เล่มที่ 2 บทที่ 35 ใครเป็นคนทำร้าย?

ข้ามเวลานางพญาแพทย์พิษ

ก้อนถ่านร้อนฉ่าลวกผิวหนังบางเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ถ้าหากกระชากออกมากะทันหันจะทำให้หลินจงอวี้เจ็บปวดเสมือนหัวใจถูกฉีกขาด

    น้าจิ่นเยว่รีบรวบรวมสติสัมปชัญญะ มิรู้ว่าไปหยิบน้ำเย็นมาจากที่ใด นางสาดลงไปตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า ก้อนถ่านสีดำถมึงทึงจึงกลายเป็นสีขาวและร่วงหล่นจากร่างหลินจงอวี้

    “เสี่ยวอวี้ เสี่ยวอวี้ ตื่นเร็วเข้า! อดทนไว้!” หลินเมิ้งหยาประคองหลินจงอวี้ด้วยความระมัดระวัง แผ่นหลังของเขาจะต้องถูกก้อนถ่านลวกจนปวดแสบปวดร้อนอย่างแน่นอน หากไม่จัดการให้ดีแล้วละก็ มันอาจส่งผลอันตรายถึงชีวิต!

    ความเจ็บปวดแสนสาหัสทำให้หลินจงอวี้สลบไป

    หลินเมิ้งหยาประคองร่างเด็กหนุ่มเอาไว้ในอ้อมกอด ชั่วเวลาบางเศษเสี้ยววินาที นางรู้สึกราวกับว่าตนเองกำลังจะสูญเสียเขาไป

    ไม่! ไม่มีทาง!

    นางมีความรู้ความสามารถทางด้านการแพทย์ นางจะช่วยชีวิตของเสี่ยวอวี้เอาไว้ให้ได้!

    “พวกเรารีบไปร้านขายยากัน บาดแผลของเสี่ยวอวี้จะต้องได้รับการรักษาโดยด่วน ป๋ายจื่อ น้าจิ่นเยว่ พวกเจ้าจะต้องดึงสติกลับมาให้ดีกว่านี้!”

    เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยไม่คาดคิดในครั้งนี้ หลินเมิ้งหยากล้าฟันธงเลยว่าอีกฝ่ายต้องการทำร้ายนางอย่างแน่นอน

    ความโกรธปะทุขึ้นในหัวใจ ใครที่กล้าทำร้ายคนของนาง นาง…จะไม่มีวันให้อภัย!

    หลินเมิ้งหยาอุ้มหลินจงอวี้ที่อยู่ในอ้อมกอด นางรีบร้องตะโกนพร้อมทั้งพุ่งตัวเข้าไปที่ประตูของร้านขายยา

    “โธ่ นี่พวกเจ้า…” เจ้าของร้านขายยามองดูคนทั้งสี่ ขณะที่คิดจะรั้งเอาไว้ เขากลับถูกหลินเมิ้งหยาผลักตัวออกไป

    คนทั้งสี่ตรงหน้าดูเป็นคนมีฐานะ โดยเฉพาะหญิงสาวที่ผลักเขาออกเมื่อครู่ นางมีท่าทางร้อนรน ทว่าใบหน้าของนางกลับงดงาม เพียงแต่…สายตาที่มองมาทางเขากลับเจือไว้ซึ่งความเย็นชา เขารู้สึกหนาวเหน็บไปจนถึงกระดูกสันหลัง

    “เถ้าแก่ รบกวนเตรียมมีดให้ข้าหน่อย น้าจิ่นเยว่ ข้าต้องการผ้าสะอาดขนาดใหญ่ ป๋ายจื่อ เจ้าไปเตรียมแท่นสะอาดขนาดใหญ่เอาไว้ให้ข้า เร็วเข้า!”

    ทุกคนรีบเร่งเข้าไปหาของตามที่หลินเมิ้งหยาสั่ง

    นางวางร่างของเสี่ยวอวี้ลงบนเตียง ตัดเสื้อผ้าของเขาออก ผิวหนังแห้งผอมบางติดกระดูกในเวลานี้ฉีกขาดเพราะถูกถ่านร้อนฉ่านาบร่าง

    ร่องรอยบาดแผลเผยให้เห็นสีดำแดงของเลือดและเนื้อ หลินเมิ้งหยากัดริมฝีปากล่างเพราะความเจ็บปวดที่หัวใจ ไม่ นางจะต้องสงบนิ่ง!

