บทที่ 37 ร้านที่ดีที่สุด

ไหปีศาจ

บทที่ 37 ร้านที่ดีที่สุด

ในแววตาของหลินตานั้นนอกเหนือจากความแปลกใจแล้วยังมีความขุ่นเคืองใจ

ทำไมกัน

ทำไมศาลาไป่หยู่ ถึงสามารถฝึกสัตว์วิญญาณได้สุดยอดขนาดนี้

แล้วผู้ปรับแต่งพลังวิญญาณในหอคอยหวงชามัวทำอะไรกันอยู่ !!

ทำไมพวกเขาถึงทำมันไม่ได้!

“เพียงแค่ในช่วงเวลาสั้น ๆ ศาลาไป่หยู่ สร้างชื่อเสียงยิ่งใหญ่ขึ้นขนาดนี้ได้อย่างไร” หัวใจของหลินตาจมลงในความมืดมิด

ทั้งที่กระแสธุรกิจวนกลับมาทางพวกเขาแล้วแท้ ๆ

แต่ธุรกิจสัตว์วิญญาณนั้นกลับยากเกินกว่าที่จะสู้ได้

พวกเขาไม่สามารถเตือนทีมล่าสัตว์ทั้งหมดในพื้นที่หวงชา ให้ปฏิเสธทำการค้าขายสัตว์วิญญาณกับศาลาไป่หยู่ได้ จะเหมือนกับตัดเส้นทางความมั่งคั่งคนอื่นมากจนเกินไป

“หรือว่าพวกเขาใช้ยาเสพติดในการควบคุมมัน” หลินตาพึมพำอยู่ในใจ

จากนั้นดวงตาของนางก็สดใสขึ้น

ใช่แล้ว! การจะฝึกสัตว์วิญญาณให้ถึงระดับนี้ได้ในช่วงเวลาสั้น ๆ เขาคิดว่าตัวเองเป็น เฉินซังเทียน ผู้ปรับแต่งคนแรกของราชวงศ์มังกรเร้นกายรึไง

พวกเขาต้องใช้ยาเสพติดแน่ ๆ!

หลินตา ตื่นเต้นและคิดว่านางสามารถจับไต๋ศาลาไป่หยู่ได้แล้ว

……

……

การแสดงโชว์นกกางเขนทรายได้จบลงไปแล้ว

ฝูงชนหลายคนยังคงดื่มด่ำกับการร้องเพลงที่ยอดเยี่ยมของมัน

“ข้าต้องการซื้อมัน! ข้าต้องการนกกางเขนทรายพวกนี้ทั้งหมด”

ชายร่างอ้วนคนหนึ่งเดินออกมาจากฝูงชน เขาเหงื่อออกทั่วตัวและดูเป็นกังวล เขารีบเสียจนรองเท้าเหลือเพียงข้างเดียว

แม้เขาจะมีร่างอ้วนฉุ แต่ดูสะอาดสะอ้าน แต่งกายด้วยชุดเสื้อคลุมผ้าไหม สวมจี้สีทองสดใสที่เอว ที่มือมีแหวนหยกราคาแพงสวมอยู่บนนิ้วโป้ง ซึ่งดูหรูหราราคาแพง

เมื่อได้ยิน ลั่วอู๋ก็ตกตะลึงมีลูกค้ารายใหญ่ที่สนใจซื้อนกกางเขนทรายถึง 60 ตัวที่นี่และก็เป็นลูกค้าที่ขอเหมาซื้อทั้งหมดซะด้วย

“ท่านเป็นคนตรงไปตรงมามาก ว่าแต่ข้าไม่รู้ว่าท่านเป็นแขกมาจากเมืองไหน และท่านมีนามว่าอะไร”ลั่วอู๋ถาม

ที่นี่คือเมืองแห่งความพินาศ จึงเป็นไปได้ยากที่จะมีบุคคลที่ดูแล้วมีสง่าราศีแบบนี้

ชายอ้วนเช็ดเหงื่อและยืดอกขึ้นอย่างภูมิใจ “แซ่ของข้าคือหวัง ผู้ว่าการคฤหาสน์ชวนเทียน อันดับที่เจ็ด เจ้าเรียกข้าว่าหวังฉีและเพื่อนนักธุรกิจของข้าก็เรียกข้าว่า เจ้าเจ็ดฉี”

คนจากคฤหาสน์ชวนเทียนงั้นรึ!

