ตอนที่ 40 เจรจา

แม่สาวเข็มเงิน

ตอนที่ 40 เจรจา

“ใครส่งเจ้ามา ?” น้ำเสียงของชายหนุ่มชุดจีนไม่บ่งบอกถึงความนิยมเลย มันเย็นยะเยือกราวกับจะซึมเข้าไปในกระดูกของคนอย่างไรอย่างนั้น

ถือว่าหยุดการสูญเสียเลือดได้อย่างถู ๆ ไถ ๆ เจียงป่าวชิงอดกลั้นความเจ็บปวด เธอพยายามทำให้ตัวเองกลับมามีชีวิตชีวาให้มากที่สุด “ข้าเป็นแค่เด็กสาวในหมู่บ้านธรรมดา ๆ คนหนึ่งที่เติบโตมาในหมู่บ้านใกล้ ๆ ตั้งแต่ยังเล็ก เจ้าตรวจสอบได้เลย เพราะตระกูลข้าบริสุทธิ์และมีร่องรอยให้ติดตาม ไม่ใช่คนที่น่าสงสัยอะไรหรอก”

ไป๋จีค่อนข้างร้อนใจเล็กน้อย “แล้วทำไมเจ้าถึงรู้ว่านายข้าถูกพิษ ?”

เจียงป่าวชิงรู้ว่าตนเองจับพลังชีวิตได้ราง ๆ แล้ว นางนั้นสูญเสียเลือดมากเกินไป อีกทั้งยังรู้สึกมึนหัว แต่ก็พยายามฝืนไว้เพราะไม่กล้าหมดสติเอาตอนนี้ นางอาศัยความเจ็บปวดที่ไหล่เพื่อรักษาความปลอดโปร่งเฮือกสุดท้ายของสติปัญญาไว้

เจียงป่าวชิงอธิบายอย่างยากลำบาก “การดู การดม การฟังและการสอบถามอาการเป็นพื้นฐานที่ดีที่สุดอย่างหนึ่ง บริเวณหน้าผากของเจ้านายเจ้ามีความพัวพันกันเล็กน้อย นั่นเป็นสัญญาณของการถูกพิษอย่างชัดเจน ร่างกายส่วนบนของเขายังคงว่องไว แล้วร่างกายส่วนล่างก็ยังไม่มีร่องรอยของการผิดรูปทรงที่เหี่ยวเฉาอีกต่างหาก เขาไม่เหมือนคนที่พิการมาแต่กำเนิดแต่กลับนั่งรถเข็น หากเจ้าจะให้ข้าเดา เจ้านายของเจ้าคงจะเลือดเป็นพิษ ทำให้เดินไม่สะดวก”

เจียงป่าวชิงรู้ว่าชายหนุ่มชุดจีนคนนี้เป็นโรคจิต เพราะนางนั้นใช้ชีวิตของลูกน้องของเขามาข่มขู่ แต่เขากลับไม่สนใจเหยื่อแม้แต่น้อย

ในช่วงเวลาคอขาดบาดตายเช่นนี้ นางจำเป็นต้องแสดงให้เห็นว่าตนเองมีค่าพอที่จะมีชีวิตอยู่ต่อ

การฝังเข็มคือไม้เด็ดที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเจียงป่าวชิง

ตอนนี้ไป๋จีเชื่อคำพูดของเจียงป่าวชิงแล้วครึ่งนึง เขาค่อนข้างตื่นเต้นขณะเลื่อนสายตามองไปยังชายหนุ่มชุดจีนราวกับกำลังขอร้องอ้อนวอนทำนองนั้น “นายท่าน…”

ชายหนุ่มชุดจีนไม่ได้พูดอะไร สีหน้าของเขายังคงเย็นชาเช่นเดิม ทว่ามือของเขาที่วางอยู่บนรถเข็นกลับค่อย ๆ กำเข้าหากันแน่น ก็จริงที่เขาไม่ได้พิการมาแต่กำเนิด และยังเคยเป็นบุตรแห่งสวรรค์ที่สูงส่ง แต่เนื่องจากแผนการร้ายในครั้งนั้น พ่อของเขาต้องเสียชีวิต และเขาเองก็ถูกพิษร้ายเล่นงานเข้าให้ หากไม่ใช่เพราะเขามีกำลังภายในบังคับให้พิษลงไปที่ขาทั้งสองข้าง เกรงว่าตอนนั้นเขาคงจะต้องสิ้นลมหายใจด้วยพิษเสียแล้ว