    “เถ้าแก่ ข้าต้องการหมิงหรูเซียง เซิงสื่อเกา ตี้หยูท่าน จีจื่อป๋าย น้ำมันหมู พิมเสน จากนั้นเอาชวนซินเหลียนต้มน้ำ ข้าจะทำการฆ่าเชื้อให้กับเสี่ยวอวี้!”

    หลินเมิ้งหยาเรียนสาขาการแพทย์มานานกว่าห้าปี นางยังคงจดจำคำพูดในชั่วโมงเรียนการผ่าตัดครั้งแรกของอาจารย์ได้

    ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น คนเป็นหมอจะต้องสงบนิ่ง จึงจะสามารถช่วยชีวิตคนไข้ได้

    ทุกคนทำได้เพียงยืนมองนางล้างแผลให้กับหลินจงอวี้อย่างมีลำดับขั้นตอน จากนั้นนางจึงทายาให้กับเขา

    “พระชายา! พวกท่านไม่เป็นอะไรใช่หรือไม่!” ทันทีที่รักษาบาดแผลจนเสร็จ ร่างของพ่อบ้านเติ้งพลันปรากฏอยู่ที่หน้าประตูร้าน

    เขาที่เพิ่งจะเดินจากไปจู่ๆ ก็ได้ยินว่าเกิดเรื่องขึ้นที่รถม้า แต่เมื่อกลับมาถึง เขาพบว่ารถม้าถูกทำลายจนเหลือเพียงเศษไม้แล้ว

    ทว่าเขากลับติดอยู่ในกลุ่มฝูงชน ดังนั้นจึงไม่อาจตามมาได้ทัน

    เขาคิดจะเร่งรุดไปที่หยาหาง แต่กลับเห็นสีหน้ากระวนกระวายของป๋ายจื่ออยู่ด้านหน้าร้าน เขาจึงรู้ว่าพระชายาอยู่ในร้านยาแห่งนี้

    “ข้าไม่เป็นไร แต่เสี่ยวอวี้ได้รับบาดเจ็บ ตอนนี้ข้าอยากรีบพาเขากลับไปยังตำหนักโดยเร็วที่สุด จะช้าไม่ได้แม้แต่นาทีเดียว!”

    ภายในร้านขายยาขนาดเล็ก หลินเมิ้งหยายืนอยู่หน้าเตียงของเสี่ยวอวี้ นัยน์ตาเผยให้เห็นความเย็นชา

    พ่อบ้านเติ้งเตรียมการเอาไว้แล้ว ไม่นานรถม้าของตำหนักก็จอดลงที่ประตูหน้าร้านขายยา

    บนถนนในเวลานี้กลับมาเป็นปกติแล้ว

    แม้จะมีผู้คนขวักไขว่อยู่ทางด้านนอก ทว่ากลับไม่มีใครกล้าขวางทางรถม้า การเดินทางปลอดโปร่ง ไม่ล่าช้าเลยแม้แต่เสี้ยววินาที ไม่นานก็กลับมาถึงตำหนัก

    ทันทีที่เสี่ยวอวี้ถึงตำหนัก หมอประจำตำหนักรีบพาตัวเขาไปรักษาทันที โชคดีที่ตัวเองช่วยชีวิตเขาเอาไว้ได้ทัน อีกทั้งยังใช้ยาได้อย่างถูกต้อง ดังนั้นบาดแผลของเสี่ยวอวี้จึงไม่สาหัสมากกว่าเดิม

    หลินเมิ้งหยานั่งอยู่ภายในห้องของตนเอง ทว่านางกลับไม่จุดไฟหรือทำให้เกิดแสงสว่างใดๆ

    ใครกัน? ใครที่สามารถลงมือโดยไร้ร่องรอยกลางถนนเช่นนั้น อีกทั้งยังคิดจะใช้ก้อนถ่านเหล่านั้นทำร้ายตนเอง