ทุกคนต่างก็แปลกใจ

คฤหาสน์ชวนเทียน ร้านค้าแห่งแรกในแผ่นดินใหญ่ มีความหลากหลายทางธุรกิจ ตั้งแต่สัตว์วิญญาณ ยารวบรวมพลังวิญญาณ ไปจนถึง ฟืน ข้าวน้ำมันและเกลือ

แม้แต่หินวิญญาณที่ใช้กันอยู่นี่ ก็ยังผลิตมาจากคฤหาสน์ชวนเทียน

พวกเขามีจุดยืนที่สูงส่งและทรัพยากรทางการเงินมหาศาล ถึงบรรลุเป้าหมายนี้ได้

คงไม่ใช่เรื่องเกินจริงเท่าไหร่นักถ้าจะบอกว่า หากคฤหาสน์ชวนเทียนล้มละลาย ราชวงศ์มังกรเร้นกายจะต้องตกอยู่ในความวุ่นวายครั้งยิ่งใหญ่

แม้ว่าตระกูลลั่วจะมีธุรกิจระดับเดียวกัน แต่ก็ยังไม่ถึงขั้นคฤหาสน์ชวนเทียน

หัวหน้าผู้บริหารสูงสุดทั้งสามและผู้บริหารระดับสูงเก้าคนของคฤหาสน์ชวนเทียน ล้วนเป็นบุคคลที่มีอิทธิพลในโลกธุรกิจ เขาไม่คาดคิดเลยว่าจะมีคนระดับนี้มาที่เมืองแห่งความพินาศ

“ตอนแรกข้ามาเพื่อพูดคุยเกี่ยวกับธุรกิจ ไม่ว่ายุงตัวเล็กจะเล็กแค่ไหน มันก็ยังมีเนื้อ ไม่นึกเลยว่าข้าจะได้มาเจอของดี”

ชายอ้วนสีหน้าเต็มไปด้วยความสุขขณะจ้องมองไปที่นกกางเขนทราย

“ท่านเจ็ดฉีต้องการพวกมันทั้งหมดจริง ๆ เหรอ” ลั่วอู๋ถาม

ชายอ้วนหงุดหงิด “แน่นอนข้าเป็นผู้บริหารอันดับที่เจ็ด ข้าดูเหมือนคนที่จะล้อเล่นรึ”

“ตกลง”

ลั่วอู๋เรียกให้คนงานนำแผ่นควบคุมสัตว์วิญญาณของนกกางเขนทรายมาและทำธุรกรรมให้เสร็จโดยเร็ว

มันคุ้มค่าที่จะขายให้ผู้บริหารคฤหาสน์ชวนเทียน นกกางเขนทราย 60 ตัว ซึ่งแต่ละตัวมีค่า 2500 หินวิญญาณ รวมเป็น 150000 หินวิญญาณ พวกเขาไม่แม้แต่จะกะพริบตาเมื่อจ่ายเงิน

มันเป็นธุรกิจที่ตรงไปตรงมามาก

หินวิญญาณบริสุทธิ์ 150000 ก้อนวางอยู่ตรงหน้าเขา

หลังจากเสร็จสิ้นการทำธุรกรรมใบหน้าของ หวังฉี ก็เต็มไปด้วยรอยยิ้ม “เอ๊ะความหมายของตราบนหางของนกกางเขนทรายเหล่านี้คืออะไรหรือ”

นกกางเขนทรายแต่ละตัวมีเครื่องหมาย “ความมืด” ขนาดเล็กที่หางของมัน

“นั่นเป็นเครื่องหมายพิเศษของข้า” ลั่วอู๋ตอบ

หวังฉีมองดูลั่วอู๋ขึ้น ๆ ลง ๆ ยิ้มแล้วพูดว่า “เป็นคนหนุ่มคนสาวที่เยี่ยมยอดจริง ๆ แม้ว่าเจ้าจะหยิ่งยโสไปหน่อย แต่เจ้าก็มีพรสวรรค์จริงๆ”