เขาจ้องเจียงป่าวชิงเขม็ง

เจียงป่าวชิงยังคงพยายามอดกลั้นอาการมึนหัวที่เป็นผลมาจากการสูญเสียเลือดมากเกินไป นางพยายามทำให้ตัวเองมีสมาธิ จากนั้นริมฝีปากบางที่ขาวซีดก็ขยับเล็กน้อย “เจ้าต้องให้โอกาสข้า และให้โอกาสตัวเจ้าเองด้วย…”

สีหน้าของชายหนุ่มชุดจีนเปลี่ยนไปอย่างฉับพลัน

จนแล้วจนรอด เจียงป่าวชิงก็อดกลั้นอาการมึนหัวที่มีไปทั่วต่อไปไม่ไหวแล้ว นางหลับตาและล้มลงไปในที่สุด

……

ตอนที่เจียงป่าวชิงตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ท้องฟ้าก็เริ่มเปลี่ยนกลายเป็นสีมืดครึ้ม นางนอนอยู่บนหินก้อนใหญ่ข้างลำธาร ตรงหัวไหล่ถูกผ้าพันไว้ นางรู้สึกเย็นตรงบาดแผลเล็กน้อย

บริเวณรอบ ๆ นี้ไม่มีคนอยู่ เจ้าโรคจิตที่นั่งรถเข็ญกับชายหนุ่มที่ถือดาบไม่อยู่แล้ว แม้แต่ศพที่นอนอยู่ข้างลำธารก่อนหน้านี้ก็หายไปแล้วเช่นกัน

เจียงป่าวชิงยังคงรู้สึกมึนศีรษะเล็กน้อย นางออกแรงเพื่อนั่งบนก้อนหิน จากนั้นก็มองไปรอบ ๆ และรู้สึกงุนงงไปชั่วขณะ

หากไม่ใช่เพราะบาดแผลตรงหัวไหล่เตือนนางว่านี่ไม่ใช่ความฝัน ไม่แน่เจียงป่าวชิงก็อาจจะคิดว่าสิ่งที่นางประสบพบเจอก่อนหน้านี้เป็นความรู้สึกหลอนไปเองไปแล้วก็ได้

เจ้าโรคจิตคนนั้นไม่ได้ฆ่านาง และไม่ได้พาตัวนางไป

เจียงป่าวชิงขยับกายเบา ๆ แต่มันกลับสะเทือนไปถึงบาดแผล …เจ็บมากจริง ๆ!

เจียงป่าวชิงเม้มริมฝีปากอย่างไร้ความรู้สึก หากเทียบกับต้องตาย ความเจ็บปวดในขณะนี้กำลังเตือนว่านางได้รอดพ้นจากความตายแล้ว อีกทั้งคนสองคนที่จะฆ่านางยังพันแผลให้อีกต่างหาก

ดูเหมือนพวกเขาจะพันแผลใช้ได้อยู่ แต่เนื่องจากนางสูญเสียเลือดมากเกินไปจึงทำให้รู้สึกมึนศีรษะอย่างหนัก

เจียงป่าวชิงค่อย ๆ ลุกขึ้นช้า ๆ นางทำการผ่อนคลายสักครู่ถึงจะสามารถผ่านพ้นความรู้สึกนั้นไปได้

ถุงผ้าขาด ๆ ที่นางพกติดตัวมาก่อนหน้านี้ยังตกอยู่ด้านข้าง นางมัดปากถุงไม่แน่นจึงทำให้สมุนไพรข้างในกระจายออกมา

เจียงป่าวชิงจ้องสมุนไพรพวกนั้นสักพัก จากนั้นถึงจะนึกได้ว่าที่ตนเองรู้สึกเย็นตรงบริเวณบาดแผลที่หัวไหล่นั้น คงเป็นเพราะมีคนใช้สมุนไพรพวกนี้มาหยุดเลือด และใส่ยาให้เธอตามอำเภอใจอย่างนั้นรึ ?

