชายหนุ่มในชุดจีนนั่งอยู่บนรถเข็น ด้านข้างรถเข็นมีชายหนุ่มอีกคนยืนอยู่โดยเขาถือดาบไว้ในมือ และยังมีชายอีกคนอยู่ใกล้ ๆ  เจียงป่าวชิงเดาอายุของเขาไม่ออก แต่ทั้งตัวของเขาเต็มไปด้วยเลือด และร่างกายส่วนล่างของเขาก็กำลังจมอยู่ในแม่น้ำ

ชายหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างรถเข็นกำลังมองเจียงป่าวชิงที่ร่างกายแข็งทื่ออย่างนึกสนุก

เจียงป่าวชิงครุ่นคิดเพียงเล็กน้อย จากนั้นนางก็เข้าใจได้ในทันทีว่าตัวเองมาทันเวลาที่เกิดเหตุฆาตกรรมและทิ้งศพพอดี

เวลานี้ถ้าหากขอร้องให้ชายชาตรีสามคนนั้นไว้ชีวิตยัง จะทันอยู่หรือไม่ ?

เจียงป่าวชิงกำเข็มในมือให้แน่นขึ้น

ชายหนุ่มในชุดจีนที่นั่งอยู่บนรถเข็นหรี่ตาลงเล็กน้อย เขาเหลือบมองเจียงป่าวชิง จากนั้นก็พูดขึ้นมาทันที “เจ้าขอทาน บอกมาประเดี๋ยวนี้ว่ามีอะไรอยู่ในมือเจ้า ?”

ชายหนุ่มที่ถือดาบรีบเดินมาบังตรงหน้าชายหนุ่มในชุดจีนอย่างว่องไว และชี้ปลายดาบไปทางเจียงป่าวชิงทันที

เจียงป่าวชิงก้าวถอยหลังเล็กน้อย นางพูดขึ้นอย่างฉับพลัน “พี่ชายโปรดไว้ชีวิตข้าด้วย ของที่อยู่ในมือข้าคือเข็มเย็บผ้าทั่วไป ไม่ใช่อาวุธที่ใช้ทำร้ายอะไรทั้งสิ้น” และนางยังเป็นฝ่ายเอาของในมือออกมาแสดงให้ดูก่อน ซึ่งมันคือเข็มเย็บผ้าจริง ๆ

ไม่มีความเย่อหยิ่งแม้แต่นิดเดียว

ชายหนุ่มในชุดจีนหัวเราะอย่างเย็นชา  เขาจำได้แล้ว นี่คือขอทานตัวน้อยที่หลอกเอาเงินค่าตรวจอาการจากเด็กสาวตระกูลเซก่อนหน้านี้

ก่อนหน้านี้ใบหน้าครึ่งซีกของนางบวมอย่างรุนแรง และเขาเกือบจะจำไม่ได้แล้ว แต่เมื่อเจ้าขอทานคนนี้ส่งเสียงพูด เขาก็จำเสียงนางได้ทันที นางเป็นคนอัปลักษณ์ใจทราม ทั้งยังโลภในเงินและผลกำไรอีกต่างหาก

ในเมื่อคนแบบนี้มาพบเข้า ก็ไม่จำเป็นต้องไว้ชีวิตนางอีกแล้ว

“ไป๋จี” ชายหนุ่มในชุดจีนเรียกชื่อคนด้านข้าง “ฆ่านางซะ”

ชายหนุ่มที่ถูกเรียกว่า ‘ไป๋จี’ ถอนหายใจอย่างไม่เห็นด้วยเล็กน้อย “นางเป็นเพียงเด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ เอง จะฆ่าแกงกันเลยรึ ?” เขาถือดาบและเดินเข้าไปใกล้เจียงป่าวชิง “สาวน้อย ถ้าจะโทษก็โทษที่วันนี้เจ้าโชคร้าย ลืมดูปฏิทินโหราศาสตร์ก่อนออกจากบ้าน”

รูม่านตาของเจียงป่าวชิงขยายใหญ่ขึ้นเล็กน้อย นางไม่เคยคิดมาก่อนว่าคนสมัยก่อนเหล่านี้จะมีจิตสำนึกในการติดตามกลับเช่นกัน เห็นได้ชัดว่านางวิ่งสวนทางกับรอยเลือด แต่กลับมาเผชิญหน้ากับพวกเขาอย่างพอดิบพอดี

