ตอนที่ 30 นี่เขาคิดถึงใครกันแน่
อันโหรวมองไปที่เขา ทันใดนั้นก็เข้าใจได้ทันที ผู้ชายคนนี้มีความอยากรู้อยากเห็นคล้ายกับผู้หญิง เรียกได้ว่าเขามักสนใจผู้หญิงที่มีความแตกต่างกันไปแต่ละคน เรียกได้ว่าเหมือนอยากจะลองชิมลิ้มรสความไม่เหมือนใคร
หยกก็เปรียบเหมือนผู้หญิง
ในขณะนั้นเอง จิ่งเป่ยเฉินก็ยืนขึ้นอย่างกะทันหัน “ไปกันเถอะ ไปที่สกุลเห่อกัน”
อันโหรวมองไปที่ดวงตาของเขา แต่ก็ยังไม่ได้ขยับตามไป เธอไม่จำเป็นต้องตามเขาไปสองต่อสอง ถ้าหากจะไป อย่างน้อยก็ควรเป็นฉีเซิ่งเทียน หรือไม่ก็หลินจือเซี๋ยวที่ควรติดตามไปด้วยถึงจะดูเหมาะสมมากกว่า
ยิ่งไปกว่านั้น ถ้าหากไปยังที่ตั้งของพวกสกุลเห่อก็ต้องเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องผลิตภัณฑ์ใหม่อย่างแน่นอน ซึ่งในส่วนนี้อย่างมากขั้นตอนที่ไปก็จำเป็นต้องรวบรวมข้อมูลเอาไว้ก่อน
เธอเป็นแค่คนวางแผน ไม่มีภาระผูกพันในการรวบรวมข้อมูล เธอควรใช้พลังของเธอในการรวบรวมและวิเคราะห์แบบแผนให้ละเอียดถี่ถ้วนก่อน
“ยังยืนอยู่ตรงนั้นอีกทำไม?” จิ่งเป่ยเฉินหยุดยืนอยู่ที่หน้าประตู มือของเขากำลังจับอยู่ที่ลูกบิด
อันโหรวมองไปที่เขาและพูดออกไปว่า “ฉันไม่มีความจำเป็นต้องออกไปตรวจสอบกับคุณเลยนะคะ มันอยู่นอกเหนือแผนงานของฉันค่ะ”
“ผมสั่งให้คุณไป” น้ำเสียงของเขาดูจริงจังและแฝงไปด้วยความหนักแน่น ซึ่งไม่อาจปฏิเสธได้
เมื่อพูดจบจิ่งเป่ยเฉินก็มองไปที่เธอโดยไม่ยอมขยับไปไหน ได้แต่ยืนอยู่กับที่ จึงอดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากออกไปว่า “นี่คุณอยากจะให้ผมอุ้มออกไปอย่างนั้นเหรอ?” ท่าทีที่จริงจังและแฝงไปด้วยความตลกถูกเอ่ยออกมา
ปากของอันโหรวขยับขึ้น ก่อนจะเอ่ยออกไปสองประโยค “ไร้ยางอาย”
จิ่งเป่ยเฉินพนมมือสองขึ้นมา เขารู้สึกตลกกับเรื่องนี้มาก จึงพูดต่อว่า “ไร้ยางอายขนาดนั้นเลย?”
ทันใดนั้นภาพก็แวบเข้ามาในความคิดของเขาทันที
ภาพของผู้หญิงคนหนึ่งที่เคยเอ่ยประโยคนี้กับเขา
แต่ในสายของเธอนั้นมองว่าเขาเป็นเพื่อนหรือน้องชายเท่านั้น
อีกทั้งผู้หญิงคนนั้นก็หายตัวไปอย่างไร้เหตุผล ไม่ว่าเขาจะตามหายังไงก็หาไม่เจอ ราวกับหายไปอย่างสมบูรณ์
สำหรับอันอีหานที่อยู่ตรงหน้านั้น ดวงตาของเธอช่างคล้ายกับเธอคนนั้นมาก ทั้งแซ่เองก็เหมือนกัน
อันโหรวมองดวงตาของจิ่งเป่ยเฉินที่มองมา มันคล้ายกับทะลุผ่านร่างของเธอไป ราวกับเห็นตัวตนอีกตัวตนหนึ่งของเธอ
เขากำลังคิดถึงใครอยู่กันนะ?
บนชั้นที่สิบแปดของโรงแรมนั่วเทียน ในห้องเพนต์เฮาส์ของเขาเองก็เช่นกัน มีทั้งชุดของผู้หญิงตัวเล็ก ๆ อยู่ด้วยแบบนั้น เป็นไปได้ไหมที่ว่าเขานั้นจะมีภรรยาและลูกอยู่แล้ว?