    มือ…กำก้อนถ่านที่แอบหยิบกลับมาเมื่อตอนกลางวันเอาไว้แน่น

    ถ่านก้อนนี้…ดูเหมือนจะไม่ใช่ของที่หาได้ทั่วไป

    “ใครก็ได้เข้ามาที ไปตามคนดูแลถ่านหินในช่วงฤดูหนาวมาพบข้า!” ด้านนอก บ่าวเฝ้าหน้าประตูรีบออกคำสั่ง

    เวลาเพียงครึ่งถ้วยชา ผู้ควบคุมดูแลถ่านคุกเข่าลงภายในตำหนักชิงหลาน

    “ที่ข้าเรียกเจ้ามาในวันนี้ ก็เพราะข้าอยากให้เจ้าดูหน่อยว่าถ่านก้อนนี้แตกต่างอะไรจากถ่านทั่วไป” แสงเทียนในห้องถูกจุดจนสว่าง หลังจากที่บ่าวรับใช้ได้เห็นใบหน้างดงามประหนึ่งนางฟ้าของพระชายาแล้ว อยู่ๆ เขาก็รู้สึกหนาวเหน็บ

    ดวงตาของหลินเมิ้งหยาแฝงไว้ซึ่งความอาฆาต

    คนคนนั้น หากนางจับตัวมาได้แล้วละก็ จะต้องชดใช้เป็นสิบเท่า!

    “ทูลพระชายา ถ่านก้อนนี้เหมือนถ่านหยินเซียงที่ผลิตในเยว่โจวพ่ะย่ะค่ะ”

    “โอ้? เจ้าลองบอกข้าทีสิว่ามีตรงไหนที่แตกต่างถ่านทั่วไป?” คิ้วเลิกสูงขึ้น นาง…ทายถูกซินะ

    เหตุเพราะอยู่กับบรรดาถ่านที่เป็นเชื้อเพลิงทุกวัน ดังนั้นบ่าวผู้นั้นจึงมีความรู้กว่าคนทั่วไป

    “ถ่านหยินเซียงที่ผลิตในเยว่โจวจะใช้ไม้ป๋ายเซียงในการเผา ไม่เหมือนกับถ่านทั่วไป ไม้ป๋ายเซียงค่อนข้างแข็งและต้องใช้ไฟค่อนข้างแรง ดังนั้นเมื่อเผาออกมาเป็นถ่านแล้วจึงมีลักษณะแข็งกว่าถ่านทั่วไป อีกอย่างหลังจากเผาแล้วจะมีกลิ่นหอมอ่อนๆ เฉพาะตัว แต่ถึงกระนั้นระยะการเผาไหม้ของถ่านชนิดนี้ยังนานกว่าถ่านชนิดอื่น อีกทั้งยังไม่ทำให้เกิดเขม่าควัน ดังนั้นบรรดาคุณหนูจึงชอบนำมาใช้แทนกำยาน ทว่าราคาของถ่านชนิดนี้เองก็แพงเอาเรื่อง ที่เมืองหลวงแห่งนี้ นอกจากในพระราชวังแล้ว ก็มีเพียงห้าหกตระกูลเท่านั้นที่ใช้มัน”

    คำพูดของบ่าวคนนั้นทำให้หลินเมิ้งหยารู้สึกงงงวย

    หากอ้างอิงจากตามคำพูด นั่นหมายความว่าถ่านราคาแพงเช่นนี้มีเพียงคุณหนูในตระกูลชั้นสูงใช้เท่านั้น ทว่าตนเองไม่เคยออกไปเดินเพ่นพ่านที่ไหน แล้วตนเองจะไปสร้างความแค้นเคืองให้ใครได้กัน?

    สมองพลันปรากฏแสงประกายบางอย่าง หรือจะเป็น…นาง?

    แต่ก็ยังผิดปกติอยู่ดี ในเวลานั้นมีเพียงรถม้าของตนเองผู้เดียว

    เด็กคนนั้นเป็นคนหยิ่งยโส ไม่มีทางเลยที่นางจะยอมอยู่ปะปนกับชาวบ้านธรรมดาทั่วไป แล้วตกลงถ่านเหล่านี้มาจากที่ใดกันแน่?