“ขอบคุณมากขอรับ” ลั่วอู๋กล่าวขอบคุณอย่างถ่อมตน

หวังฉีมองที่ผมสีเงินของ ลั่วอู๋พร้อมกับสีหน้าที่เสียใจ “มันน่าเสียดายที่เจ้าเป็นคนในครอบครัวของ ลั่ว ข้าอยากจะจ้างเจ้ามาเป็นคนของชวนเทียนจริง ๆ”

ลั่วอู๋ยิ้มและไม่พูดอะไร

“หากมีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้นกับนกกางเขนในอนาคต ข้าต้องหามาเจ้าแน่ เจ้าต้องรับผิดชอบด้วยล่ะ” หวังฉีพูดติดตลก

ลั่วอู๋ พยักหน้า “แน่นอนขอรับ”

จากนั้นหวังฉีก็ออกไปพร้อมกับนกกางเขนด้วยสีหน้าที่พึงพอใจ

ผู้คนอดไม่ได้ที่จะคิดว่านกกางเขนทรายเหล่านี้มีค่ามาก

มิเช่นนั้นทำไมผู้คนในคฤหาสน์ชวนเทียน จึงกล้าซื้อมันในราคาสูง มันไม่มีทางที่เจ้าของร้านจะเอาเปรียบใช้ประโยชน์จากพวกเขาได้สำเร็จหรอก

มันช่างน่าเสียดายที่นกกางเขนทรายถูกขายไปหมดแล้วและไม่มีเหลือให้พวกเขาซื้ออีก

ลั่วอู๋มองไปที่ใบหน้าของผู้คนและพูดด้วยรอยยิ้ม “พวกเจ้าสบายใจได้ สัตว์วิญญาณพวกนี้จะได้รับการฝึกฝนกลับมาขายอีกครั้งที่ศาลาไป่หยู่แน่แต่มาเป็นช่วง ๆ และไม่แน่นอนนะ ใครมาก่อนได้ก่อน”

ผู้คนที่มุงอยู่รู้สึกโล่งใจเล็กน้อย

ถึงจะกำหนดแน่นอนไม่ได้ แต่หากยังมีการฝึกฝนต่อไป พวกเขาสามารถซื้อสัตว์เหล่านี้ได้ในภายหลัง

เมื่อเห็นความเก่งกาจของสัตว์วิญญาณทั้งสามชนิด ผู้คนจึงมั่นใจในความสามารถของศาลาไป่หยู่

“ใครจะคิดกันเล่าว่ามันจะเป็นของดี” บางคนหัวเราะอย่างขมขื่น

“ข้อบกพร่องของสัตว์วิญญาณหายไปหมดและศักยภาพนั้นก็สูงขึ้นหลายระดับ”

“ข้าต้องการพวกมันทั้งสามชนิด แต่พวกมันราคาแพงเกินไป”

“ข้าไม่รู้ว่า ข้าสามารถขอให้เจ้าของร้านช่วย ปรับสัตว์วิญญาณของข้า ให้ความบกพร่องหายไปได้ไหม” มีหญิงสาวคนหนึ่งพูดขึ้น “ให้จ่ายราคาเท่าไหร่ก็ได้”

ทุกคนหันไปมองกันและกัน

ลั่วอู๋เหลือบมองไปที่หญิงสาวที่กำลังพูดอยู่ นางสูงและดูทรงพลัง นางมาพร้อมกับกิ้งก่ากระหายเลือดบนไหล่ของนาง นางรู้สึกกดดันมาก

“ฟ่อ!”