เมื่อคิดไปถึงตรงนั้น อันโหรวก็ได้เอ่ยปากถามขึ้นอย่างไม่รู้ตัว “ประธานจิ่ง ฉันได้ยินมาจากพนักงานคนอื่น ๆ ว่าคุณยังไม่ได้แต่งงาน แต่ทำไมที่โรงแรมนั่วเทียนวันนั้น คุณถึงได้มีชุดเด็กผู้หญิง?”
ดวงตาของจิ่งเป่ยเฉินพลันเปลี่ยนไป เขากลับมาเป็นปกติเหมือนเดิมอีกครั้ง ก่อนจะเอ่ยเบา ๆ ว่า “แค่ฉุกคิดขึ้นมาได้ทันที”
อันโหรวแทบจะสำลัก ฉุกคิดขึ้นมาได้ทันทีเนี่ยนะ รสนิยมของผู้ชายคนนี้เปลี่ยนไปแล้วเหรอ? นี่ถึงขั้นชื่นชอบสะสมชุดของสาวน้อยหรือไง?…เปลี่ยนไปแล้วจริง ๆ สินะ
“ผมจะนับหนึ่งถึงสาม ถ้าหากคุณไม่ยอมไปกับผม ผมจะอุ้มคุณไป” เขาพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังและมีท่าทางที่บ่งบอกว่าเขาจะทำจริง
อันโหรวเปลี่ยนท่าที เธอรีบก้าวไปข้างหน้าทันที
ถ้าหากเขานับเร็วกว่านี้ละก็ แน่นอนเธอคงขัดขืนเขาไม่ได้แน่ มีหวังได้ถูกเขาทำเหมือนครั้งนั้น
แค่เดินไปโดยที่ไม่ต้องคิด แค่นั้นก็น่าจะพอช่วยปลอบประโลมเธอได้บ้าง
เมื่อเดินไปข้างหน้าสองสามก้าว เธอก็บิดข้อเท้าด้วยความรวดเร็ว
เธอไม่ชอบใส่ส้นสูง โดยเฉพาะส้นสูงที่สูงถึงสิบเซนติเมตร ตัวเธอนั้นก็ไม่ได้เตี้ยมากนัก แต่ทำไมถึงต้องสวมชุดเรียบร้อยและรองเท้าสูงส้นตามกฎของบริษัทจิ่งด้วย
เธอหลบตาเขา ก่อนจะยื่นมือไปข้างหน้าพลางยอมรับชะตาที่ต้องล้มลง
เพียงแต่ว่าสิ่งที่ร่างกายของเธอสัมผัสกลับไม่ใช่พื้นเย็น ๆ แต่เป็นอ้อมกอดที่แสนอบอุ่นของใครบางคน
จมูกของเธอกระแทกเข้ากับหน้าอกของเขา เธอรู้สึกได้ถึงความหอมที่ซุกซ่อนอยู่ในนั้น ในไม่ช้าเธอก็รู้ว่าเธออยู่ในจุดที่ไม่ดีเท่าไรนัก เพราะมือเธอดันไปชนเข้ากับสิ่งที่อ่อนไหวที่สุดของผู้ชาย หนึ่งคือกล้ามเนื้อหน้าท้อง และอีกอันหนึ่งก็คือ…
ไม่ผิด มือของเธอไปโดนจุดนั้นเข้า!
ห้าปีก่อนหน้านั้นเธอไม่เคยอยู่ใกล้ชิดกับชายคนไหนมาก่อนเลย
อันโหรวผลักจิ่งเป่ยเฉินออกไป แต่ยังไม่ทันพูดอะไรก็ถูกเขาอุ้มเข้าสู่อ้อมแขนอีกครั้ง
มือที่ใหญ่ ๆ ของเขามีพละกำลังเหลือล้น จากนั้นมือของเขาก็ถูกยกขึ้นมาถูจมูกของเธอเบา ๆ
“เจ็บไหม?” ดวงตาของเขาแน่นิ่งไม่เปลี่ยนแปลง แต่น้ำเสียงกลับเต็มไปด้วยความกังวล
อันโหรวส่ายหน้า เธอได้ยินผิดไปหรือเปล่า เขาใส่ใจคนอื่นขนาดนี้เลยเหรอ ทำไมถึงต้องใส่ใจขนาดนี้ด้วย?
จะว่าไปแล้ว เธอต้องรีบออกจากตัวเขาสิ!