    “อืม ข้าเข้าใจแล้ว แม่นมหยู รางวัล”

    หลินเมิ้งหยาห่อก้อนถ่านขนาดเล็กเอาไว้ในผ้าเช็ดหน้า นางรู้แล้วว่าต่อให้รีบร้อนไปก็ไม่ช่วยอะไร

    คนคนนั้นทำร้ายนางครั้งแรกไม่สำเร็จ จักต้องมีครั้งที่สองอย่างแน่นอน

    ดูท่าแล้วมีเพียงวิธีเดียวเท่านั้นที่จะจับตัวบงการได้ ภายใต้แสงเทียน นัยน์ตาของหลินเมิ้งหยาพลันเผยให้เห็นความกระวนกระวาย

    ภายในห้องอ่านหนังสือที่อยู่ไม่ไกล หลงเทียนอวี้สวมใส่ชุดฝึกวิทยายุทธ์ แม้จะเป็นชุดที่ดูเรียบง่าย แต่กลับไม่ทำให้สง่าราศีของเขาเสื่อมลง

    คิ้วของเขาเลิกขึ้นเล็กน้อย ภายในห้องมีเพียงความเงียบงัน ไม่มีใครอาจล่วงรู้ความคิดอ่านของเขาได้

    “ตรวจสอบชัดเจนหรือยังว่าผู้ใดเป็นคนบงการสร้างความวุ่นวายบนถนนในครั้งนี้?” ตอนบ่าย เย่เข้ามารายงานเขาเรื่องบนถนนวันนี้แล้ว

    หากไม่ใช่เพราะหลินจงอวี้ยอมสละตนเพื่อช่วยหลินเมิ้งหยาแล้วละก็ เกรงว่าคนที่ผิวหนังมอดไหม้เสียหายจะกลายเป็นผู้หญิงคนนั้นแทน

    “ยังพ่ะย่ะค่ะ เรื่องราวในครานี้แปลกประหลาดยิ่งนัก ข้าน้อยไร้ความสามารถ ท่านอ๋องได้โปรดลงโทษข้าน้อยด้วย!” พ่อบ้านเติ้งคุกเข่าอยู่บนพื้นเพื่อรอรับโทษทัณฑ์

    “ลุกขึ้นเถิด ข้าไม่โทษเจ้าหรอก แต่เจ้าหาเบาะแสไม่ได้เลยแม้แต่น้อยจริงหรือ?” แม้หลินเมิ้งหยาจะเป็นเพียงเครื่องมือสำหรับเขา

    อีกทั้งความเป็นความตายของนางยังไม่เกี่ยวกับเขา

    แต่ว่า…คนที่กล้าลงมืออุกอาจทำร้ายนางกลางถนนเช่นนั้น ก็มิต่างอะไรจากการยั่วยุเขาผู้นี้

    คนที่เข้ามายั่วยุเขา แต่ไหนแต่ไรมาไม่เคยพบจุดจบที่สวยงาม

    พ่อบ้านเติ้งครุ่นคิด ก่อนตอบได้เพียง “ตอนนั้นมีชาวบ้านอยู่มากมาย ข้าน้อยไปถึงหลังจากที่เกิดเรื่องขึ้นกับพระชายาแล้ว เบาะแสถูกทำลาย ข้าน้อยจึงไม่อาจมั่นใจได้พ่ะย่ะค่ะ”

    หลงเทียนอวี้พยักหน้าลง พ่อบ้านเติ้งเป็นคนน่าเชื่อถือ หากแม้แต่เขาเองก็พูดเช่นนี้ ดูท่าแล้วคนที่ต้องการทำร้ายหลินเมิ้งหยา ตอนนี้คงหลบอยู่ในเงามืดและกำลังรอที่จะเคลื่อนไหวต่อไปแน่

    “เสริมกำลังคุ้มครองพระชายา แต่อย่าได้เผยตัว อีกอย่าง หากพบใครน่าสงสัย จะต้องจับมาไต่สวนให้หมด เปิ่นหวัง1จะไม่ยอมให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีกเป็นครั้งที่สอง เข้าใจแล้วหรือไม่?”