“แย่แล้ว เข็มของข้า…”

เมื่อเจียงป่าวชิงเห็นสมุนไพร ก็ทำให้นางนึกถึงเข็มของตัวเองขึ้นมาทันที  ก่อนที่นางจะหมดสติไป นางได้ใช้เข็มเหล่านั้นแทงตรงจุดฝังเข็มใกล้ไหล่ข้างขวาเพื่อทำการห้ามเลือดนี่นา

ทว่าตอนนี้กลับไม่เห็นเสียแล้ว เมื่อลองคิด ๆ ดู คงเป็นสองคนนั้นที่เอาไปอย่างแน่นอน

เจียงป่าวชิงรู้สึกเสียดายมาก เพราะนั่นเป็นเข็มที่นางใช้เข็มเย็บผ้าบดขึ้นมาด้วยความยากลำบากเชียวนะ!

แต่ไม่ว่าจะรู้สึกเสียดายเพียงใด นางก็ยังต้องรีบกลับบ้านก่อนที่ฟ้าจะมืด

ระหว่างทาง เจียงป่าวชิงจำต้องอดกลั้นอาการมึนเอาไว้อีกครั้ง เนื่องจากไหล่ได้รับบาดเจ็บ แขนขวาของนางจึงไม่สามารถขยับได้ชั่วคราว ต้องใช้แขนซ้ายหยิบถุงผ้าขาด ๆ นั้นขึ้นมาแทน จากนั้นก็เดินโซเซลงจากเขาตามเส้นทางในความทรงจำ

ตอนที่เจียงป่าวชิงกลับถึงบ้านตระกูลเจียง ท้องฟ้าก็มืดสนิทแล้ว

โชคดีที่ตอนนี้ในหมู่บ้านไม่ค่อยมีคนสักเท่าไหร่ นางเองก็ไม่อยากแบกสภาพที่เต็มไปด้วยเลือดไปทำให้คนอื่นตกใจ ประเดี๋ยวพวกเขาจะหาว่านางเป็นอะไรไปอีก

นางแอบย่องเข้าไปในตระกูลเจียง เมื่อเห็นว่าบนประตูห้องดินเหนียวเต็มไปด้วยโคลนที่ถูกใครบางคนสาดใส่ เธอก็รู้ว่าตัวเองคิดถูกที่เลี่ยงออกไปก่อนหน้านี้

เมื่อเปิดประตูเข้าไปในห้อง เจียงป่าวชิงก็นอนหมดสภาพอยู่บนเตียงราวกับหมาหมดแรง ถึงแม้ว่าตรงหัวไหล่จะยังคงรู้สึกเจ็บอยู่เล็กน้อย แต่นางกลับพยายามนึกถึงเรื่องที่เจอมาวันนี้ด้วยสติที่เลอะเลือนก่อนจะผล็อยหลับไปในที่สุด

อาจเป็นเพราะเสียเลือดมากเกินไป นี่จึงเป็นครั้งแรกที่นาฬิกาชีวิตของเจียงป่าวชิงไม่ได้ทำงาน นางหลับไปด้วยสติที่เลอะเลือน นอนยางจนถึงตะวันโด่งฟ้าจึงจะตื่นขึ้นมาเพราะเสียงถีบประตูที่ดังมาจากด้านนอก

คล้ายกับร่างกายของเจียงป่าวชิงว่องไวต่อความเจ็บปวดมาก นางรู้สึกเพียงว่าความเจ็บที่หัวไหล่นั้นมันเจ็บเหมือนมีคนกำลังใช้มีดแทงไหล่นางอยู่ตลอดเวลาทำนองนั้น

นางกัดฟันกรามเล็กน้อย และก่นด่าเจ้าโรคจิตนั่งรถเข็นที่ชอบเล่นมีดสั้นคนนั้นในใจ  เขาโหดเหี้ยมมาก นี่คือบาดแผลทะลุ บาดแผลทะลุเชียวนะ!

หากในตอนนั้นนางไม่ระวังกว่านี้ เกรงว่าไหล่ของนางคงจะใช้การไม่ได้แล้ว

“ใคร ?” เจียงป่าวชิงตะโกนถามคนที่ถีบประตูอยู่ด้านนอกด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์

คนที่ถีบประตูอยู่ด้านนอกชะงักไปเล็กน้อย แต่จากนั้นก็ถีบแรงขึ้นกว่าเดิม “เจ้าปัญญาอ่อนโผล่หัวออกมาเดี๋ยวนี้นะ!”