อาจเป็นเพราะรูปลักษณ์ภายนอกของเจียงป่าวชิงนั้นไม่มีพิษภัยเกินไป ขอทานที่เพิ่งเจอหน้าก็ขอร้องให้ไว้ชีวิต หน้าตาก็ยังเหลืองซูบ และเสื้อผ้าก็ขาดรุ่งริ่งแบบนั้น ไป๋จีจึงไม่มีความคิดที่จะต้องป้องกันตัวอะไร

ดังนั้น ในตอนที่ไป๋จีไม่ทันระวัง เขาก็ถูกเจียงป่าวชิงใช้เข็มทิ่มลงไปตรงจุดฝังเข็ม จนทำให้เขาล้มลง  เขารู้สึกงงงวยก่อนเป็นอันดับแรก จากนั้นถึงจะล้มลงไปในที่สุด

เมื่อเจียงป่าวชิงเห็นไป๋จีล้มลงโดยที่ในมือถือดาบด้วยตัวแข็งทื่อ ความกลัวที่แสดงออกมาทางใบหน้าของนางก็หายไปทันที นางเข้าไปยืนข้างไป๋จีที่ขยับตัวไม่ได้ด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม จากนั้นก็ก้มลงไปตบหน้าไป๋จีเบา ๆ ก่อนจะพูดย้อนคำพูดเมื่อสักครู่ของไป๋จีโดยไม่ตกหล่นสักคำ “หนุ่มน้อย ถ้าจะโทษก็โทษที่วันนี้เจ้าโชคร้ายที่ลืมดูปฏิทินโหราศาสตร์ก่อนออกจากบ้าน”

ไป๋จีเบิกตากล้าง สีหน้าของเขาในเวลานี้ราวกับว่าเขาอยู่บนเรือที่พลิกคว่ำอยู่ในท่อระบายน้ำ เขาหลับตาลงอย่างไม่สามารถทนการถูกเหยียดหยามได้

ขณะนั้นเอง เจียงป่าวชิงออกแรงชักดาบออกมาจากในมือไป๋จี

ดูเพียงแวบเดียวก็รู้ว่านี่เป็นดาบชั้นดี บนดาบยังคงมีคราบเลือดติดอยู่เป็นจำนวนมาก และนางก็รู้สึกหนักนิดหน่อย

“อาวุธที่ใช้ทำร้ายเช่นนี้ ถ้าหากจมอยู่ใต้แม่น้ำก็คงจะปลอดภัยกว่า เจ้าว่าอย่างนั้นหรือไม่ ?” เจียงป่าวชิงยกดาบเพื่อเตรียมโยนลงไปในแม่น้ำ  ทว่าจู่ ๆ นางกลับได้ยินเสียงของมีคมทะลุมาในอากาศเสียก่อน

แย่แล้ว!

รูม่านตาของเจียงป่าวชิงหดตัวลงเล็กน้อย แต่ถึงอย่างไรนางก็รู้ว่าตัวเองหลบไม่ทันอยู่ดี

ทันใดนั้น นางรู้สึกเจ็บที่ไหล่ข้างขวา เหมือนมีอะไรบางอย่างมาทำให้เลือดเนื้อของเธอฉีกขาดออกจากกัน และทะลุเข้าไปในไหล่ของนาง

มีดสั้นปักอยู่บนไหล่ของเจียงป่าวชิง

ดาบยาวตกลงไปบนพื้นทันที

เจียงป่าวชิงพยายามอดกลั้นความเจ็บปวด แต่มันเจ็บจนนางมีเหงื่อเม็ดใหญ่ผุดขึ้นมาบนศีรษะ นางค่อย ๆ หันกลับไปมองอย่างยากที่จะเชื่อได้ และเห็นชายหนุ่มชุดจีนที่นั่งอยู่บนรถเข็นกำลังเล่นมีดสั้นในมือ เห็นได้ชัดว่าหน้าตาใสสะอาดนั้นหล่อเหลามาก แต่บนใบหน้าของเขากลับปกคลุมไปด้วยความชั่วร้ายเสียอย่างนั้น