    รถม้าของตำหนักถูกทำลายบนถนน แม้แต่พระชายายังถูกปองร้าย ดูท่าว่าฝูหยิน2ของเมืองหลวงจะอยู่ในตำแหน่งได้เพียงเท่านี้แล้ว!

    แต่การออกไปนอกบ้านของหลินเมิ้งหยาในวันนี้เป็นเรื่องที่แทบจะเป็นไปไม่ได้ คนกลุ่มนั้นรู้ได้อย่างไรว่านางจะไปยังเส้นทางไหน?

    หรือว่า…ภายในตำหนักของเขาจะมีคนสอดแนม?

    เมื่อคิดได้ดังนี้ คิ้วก็ขมวดเข้าหากันแน่น หากเป็นเช่นนั้นจริง เกรงว่าตำหนักของเขาจะไม่ปลอดภัยอีกต่อไปแล้ว

    ความหม่นหมองปรากฏขึ้นภายในดวงตาของหลงเทียนอวี้ หากภายในตำหนักอวี้แห่งนี้มีคนสอดแนมจริงๆ แล้วละก็ เขาจะกระชากคนคนนั้นออกมา จากนั้นก็กำจัดทิ้งเสีย

    แผนการในครั้งนี้จำเป็นต้องได้รับความร่วมมือจากผู้หญิงคนนั้น

    เขาลุกขึ้นแล้วออกจากห้องอ่านหนังสือไป หวังว่าผู้หญิงคนนั้นจะไม่โง่!

    ตำหนักทางทิศตะวันออกของตำหนักชิงหลาน หลินเมิ้งหยายกชามซุปไก่ร้อนๆ เข้ามานั่งลงข้างเตียงของหลินจงอวี้แล้วป้อนเขา

    ช่วงเวลาพลบค่ำ หลินจงอวี้เริ่มมีไข้

    แม้จะรู้ว่านี่เป็นเรื่องปกติ ทว่านางอดไม่ได้ที่จะเจ็บปวดใจ

    “พี่สาว…ข้าเจ็บเหลือเกิน…” หลินจงอวี้ที่เพิ่งตื่นขึ้นหลังจากสลบไปกะพริบตาปริบๆ นัยน์ตาของเขาแทบจะไร้ซึ่งชีวิตชีวา

    ช่างเป็นเด็กดีอะไรเช่นนี้ อยู่ๆ หลินเมิ้งหยาก็รู้สึกแสบร้อนที่จมูก อีกทั้งยังมิอาจห้ามความเปียกชื้นที่ขอบตา

    “เด็กโง่ ทำไมต้องรับถ่านร้อนๆ นั้นแทนข้า? เจ้ารู้หรือไม่ว่าหากถ่านแม้แต่ก้อนเดียวโดนใบหน้าของเจ้า เจ้าจะกลายเป็นคนอัปลักษณ์ไปชั่วกัปชั่วกัลป์!”

    นางหยิกใบหน้าเรียวเล็กของเด็กหนุ่ม ทว่าหัวใจกำลังรู้สึกซาบซึ้งเกินพรรณนา

    เขาพยายามเงยหน้าขึ้น ทว่าการเคลื่อนไหวของร่างกายกลับกระทบไปที่บาดแผลบริเวณหลัง แต่ถึงอย่างนั้นหลินจงอวี้ก็ยังพยายามใช้สายตาที่เปี่ยมไปด้วยความบริสุทธิ์ใจจ้องมองไปทางหลินเมิ้งหยา

    “พี่สาวเป็นคนช่วยชีวิตข้า ถ้าไม่มีพี่สาว ก็ไม่มีเสี่ยวอวี้ แม้เสี่ยวอวี้จะต้องตาย แต่ก็ต้องปกป้องพี่สาวเอาไว้ให้ได้” แม้เสียงที่ส่งออกมาจะนุ่มนวล ทว่าน้ำเสียงกลับเปี่ยมไปด้วยความมุ่งมั่นและไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย

    หลินเมิ้งหยาลูบไล้ศีรษะของเด็กหนุ่ม นางรู้สึกได้ถึงความอบอุ่นในหัวใจ

******************************

1 เปิ่นหวัง คือคำแสดงตัวขององค์ชาย

2 ฝูหยิน คือข้าหลวงบริหารงานระดับจังหวัด