บทที่ 39 เหตุการณ์ซวย
แต่เวลานี้นางจะว่าอะไรจางซิ่วเอ๋อได้งั้นหรือ? ย่อมไม่ได้อยู่แล้ว
ถ้านางพูดต่อ ทุกคนต้องคิดว่านางตั้งใจจะบีบคั้นจางซิ่วเอ๋อให้ตาย
แม่หลินได้แต่ก่นด่าในใจ นังคนชั้นต่ำแผนสูง หลังจากนี้นางจะไม่ยอมให้จางซิ่วเอ๋ออยู่อย่างสุขสบายแน่
แต่ถึงแม่หลินจะคิดแบบนั้น มันก็เป็นเรื่องอนาคต
ตอนนี้นางโดนจางซิ่วเอ๋อข่มไว้อย่างสิ้นเชิง
ไม่นานนักก็มาถึงตัวเมือง จางซิ่วเอ๋อจึงเช็ดน้ำตาและเอ่ยขึ้น “ข้าไปขายผักก่อนนะเจ้าคะ”
จวี๋ฮวาตั้งใจจะไปกับจางซิ่วเอ๋อ แต่จะพูดก็พูดไม่ออก เพราะนางต้องไปขายงานปักที่ร้านขายผ้าปักอีก
ส่วนจางซิ่วเอ๋อที่ขนปลาถังหนึ่งมาขายย่อมไม่อยากให้ใครรู้อยู่แล้ว เรื่องนี้จะยอมให้คนอื่นมากับตัวเองได้อย่างไร
แม่นางน้อยแบกตะกร้าสานของตัวเองขึ้นหลัง แต่ไม่ได้มุ่งหน้าไปทางทิศตลาด เพราะการไปตลาดนั้นง่ายต่อการเจอคนรู้จัก นางจึงตั้งใจจะไปเสี่ยงโชคที่โรงเตี๊ยม
และนางก็อยากไปทำความรู้จักโรงเตี๊ยมไว้ พอเครื่องเทศของนางทำเสร็จเมื่อไร ก็จะได้เอาไปขายให้โรงเตี๊ยม
จางซิ่วเอ๋อเดินวนอยู่พักนึง ก็มาอยู่ด้านนอกโรงเตี๊ยมที่ชื่อว่าอิ๋งเค่อจวี
นางชะงัก ก่อนจะสาวเท้าก้าวไปด้านใน
เสื้อผ้าของนางทั้งเก่าและขาดวิ่น เผ้าผมแห้งกรังสีหน้าหม่นหมอง แถมยังแบกตะกร้าสานใบใหญ่ พอมาปรากฏตัวในโรงเตี๊ยมนี่ก็กลายเป็นจุดสนใจทันที
คนที่เข้า ๆ ออก ๆ ในโรงเตี๊ยมนี่มีแต่คนรวย ต่อให้ไม่ใช่ทุกคนที่แต่งตัวฟุ้งเฟ้อ แต่ก็ไม่มีใครเป็นแบบจางซิ่วเอ๋อ!
ขณะนั้นเสี่ยวเอ้อที่ร้านก็เดินเข้ามา “เฮ้! เจ้ามาทำอะไร?”
น้ำเสียงเสี่ยวเอ้อฟังดูไม่ค่อยดีเท่าไรนัก
จางซิ่วเอ๋อรู้ว่าตัวเองโดนดูถูก แต่ในเมื่อนางมาแล้ว จะยอมให้คนอื่นไล่ออกไปแบบนั้นไม่ได้
นางจึงปริปากเอ่ย “ข้าจับปลามาได้ เลยจะมาถามว่าพวกท่านรับซื้อไหม”
“ไม่รับ ๆ” เสี่ยวเอ้อเหลือบมองจางซิ่วเอ๋อ แล้วหันไปมองตรงที่เถ้าแก่อยู่ เห็นได้ชัดว่ารำคาญ
ขืนปล่อยให้นังบ้านนอกยืนอยู่ตรงนี้ ถ้าแขกเหรื่อไม่พอใจเข้า มีผลกระทบต่อการค้าขายของโรงเตี๊ยมขึ้นมาจะทำอย่างไร? ถึงตอนนั้นเถ้าแก่ต้องด่าเขาแน่ ที่สำคัญที่สุดคือ….ถ้านังบ้านนอกนี่มาขายปลาจริง ๆ ล่ะแย่แน่
ปลาที่โรงเตี๊ยมส่วนใหญ่แล้วเขาเป็นคนออกไปซื้อเอง เป็นลูกน้องที่คอยวิ่งหาของ
แต่สินค้าอย่างปลามีราคาไม่คงตัวเหมือนราคาเนื้อหมู เพราะฉะนั้นจะมีกำไรในตอนซื้อขาย
ถ้าเกิดนังบ้านนอกนี่มาขายปลาจริง แล้วเถ้าแก่พบว่าซื้อปลากับนางสะดวกกว่าแล้ว เขาจะยังได้เป็นคนไปหาซื้อปลาอยู่อีกหรือ?