เอาล่ะ

ทุกคนหลบไป

“ ต่อไปข้าอยากจะแนะนำสัตว์วิญญาณตัวสุดท้ายสุดท้ายที่มีสุนัขชาชี” ลั่วอู๋กล่าว

ทุกคนต่างก็ซึมซับรอดูอยู่อย่างตั้งใจ

สองสามตัวแรกนั้นยอดเยี่ยมมากดังนั้นสุนัข ชาชี ที่แพงที่สุดจะต้องมีอะไรที่พิเศษกว่า

และกรงก็เปิดขึ้น จากนั้นสุนัขชาชีหน้าตาน่ารักดูซื่อบื้อเล็กน้อยก็วิ่งออกมาอย่างมีสุข ดวงตาของมันมีสีฟ้า มีหางนุ่มนิ่มขนาดใหญ่แกว่งไปรอบ ๆ ดูน่ารัก

ต้าหวงมองดูถูกกลุ่มสุนัขชาชีอยู่ห่าง ๆ ตัวมันเองนั้นยังคงนอนขี้เกียจใต้แสงอาทิตย์

“ว้าว!”

“ช่างน่ารักจริงๆ!”

ผู้ชมหญิงบางคนสะกดความตื่นเต้นภายในใจไว้ไม่ได้และส่งเสียงร้องเรียกมันอย่างเอ็นดู

สุนัขชาชี สามารถวิ่งได้อย่างอิสระในทะเลทราย ความอดทนของร่างกายนั้นสูงมาก มันดีกว่าม้าตัวเล็ก ๆ ด้วยซ้ำ

ดังนั้นแม้ว่าสุนัขชาชีจะโง่ แต่บางคนก็เต็มใจที่จะยกมันให้เป็นสุดยอดสัตว์วิญญาณในทะเลทราย

“แค่ก พวกเจ้าเข้าแถวสิ อย่าวิ่ง” ลั่วอู๋ร้องเรียกสุนัขที่วิ่งไปมา

แม้ว่าความฉลาดของสุนัขขนปุยจะดีขึ้นมากและความบกพร่องทางสายเลือดก็หมดไป

แต่มันก็ยังเต็มไปด้วยพลังงานและชอบวิ่งไปรอบ ๆ เป็นนิสัยไม่ดีที่ก่อให้เกิดวินาศกรรมได้

ทว่าหลังจากได้ยินคำพูดของลั่วอู๋สุนัขขนปุยก็มารวมตัวกันและไม่กล้าที่จะวิ่งเล่นอีกเลย

อย่างที่เราทราบกันดีว่าปัญหาของความโง่เขลาของคนสุนัขชาชีนั้นจะต้องได้รับการแก้ไข

ซึ่งเขาก็ทำมันแล้ว

บางคนอดไม่ได้ที่จะถาม “เจ้าของร้านลั่ว แม้ว่าท่านจะแก้ปัญหาเรื่องความโง่ของสุนัขชาชีได้แล้วแต่มันก็ยังราคาสูงเกินไป”

ทันทีที่เขาพูดออกมาทุกคนก็พยักหน้า

ใช่มันแพงมาก

สุนัขชาชี 5000 หินวิญญาณ

เขารู้ไหมว่าราคาตลาดของงูทองคำ มิติ 10 มีค่าไม่เกิน 5,000 หินวิญญาณ

ลั่วอู๋ยิ้มและพูดว่า “แน่นอนไม่ได้มีเพียงแค่นั้นหรอก เจ้าควรจะรู้สึกได้ว่าสุนัขชาชีเหล่านี้มีพลังมาก มหาศาล… “

บางคนดูถูกเหยียดหยาม “ ไม่ว่าจะแข็งแกร่งแค่ไหนมันก็แค่ระดับทองแดง”

ลั่วอู๋มองไปรอบ ๆ ยื่นมือออกมาแล้วกระซิบ “สิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของพวกมันเหล่านี้ พวกมันกำลังอิ่มตัวและใกล้จะวิวัฒนาการ!”

วิวัฒนาการ!

วิวัฒนาการ!

แม้ว่าเสียงจะไม่ดังเท่าแต่มันก็เปรียบได้กับฟ้าร้องในเวลากลางวัน

หน้าศาลาไป่หยู่กำลังเดือด

เหมือนทุกคนพากันคลั่ง

เสียงตะโกนแห่งความประหลาดใจรวมตัวกันเป็นคลื่นดังก้องไปทั่วเมืองแห่งความพินาศ