นางไม่คิดเลยว่าตัวเองจะลืมว่าที่นี่ยังมีชายหนุ่มที่นั่งบนรถเข็นอีกคน และนางสะเพร่าเองที่คิดว่าชายหนุ่มที่นั่งบนรถเข็นคนนั้นจะไม่มีพลังต่อสู้อะไร จึงส่งผลให้นางเกือบตายด้วยน้ำมือของชายหนุ่มที่นั่งบนรถเข็นคนนี้แล้ว

ความเจ็บปวดแล่นผ่านมาทางไหล่ และยังมีเลือดสดที่ทะลักออกมาอย่างต่อเนื่องนั้นอีก ตอนนี้เจียงป่าวชิงอยากจะร้องไห้จริง ๆ

เจ็บ… เจ็บเหลือเกิน…

ชายหนุ่มชุดจีนเล่นมีดสั้นด้วยมือข้างหนึ่ง และใช้มืออีกข้างยันไว้บนพนักรถเข็น เขาค้ำศีรษะของตัวเองเล็กน้อย  ริมฝีปากบางเปิดออก “กลับกลอกปลิ้นปล้อน ถึงตายก็ยังไม่สาสมแก่บาปที่เจ้าได้ทำไว้!”

เจียงป่าวชิงที่กำลังเจ็บปวดแทบจะเป็นบ้าอยู่แล้ว นางเพียงแค่ป้องกันตัวอย่างเหมาะสม เหตุใดถึงกลายเป็นกลับกลอกปลิ้นปล้อนไปได้ ?

ยอมอ่อนข้อให้แท้ ๆ หึ! กลับกลอกปลิ้นปล้อนก็กลับกลอกปลิ้นปล้อนเถอะ สภาพสังคมเช่นนี้ การกลับกลอกปลิ้นปล้อนก็ไม่ใช่เรื่องร้ายอะไรสักหน่อย แต่ทำไมเมื่อเขาพูดกลับกลายเป็นถึงตายก็ยังไม่สาสมแก่บาปที่ได้ทำไว้ล่ะ ?

คงไม่ใช่โรคจิตหรอกใช่ไหม ?!

“เจ้าลองเดาดูสิว่ามีดสั้นเล่มนี้จะไปปักตรงส่วนไหนบนตัวเจ้าอีก” ชายหนุ่มชุดจีนยกยิ้มมุมปาก ยิ้มของเขาเป็นยิ้มที่ชั่วร้ายมาก

ฮึ่ม! ในตอนนี้เจียงป่าวชิงแน่ใจแล้วว่าคนคนนี้เป็นโรคจิตจริง ๆ

“นายท่าน…” ไป๋จีที่นอนนิ่งอยู่บนพื้นพูดขึ้นอย่างอ่อนแรง “ก่อนที่นายท่านจะฆ่านาง ช่วยให้นางดึงของประหลาดที่อยู่บนตัวข้าก่อนได้หรือไม่ขอรับ…”

ชายหนุ่มชุดจีนปฏิเสธเขาอย่างตรงไปตรงมา “เจ้านี่เรียนมาไม่ชำนาญจริง ๆ  สมควรตาย!”

ไป๋จี “…”

แม้จะพูดเช่นนั้น แต่ชายหนุ่มชุดจีนยังคงออกคำสั่งกับเจียงป่าวชิง “เจ้าไปปล่อยเขาซะ”

เจียงป่าวชิงใช้มือข้างหนึ่งปิดบาดแผลบนไหล่ที่มีเลือดไหลออกมาไม่หยุด นางคร้านจะปลอมตัวกับชายหนุ่มชุดจีนแล้ว จึงหัวเราะอย่างเย็นชาออกมา “หึ ๆ ๆ ปล่อยเขาไปข้าก็ตายอยู่ดี สู้ลากเขาไปตายด้วย ระหว่างทางไปยมโลกจะได้มีเพื่อนร่วมทางอย่างไรเล่า”

ชายหนุ่มชุดจีนจ้องเจียงป่าวชิงเขม็ง เขาเลิกคิ้วอย่างชั่วร้าย “เจ้ากำลังขู่ข้าอย่างนั้นรึ ?”

เจียงป่าวชิงเชิดหน้าที่ขาวซีดขึ้น “เปล่า ข้าแค่กำลังตกลงเงื่อนไขกับเจ้าก็เท่านั้น  เจ้าไว้ชีวิตข้า ข้าก็จะไว้ชีวิตเขาเช่นกัน”

“อ้อ” ชายหนุ่มชุดจีนยิ้มอย่างถากถาง “อะไรที่ทำให้เจ้าเข้าใจผิด ถึงทำให้เจ้าคิดว่าตัวเองมีคุณสมบัติพอที่จะมาตกลงเงื่อนไขกับข้า ?”