ไม่ทันที่จางซิ่วเอ๋อจะพูดอะไรต่อ เสี่ยวเอ้อก็เข้ามาผลักนาง
จางซิ่วเอ๋อก็คิดไม่ถึงว่าเสี่ยวเอ้อจะลงมือ จึงไม่ทันระวังตัว
ในตะกร้าสานบนหลังของนางเป็นถังไม้ และในถังไม้มีน้ำกับปลาอยู่ ซึ่งหนักสุด ๆ
เดิมทีก็หนักท่อนบนเบาท่อนล่างอยู่แล้ว ครั้นโดนเสี่ยวเอ้อผลักอีก จางซิ่วเอ๋อจึงหงายหลังไปทันที
ขณะนี้จางซิ่วเอ๋อยืนอยู่ตรงหน้าประตูพอดี บังเอิญกว่านั้นคือเวลานี้มีคน ๆ หนึ่งกำลังเดินเข้ามาอีกด้วย
จางซิ่วเอ๋อจึงล้มหงายไปแบบนั้นและทับไปบนตัวคนผู้นี้
น้ำในถังไม้หกออกมา ปลาก็กระเด็นออกจากตะกร้าสาน
เรียกได้ว่า คนที่อยู่ข้างหลังจางซิ่วเอ๋อต้องซวยโดยไม่ทันตั้งตัว!
ชุดผ้าฝ้ายอย่างดีโดนสาดด้วยน้ำที่เหม็นกลิ่นคาวปลา แถมมีปลา 2-3 ตัวตกใส่…ดูแล้วน่าอับอายอย่างเหลือจะกล่าว
ตอนนี้บรรยากาศรอบด้านได้หยุดนิ่งไป
จางซิ่วเอ๋อไม่มีเวลาจะหันหน้าไปดูคนผู้นั้น เพราะตอนที่นางล้มลงไป คนผู้นี้ได้ผลักนางออกไปข้าง ๆ จนล้มกระแทกพื้น เจ็บเอวสุด ๆ ไม่ต้องดูก็รู้ว่าเคล็ด
จางซิ่วเอ๋อรู้สึกในบัดดลว่าวันนี้ตัวเองไม่น่าออกจากบ้านเลย ไม่สิ บางทีนางอาจจะต้องซื้อปฏิทินไว้ดูฤกษ์ แล้วดูให้ดี ๆ ก่อนออกจากบ้าน!
ปกติตอนมาที่ตัวเมืองก็ไม่เห็นเคยเจอเรื่องซวยมากขนาดนี้?
ทำไมวันนี้บังเอิญเจอหมดเลยล่ะ?
มีแม่หลินนั่นแดกดันถากถาง แล้วยังเสี่ยวเอ้อที่โรงเตี๊ยมอีก
ต่อให้ไม่ซื้อปลาของนาง ก็ไม่เห็นต้องลงมือเลยนี่?
ผ่านไปครู่ใหญ่ จางซิ่วเอ๋อถึงกระเสือกกระสนคลานขึ้นมาได้ พอลุกขึ้นก็ได้ยินน้ำเสียงไม่พอใจ “เจ้าไม่มีตาหรืออย่างไร? ยังไม่รีบโขกศีรษะขอโทษคุณชายบ้านข้าอีก!”
จางซิ่วเอ๋อผงะ
ไม่มีตา? โขกศีรษะขอโทษ?
นางต้องมีตาที่หลังเหรอ? แล้วต้องโขกศีรษะขอโทษเหรอ?