เจียงป่าวชิงจำได้ว่านั่นคือเสียงของเจียงโหย่วฉาย

ก่อนหน้านี้เจียงโหย่วฉายเกือบถูกยาอันตรายของเจียงต้ายาเล่นงานจนสาหัส เดิมทีอดทนสักนิด และดื่มยาขับถ่ายความร้อนเพื่อขับสารพิษออกมาก็รอดแล้ว แต่หลีโผจื่อกลับเชื่อคำพูดของแม่เฒ่าเซียนเว่ยที่เต้นระบำเทพคนนั้น และคิดว่าเจียงโหย่วฉายถูกของเข้า จึงให้เขาดื่มน้ำผสมยันต์ตั้งหลายวัน เจียงโหย่วฉายดื่มน้ำผสมยันต์จนใบหน้าเหลืองอ๋อย เรียกได้ว่าเขานั้นทรมานโดยเปล่าประโยชน์

ตอนนี้ดูเหมือนเขาจะว่างจนเกิดอาการคันที่ผิวหนังทำนองนั้น

เจียงป่าวชิงคลำเข็มของตัวเองอย่างเคยชินเพื่อที่จะได้เตรียมป้องกัน ทว่าเมื่อขยับแขนก็รู้สึกเจ็บจนหัวคิ้วกระตุกทันที

มาถึงตอนนี้นางถึงจะนึกขึ้นได้ว่าเข็มทั้งหมดถูกคนพวกนั้นเอาไปแล้ว พวกเขาไม่เหลือไว้ให้เธอแม้แต่เล่มเดียว

เจียงป่าวชิงสูดหายใจเข้าลึก ๆ อย่างพยายามสงบสติอารมณ์

“เจ้าปัญญาอ่อนเปิดประตูเดี๋ยวนี้!”

ตึง ๆ ๆ ๆ!

เสียงถีบประตูยิ่งรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ราวกับถ้าหากว่าเจียงป่าวชิงไม่ขานรับ เจียงโหย่วฉายก็จะถีบจนกว่าประตูจะพังทำนองนั้น

เจียงป่าวชิงสูดหายใจเข้าลึก ๆ และพยายามอดกลั้นความเจ็บปวดอีกเช่นเคย นางปีนขึ้นจากบนเตียงอิฐ มือซ้ายยื่นหยิบพลั่วเหล็กอันเล็กที่ใช้ขุดผักป่าขึ้นมาก่อนจะออกแรงเปิดประตู

เจียงโหย่วฉายยืนอยู่ที่ประตูอย่างเย่อหยิ่ง เขากำลังรอด่าเจ้าคนปัญญาอ่อนที่เมื่อวานมันทำให้เขากับพี่จินหวู่ไปตักโคลนที่แม่น้ำโดยเปล่าประโยชน์ ทว่าเมื่อเจียงป่าวชิงเปิดประตู เขายังไม่ทันด่าออกไป สีหน้าของเขากลับขาวซีดเสียก่อน จากนั้นเขาก็ตัวสั่นและชี้ไปที่เจียงป่าวชิงราวกับเห็นผีอย่างไรอย่างนั้น

“เจ้า… เจ้าฆ่าคนมารึ ?!”

เจียงป่าวชิงยังคงใส่ชุดเดิมเพราะนางไม่ทันได้เปลี่ยนตอนก่อนที่จะหลับไป ร่างกายของนางส่วนใหญ่เปื้อนไปด้วยเลือด ดูแล้วเหมือนไปฆ่าคนมาจริง ๆ

เจียงป่าวชิงส่งเสียงหัวเราะเล็กน้อย นางยิ้มยิงฟันเผยให้เห็นฟันขาวของตัวเองโดยจงใจให้ดูดุร้ายเกินความเป็นจริง

“ฆ่า! เจ้าฆ่าคน!” เจียงโหย่วฉายตกใจ เขาก้าวถอยหลังไปทว่าก้าวได้เพียงไม่กี่ก้าวก็ล้มลงกับพื้น

เขาตะเกียกตะกายพยายามลุกยืน จากนั้นก็กรีดร้องและวิ่งขี้หดตดหายไปที่ห้องใหญ่ทันที ปากก็ร้องตะโกนไปด้วย “เจ้าปัญญาอ่อนฆ่าคน!”