เจียงป่าวชิงอดกลั้นความเจ็บปวดเอาไว้ แล้วพูดอย่างตรงไปตรงมาว่า “ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็ให้ลูกน้องเจ้าไปตายด้วยกันกับข้าสิ ชีวิตต้องแลกด้วยชีวิตถึงจะไม่ขาดทุน”

ชายหนุ่มชุดจีนพยักหน้าเล็กน้อย เขาคลำคว้าเอามีดสั้นจำนวนมากออกมาจากซอกรถเข็น “ไม่ขาดทุนงั้นรึ ? แต่ข้ารู้สึกว่าข้าขาดทุนอย่างมาก ในเมื่อความปรารถนาในการตายของเจ้าแข็งแกร่งถึงขนาดนี้ ข้าก็จะทำให้เจ้าตายอย่างเจ็บปวดมากยิ่งขึ้น แบบนี้สิ ข้าถึงจะไม่ขาดทุน”

เขาคนนี้เป็นโรคจิตที่ไม่สนใจความเป็นความตายของลูกน้องตัวเองแม้แต่น้อย เมื่ออเห็นสายตาเย็นชาที่ไร้ความรู้สึกนั้น เจียงป่าวชิงก็มั่นใจแล้ว

เจียงป่าวชิงรู้สึกว่าเลือดในร่างกายไหลหายไปเร็วขึ้น นางถอนหายใจยาว ๆ น้ำเสียงของนางในตอนนี้ฟังดูอ่อนแอ “ได้ เจ้าชนะ”

นางอดกลั้นความเจ็บปวด เลือดที่ไหล่หยดลงบนก้อนกรวดข้างลำธารอย่างต่อเนื่อง นางก้มตัวลงอย่างยากลำบาก จากนั้นก็ใช้มือที่สั่นเทาดึงเข็มออกมาจากบนตัวของชายหนุ่มที่ชื่อว่าไป๋จี

เมื่อสักครู่นางแค่ปิดกั้นเรี่ยวแรงของไป๋จีชั่วคราว เพื่อให้แรงของเขาอุดตันไปชั่วขณะ จากนั้นพลังกายของเขาถึงจะถูกควบคุมไปในที่สุด

และแน่นอนว่าหากดึงเข็มออก ไป๋จีก็จะไม่ตาย

ไป๋จีเด้งตัวขึ้นจากบนพื้นแทบจะในทันทีเมื่อเจียงป่าวชิงดึงเข็มออก เขารีบหยิบดาบบนพื้นขึ้นมาก่อนจะวางดาบทาบลงบนลำคอของเจียงป่าวชิง

เจียงป่าวชิงไม่สนใจเขา นางนั่งลงบนพื้นและอดกลั้นความเจ็บปวดตรงช่วงไหล่เอาไว้ นางพยายามรักษาความนิ่งที่แขนของตัวเองแล้วก็ใช้เข็มแทงลงไปบนจุดฝังเข็มที่อยู่รอบไหล่

การกระทำนี้เห็นผลอย่างรวดเร็ว ความเร็วในการไหลของเลือดช้าลงอย่างเห็นได้ชัด

เจียงป่าวชิงเงยหน้ามองชายหนุ่มชุดจีนที่นั่งนิ่งอยู่บนรถเข็น “เห็นรึยัง ? วิธีลับที่สืบทอดมาจากบรรพบุรุษของข้าสามารถผนึกเลือดได้ ในขณะเดียวกัน ก็สามารถกำจัดสารพิษในเลือดได้ด้วย”

ไป๋จีกำมือแน่นขึ้น เขามองเจียงป่าวชิงอย่างยากที่จะเชื่อ แต่ในสายตาของเขากลับมีความดีใจที่ไม่สามารถพลาดได้อยู่ในนั้น

ทว่าสีหน้าของชายหนุ่มชุดจีนกลับมืดทึบน่ากลัวกว่าเมื่อสักครู่ กลิ่นอายรอบกายของเขาเปลี่ยนเป็นเย็นชาในแบบที่ไม่เหมือนคนที่มีชีวิตทำนองนั้น