คนที่พูดเป็นชายหนุ่มอายุ 18-19 ปี เป็นผู้ติดตามของเจ้าคนโชคร้ายที่โดนจางซิ่วเอ๋อชน ตอนนี้กำลังจ้องนางด้วยหน้าตาโกรธเกรี้ยว
เสื่ยวเอ้ออีกด้านก็พูดอย่างร้อนรน “นั่นน่ะสิ! เจ้าทำอะไรเนี่ย? บังอาจมาชนแขกผู้เกียรติของร้านข้า!”
ขณะนั้นเถ้าแก่ก็เดินเข้ามา เสี่ยวเอ้อจึงรีบบอก “เถ้าแก่ นางคนนี้แหละบอกจะมาขายของอะไรไม่รู้ที่ร้านเรา เดินก็ไม่ระวัง ไปชนแขกผู้มีเกียรติเข้า”
เถ้าแก่ตะโกนทันที “เด็ก ๆ จับนางคนที่ก่อเรื่องในร้านไว้!”
จางซิ่วเอ๋อทนไม่ไหวแล้วจริง ๆ นางโกรธจัดจนหัวเราะ “ใต้หล้านี้มีเหตุการณ์ที่กลับดำเป็นขาวได้ขนาดนี้เลยเหรอ! ข้าว่าร้านนี้เป็นร้านใจดำชัด ๆ!”
นางพูดพลางลูบเอวตัวเองไปด้วย เจ็บจริง ๆ เลย
“ข้าจนไปหน่อยก็จริง แต่ข้ามาที่ร้านก็ไม่ได้มาก่อเรื่อง ข้าก็แค่อยากถามว่าร้านนี้รับซื้อปลาไหม เดิมทีก็เป็นแค่การซื้อขายอยู่แล้ว ใช่ว่าข้าวิงวอนขอความเมตตาจากพวกท่านสักหน่อย ต่อให้พวกท่านไม่อยากซื้อ ปฏิเสธข้าเสียก็จบ แต่พี่ชายคนนี้กลับยื่นมือมาผลักข้า” จางซิ่วเอ๋อโมโหจนหน้าแดงก่ำ
“ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่ข้าเป็นสตรี เพียงเขาผลักข้าแบบนี้ก็ทำลายชื่อเสียงข้าแล้ว การที่เขาผลักข้ามันสมควรแล้วเหรอ?”
พูดมาถึงตรงนี้ จางซิ่วเอ๋อก็ชะงักนิดหน่อย มีเพียงนัยน์ตาเปล่งประกายอยู่บนใบหน้า นางหันกลับไปมองผู้ติดตามที่ตำหนิตัวเองเมื่อครู่ “ข้าไม่ดีเองที่ชนคุณชายของเจ้า แต่บนหลังข้าไม่มีตาจริง ๆ”
พูดจบ จางซิ่วเอ๋อก็มองคนโชคร้ายอีกคน
จะว่าไปคน ๆ นี้ก็ซวยจริง ๆ จู่ ๆ ก็ต้องมาเจอเรื่องแบบนี้
ถึงแม้เมื่อครู่เสี่ยวเอ้อจะผลักนางไปทีนึงจนล้มกระแทกพื้น แต่จางซิ่วเอ๋อไม่ได้รู้สึกว่าชายผู้นี้ต้องพยุงตัวนางไว้ ผู้ติดตามเขาพูดจาไม่น่าฟังก็จริง แต่อย่างไรเสียเขาก็เป็นคนที่มาเจอเรื่องโชคร้ายทั้งที่ไม่ได้ทำอะไร
จางซิ่วเอ๋อมองคน ๆ นี้อย่างไตร่ตรอง สายตาพลันตะลึงขึ้นมา
คนผู้นี้ใส่ชุดฝ้ายอย่างดีทั้งตัว บนชุดมีลวดลายสีทองหม่น ถ้ามองไม่ผิด ลวดลายแบบนี้ไม่ได้เกิดจากการย้อม แต่เกิดจากการทอด้วยไหมทอง!
หน้าตาก็หล่อเหลาเอาการ สายตาของเขาช่างดูล้ำลึก ไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่
แต่ตอนนี้เขาได้ตกอยู่ในสภาพน่าอับอาย ตัวเปียกน้ำจนชุ่มโชก บนศีรษะก็มีปลากระโดดข้ามไปเมื่อครู่…เปียกไปครึ่งตัวแล้ว
…………………………………………